วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

L.A Noire ( 2011 ) [ Game Review ]

Game Review
"เมืองแห่งการโกหกและหลอกลวง"




Game Name : L.A. Noire
Platforms : PC , Playstation 3 , Xbox 360
Rating : Mature





                        ถ้าหากพูดถึงเกมสืบสวนสอบสวนซักเกมหนึ่งแล้วล่ะก็ คอเกมหลายๆคนก็คงจะนึกถึงเกมอย่าง L.A. Noire ไม่น้อยเลยทีเดียว จากการที่มันเป็นหนึ่งในเกมสืบสวนสอบสวนที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดเกมหนึ่งเลยทีเดียว



L.A. Noire เป็นเกมแนวสืบสวนสอบสวนแบบเต็มๆ ซึ่งแน่นอนว่ามันจึงเต็มไปด้วยการหาหลักฐาน สอบสวนผู้ต้องสงสัย / ผู้เห็นเหตุการณ์ เป็นเหตุที่ทำให้เกมๆนี้จึงเป็นเกมที่ค่อนข้างช้า ถ้าหากคุณคิดว่าทุกอย่างมันจะมากองตรงหน้าคุณแบบหลายๆเกมคงจะผิดมหันต์แล้ว นี้เรียกได้ว่าจึงเป็นประการแรกที่คุณจะต้องคิดก่อนที่จะลองเกมๆนี้ ว่าคุณรับได้กับเกมแนวนี้หรือไม่ ลืมประเภทยิงกันหูดับตับไหม้กันทุก 5 วินาทีไปได้เลย



อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนอยากให้ทำใจไว้ก่อนเล่นเกม L.A Noire เลยก็คือ เกมๆนี้ค่อนข้างจะเน้นความสมจริงเป็นหลัก แน่นอนว่าคดีต่างๆก็จะโหดสุดๆไม่ว่าจะเป็นฆาตกรรม ไปจนถึง ข่มขืนเลยก็มีเช่นเดียวกัน ยังไม่รวมถึงการที่เราจะต้องไปสำรวจศพที่สภาพเช่นนั้นจริงๆอีกด้วย จึงทำให้เกมๆนี้อาจจะไม่เหมาะสำหรับผู้เล่นทุกคนซักเท่าไรนัก 


ต้องพูดจากใจผู้เขียนเลยว่า L.A Noire เป็นเกมสืบสวนสอบสวนชนิดที่ไม่ค่อยจะจูงมือผู้เล่นซักเท่าไรนัก และให้อิสระกับผู้เล่นในการสืบสวนคดีอย่างเต็มที่ แต่การให้อิสระครั้งนี้นั้น ก็ตามมาด้วยความผิดพลาดของตัวผู้เล่นเองเช่นเดียวกัน ในขณะที่เกมสืบสวนคล้ายๆกันอย่าง Danganronpa แทบจะชี้หลักฐานทุกอย่างให้กับผู้เล่นและยอมรับความผิดพลาดได้นิดหน่อยบ้าง L.A. Noire นั้นทุกอย่างคุณจะต้องเป็นคนหาเอง และตีความเอง ไม่มีการบังคับให้ห้ามออกจากพื้นที่จนกว่าคุณจะได้หลักฐานครบอีกต่อไป ซึ่งนำมาสู่การที่คุณดันหาหลักฐานไม่ครบ ซึ่งหลักฐานชิ้นนั้นๆมันอาจจะสำคัญมากจนทำให้คุณลากตัวผู้ร้ายมาผิดคนเลยก็เป็นได้ โดยคุณจะสังเกตุได้จากเสียงเพลงในขณะกำลังหาหลักฐานต่างๆ ว่าคุณได้ครบรึยัง ถ้าหากเสียงเพลงดังขึ้นแสดงว่าคุณยังหาไม่ครบ และเสียงเพลงจะหายไปเมื่อคุณได้หลักฐานครบทุกชิ้นในตอนนั้นแล้วนั้นเอง



แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ทำให้ L.A Noire เป็นที่พูดถึงจริงๆเลยก็คือ ระบบการสอบสวนผู้ต้องสงสัยหรือพยานของมัน เนื่องจากตัวเกมนั้นใช้เทคโนโยี Motion Scan ที่ทำให้มนุษย์ในเกมมีหน้าตา ท่าทาง และการแสดงสีหน้าที่สมจริงมากที่สุดเท่าที่ผู้เขียนเคยได้เห็นมาเลยทีเดียว โดยสืบสวนในเกมนั้น เราจะต้องคอยฟังและดูหน้าตาของพวกเขาว่าสิ่งที่พวกเขาบอกเรามานั้นเป็นสิ่งที่โกหกหรือความจริง ถ้าหากเราคิดว่าคนๆนั้นโกหกเราจะต้องมีหลักฐานเพื่อมาโต้แย้งว่าสิ่งที่คนๆนั้นพูดโกหก ยกตัวอย่างเช่น เขาบอกว่าเขาไม่ได้อยู่แถวนั้น แต่เรามีหลักฐานว่าคนแถวนั้นเห็นเขาอยู่แถวๆนั้นมานานแล้วเป็นต้น แต่ในกรณีที่คุณไม่มีหลักฐาน คุณก็จะต้องกดปุ่ม "สงสัย" เพื่อเป็นการตั้งข้อสงสัยว่าสิ่งที่พวกเขาพูดมานั้นถูกต้องจริงหรือ ?


ถึงแม้ว่ามันจะมีเพียงแค่ 3 ตัวเลือก "จริง" , "โกหก" กับ "สงสัย" เท่านั้น แต่เมื่อเล่นจริงๆแล้ว มันเป็น 3 ตัวเลือกที่ยากมากๆเลยทีเดียว บางครั้งเราแทบจะบอกไม่ได้เลยว่าพวกเขาโกหกหรือไม่ ในขณะที่บางครั้งก็ง่ายดายเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากคุณทราบว่าพวกเขาโกหก แต่ดันใช้หลักฐานผิดชิ้น ข้อๆนั้นก็จะตกไปเลยชนิดที่ไม่มีการกลับมาแก้ตัวอีกด้วย ด้วยความที่ตัวเกมค่อนข้างที่จะจริงจังและไม่คิดว่าคุณเป็นเด็กที่ต้องมานั่งจูงมือตลอดเวลา จึงทำให้ L.A. Noire กลายเป็นเกมที่น่าจะถูกใจคนที่ชอบเกมหรือภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนแบบหนักๆอย่างแน่นอน


"เขาโกหก ? , พูดความจริง ? หรือว่าน่าสงสัยกันแน่หว่า ?"


ถึงแม้ว่าตัวเกมจะดูเหมือนยากมากๆสำหรับคนทั่วๆไปก็ตาม (ซึ่งมันก็ยากในระดับหนึ่งจริงๆ) ตัวเกมก็ไม่ลืมที่จะแอบคอยมีตัวช่วยอยู่ตลอดเวลา โดยเมื่อคุณเลเวลอัพจากการทำสิ่งต่างๆในเกม คุณก็จะได้แต้ม Intuition Points ที่คุณสามารถใช้แต้มนี้ในการแสดงหลักฐานในฉากต่างๆ หรือตัดตัวเลือก 3 ตัวเลือกให้เหลือเพียง 2 ได้เช่นเดียวกัน จึงทำให้เกมไม่ยากจนเกินไปสำหรับคนที่ไม่อยากจะเสียเวลามานั่งเล่นใหม่อีกครั้ง นี้ยังไม่รวมถึงแทบจะทุกคดีในเกมที่เราจะมีผู้ช่วยอีกคนมาติดตามเราตลอดเวลา ถ้าหากเราติดขัดตรงไหน หรือไปต่อไม่ถูก ก็ให้ไปคุยกับพวกเขาได้เลย


เนื้อเรื่องในคดีต่างๆเองก็น่าสนใจมากๆเลยทีเดียว ถึงแม้ว่ามันจะค่อนข้างเก่าไปบ้างด้วยความที่ตัวเกมอิงจากเมือง ลอสแองเจลิส ในปี 1947 แต่ในอีกด้านหนึ่งมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับนั่งชมภาพยนตร์หรือฟิลม์นัวร์ที่ยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว


แต่มีจุดๆหนึ่งที่สำหรับผู้เขียนเรียกได้ว่าผิดหวังมากที่สุดในเกม L.A. Noire จุดๆนั้นก็คือเนื้อเรื่องหลักของตัวละครเอกที่แยกออกมาจากเนื้อเรื่องตามคดีต่างๆ นอกจากที่มันจะน่าสนใจน้อยกว่าเนื้อเรื่องตามคดีต่างๆแล้ว ตอนจบมันก็จบแบบหักดิบชนิดเหมือนตบหน้าผู้เล่นอย่างนั้นเลยทีเดียว ซึ่งไม่แน่ใจว่าจุดๆนี้ไปอธิบายต่อใน DLC ที่ออกมาทีหลังหรือไม่ เพราะผู้เขียนก็ไม่ได้เล่น DLC แต่สำหรับตัวเกมอย่างเดียวนั้น จุดนี้ถือได้ว่าเป็นจุดที่อ่อนแอและน่าผิดหวังที่สุดของตัวเกมเลยทีเดียว


จุดต่อมาก็คือความที่ตัวเกมเป็นแบบ Open World หรือโลกเปิด แต่กลับไม่ค่อยมีอะไรให้ทำเท่าไรนักนอกจากเราจะวิ่งไปเจอเหตุการณ์ตามถนนต่างๆ เช่นมีการปล้นธนาคารหรือไล่ล่าผู้ร้ายที่ค่อนข้างจะซ้ำๆซากๆแนวเดิม อย่างอื่นนั้นแทบจะไม่มีอะไรให้เราทำเลย ไม่มีการเล่นโบวลิ่ง ชมภาพยนตร์ หรือฝึกยิงปืน ไม่มีเลยจึงทำให้อารมณ์ของความเป็น Open World ค่อนข้างที่จะจืดชืดไปบ้าง ยิ่งไปเทียบกับเกมอย่าง Grand Thief Auto หรือ GTA ยิ่งจืดชืดเข้าไปอีก




ในท้ายที่สุดแล้ว L.A. Noire ก็ถือได้ว่าเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมมากๆเกมหนึ่ง จากการที่มันเนรมิตเมืองลอสแองเจลิสในปี 1947 ออกมาได้อย่างสวยงาม , ระบบ Motion Scan ที่สมจริงเหลือเชื่อชนิดที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นรายละเอียดหน้าคนเยอะขนาดนี้ในเกม , เนื้อเรื่องในแต่ละคดีที่น่าติดตาม รวมไปถึงระบบสืบสวนเช่นหาหลักฐาน หรือ สอบสวนผู้ต้องสงสัยที่ตื่นเต้น สมจริงและท้าทายมากๆ ถึงแม้ว่าตัวเกมจะน่าผิดหวังในด้านของเนื้อเรื่องหลักและ Open World ที่จืดไปบ้าง แต่นี้ก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่พลาดไม่ได้เลยทีเดียวเชียว




Final Score : [ A ] & [ Must Play Badge ]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น