วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Hercules ( 2014 ) Movie Review

 Movie Review 



"เฮอร์คิวลิสคืออีกหนึ่งหลักฐานของความพยายามในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ แต่ในท้ายที่สุดตัวมันเองก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากการเดินวนซ้ำที่เก่าอย่างไม่รู้ตัว"



      จากภาพยนตร์หายนะในต้นปีที่ดันมีตัวเอกชื่อเดียวกันอย่างจงใจอย่าง The Legend of Hercules ที่พวกเราพยายามจะลืมๆมันไปซะ มาสู่ Hercules ฉบับของเดอะร็อคหรือดเวย์น จอห์นสันที่เรียกได้ว่ากลายเป็นความหวังใหม่ให้กับคนทีต้องการจะชมภาพยนตร์ตำนานเทพกรีกนี้อีกครั้ง ซึ่งไม่แน่ใจว่ากระแสความอยากครั้งนี้ มาจากการที่พวกเราอยากเห็นเรื่องราวของเทพเฮอร์คิวลิสผู้นี้บนจอเงิน หรือว่าจากหายนะของ The Legend of Hercules ที่ทำให้เราตั้งตารอคอย Hercules ฉบับนี้เป็นพิเศษกันแน่


ในขณะที่ตัวอย่างภาพยนตร์ของมันกับความคาดหวังของคนทั่วไปรวมถึงตัวผู้เขียนเอง คาดว่าจะซื้อตั๋วเข้าไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วจะเผชิญกับความวินาศ หายนะ ฟัดกับสัตว์ประหลาดอย่างไฮดร้า หรือเซอเบอรัส ชนิดขว้างและปาซีจีใส่หน้าผู้ชมทุก 5 วินาทีจนกว่าเราจะชินชาไปกับมัน


ในความเป็นจริงมันกลับกลายเป็นว่าตัวอย่างภาพยนตร์กับตัวเนื้อภาพยนตร์จริงๆของมันแทบจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แทนที่มันจะไปใกล้เคียงกับภาพยนตร์อย่าง Clash of Titans มันกลับไปใกล้เคียงกับภาพยนตร์ในปีนี้อีกเรื่องอย่าง Maleficent แทน ด้วยการพยายามนำตำนานหรือเรื่องเล่ามาดัดแปลงและเล่าใหม่อีกครั้ง ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผู้เขียนอย่างมาก เสมือนกับการซื้อตั๋วเข้าไปชม Wrath of Titans แต่กลายเป็นได้ชม Maleficent แทน


แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงครั้งนี้ มันกลับกลายว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ จากการดัดแปลงตำนานรวมถึงนำมาเล่าใหม่ได้อย่างน่าสนใจและเล่นกับจุดนี้ได้ไม่เลวเลยอีกด้วย ซึ่งสิ่งที่ยิ่งทำให้ประเด็นนี้น่าขบขันเข้าไปอีกก็คือ เมื่อนำภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ภายนอกไม่ได้สัญญาว่าจะดัดแปลงเรื่องอะไรเลย ไปเทียบกับภาพยนตร์อย่าง Maleficent ที่สัญญาอย่างชัดเจนว่านี้จะเป็นเรื่องใหม่และไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน  ตัวภาพยนตร์อย่าง Hercules กลับดัดแปลงและเล่าเรื่องในมุมมองใหม่ๆได้อย่างยอดเยี่ยมเสียยิ่งกว่า Maleficent เสียอีก


นักแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้เองก็ทำได้ดีกว่าที่คาดคิดไว้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ดเวย์น จอห์นสัน ที่อยู่ในระดับพอจะรับน้ำหนักและพลังของภาพยนตร์ได้ในระดับหนึ่ง , จอนห์ เฮิรต์ที่ยังคงรับบทบาทได้อย่างยอดเยี่ยม หรือนักแสดงอีกหลายๆท่านเช่น รูฟัส ซีเวลล์ ,ปีเตอร์ มัลแลน หรือแอคเซล เฮนนี แต่คนที่ดูเหมือนจะทำให้ผู้เขียนไม่ผิดหวังมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นป๋าเอียน แมคเชน ที่ยังคงสร้างเสียงหัวเราะและสีสันให้กับภาพยนตร์เช่นเคย ถึงแม้จะน่าเสียดายอยู่บ้างที่ตัวภาพยนตร์มีเวลาให้กับตัวละครบางตัวน้อยไปนิดทั้งๆที่ตัวละครหลายตัวก็น่าสนใจไม่แพ้กับตัวละครหลัก
เช่นตัวละครอย่าง Tydeus ที่ถึงแม้ว่าตัวละครของเขาจะพูดเพียงคำๆเดียวทั้งเรื่อง เขากลับเป็นตัวละครที่น่าสนใจมากที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้


ถึงแม้ว่าตัวภาพยนตร์ Hercules จะพยายามสร้างสรรค์สิ่งใหม่โดยการดัดแปลงเรื่องเล่าเก่าๆนำมาประยุกต์และเล่าใหม่ก็ตาม แต่เมื่อเวลาเอาเข้าจริงมันกลับเต็มไปด้วยองค์ประกอบที่ซ้ำซากจำเจอย่างน่าเสียดาย เช่นตัวละครที่มีความคิดและลักษณะเดิมๆ คุณเคยเห็นตัวละครเหล่านี้มาก่อนในภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ คุณทราบดีว่ามันจะไปจบลงที่ใดและฉากต่อไปจะเป็นอย่างไรดี ถึงแม้ว่าภาพยนตร์จะพยายามดิ้นเท่าไรก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนจะหลีกหนีจุดๆนี้ไม่พ้นเสียที


นี้ยังไม่รวมถึงโปรดัคชั่นดีไซน์ของภาพยนตร์ที่เข้าขั้นน่าผิดหวังไม่น้อย ชนิดที่ทำให้นึกถึงภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่ว่าด้วยเรื่องราวของหายนะซึ่งคุณภาพของมันเองกลับกลายเป็นว่าหายนะเสียยิ่งกว่าอย่าง Pompeii ถึงแม้ใน Hercules จะถือว่าทำได้ดีกว่าหน่อยในระดับหนึ่งก็ตาม แต่ความห่างนั้นมันก็ช่างใกล้แสนใกล้จนบางครั้งแทบจะนึกว่าอยู่ในระดับเดียวกัน


ในท้ายที่สุด ก็อดไม่ได้ที่จะต้องขอชมภาพยนตร์เรื่องนี้ จากการพยายามสร้างสรรค์สิ่งใหม่และพยายามที่จะแตกต่างออกไปจากสิ่งที่เราคาดหวัง แต่สุดท้ายแล้วตัวมันเองก็ไม่ได้ต่างไปจากภาพยนตร์ที่มีความพยายามคล้ายคลึงกันเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น Maleficent ที่ตัวมันเองก็ลืมไปว่า การพยายาม และดิ้นรนไปสู่ทางใหม่ของมันนั้น ก็เป็นเพียงการพาไปสู่ทางใหม่ที่คนอื่นเคยเหยียบย่ำมาแล้วก็เท่านั้นเอง


Final Score : [ B ]




เข้าไปกดไลค์แฟนเพจผมกันได้ที่นี้นะครับผม :) https://www.facebook.com/fallsdownzcritic

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น