วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2557

Dark Souls II ( 2014 ) Game Review

Game Review
คุณพร้อม ที่จะเผชิญกับคำสาบและความตายหรือยัง ?



Game Name : Dark Souls II ( 2014 ) Action / Role-Playing (RPG)
Developers : From Software
Platforms : Playstation 3 , Xbox 360 , PC
Rating : Mature 18+






                                       Dark Souls เป็นชื่อที่คอเกมหลายๆคน น่าจะเคยได้ยินกันมาบ้าง หรือบางท่านอาจจะเคยสัมผัสมาแล้วในภาคแรกก็เป็นได้ โดยซีรียส์ Souls นั้น จริงๆแล้วมีถึง 3 ภาค นั้นก็คือ Demon Souls - Dark Souls และแน่นอน Dark Souls 2 ซึ่งผู้เขียนต้องขอพูดตั้งแต่เริ่มก่อนเลยว่า ไม่เคยแตะภาคก่อนหน้านี้เลย เรียกได้ว่า Dark Souls 2 เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของ ซีรียส์ Souls อย่างแท้จริงเลยทีเดียว


และแน่นอนเมื่อเราพูดถึง Dark Souls หรือนึกถึง Dark Souls สิ่งๆแรกที่มักจะขึ้นมาในหัว ก็คงหนีไม่พ้นความ "ยาก" ของมัน ที่ยากจนขนาดเรียกได้ว่า จงจำไว้เลยว่า นี้ไม่ใช่ God of War หรือ Devil May Cry  คุณไม่สามารถที่จะวิ่งเข้ารัวๆปุ่ม แล้วรอดชีวิตกลับมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นการสู้ตัวต่อตัวในเกม แม้แต่ตอนต้นเกม ก็เรียกได้ว่าท้าทาย และโหดร้ายอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ยิ่งศัตรูมาหลายๆตัว ก็ยิ่งไม่ต้องพูดเลย วิ่งเถิด !! เพราะว่าในเกมนี้นั้น ศัตรูทั่วๆไปนั้นมีการโจมตีที่รุนแรงมาก ขนาดผู้เขียนเองเล่นสายที่เรียกได้ว่าน่าจะมีเลือด และเกราะพอตัวแล้ว ศัตรูบางตัวยังตีเพียงแค่ทีเดียว เลือดจาก 100% เหลือ 20-15% ทันที ย้ำว่าทีเดียว เพราะฉะนั้นจงทำใจเอาไว้ก่อนจะเล่นเกมในซีรียส์ Souls เลยว่า คุณจะต้อง "ตาย" (หลายครั้ง) อย่างแน่นอน เพราะสำหรับตัวผู้เขียนเองที่เล่นซีรียส์ Souls เป็นครั้งแรก ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ตายไปมากกว่า 50 ครั้ง หรืออาจจะเฉียดๆ 100 ครั้งแล้วด้วยซ้ำไป ยิ่งไปกว่านั้นคือมีการนับสถิติการตายของผู้เล่นทั่วโลกอีกด้วย ซึ่ง ณ ปัจจุบันก็ปาไปหลายล้านแล้วครับ !!


ซึ่งด้วยความที่ศัตรูนั้นตีแรงมากๆในเกม มันทำให้การหลบการโจมตี หรือ ป้องกันการโจมตีจากศัตรู เป็นจุดที่สำคัญมากๆ ซึ่งสองแบบนี้ จะมีความเสี่ยงและรางวัลที่แตกต่างกันออกไป ในขณะที่การหลบการโจมตี คุณจะไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลย ซ้ำยังสามารถหาจังหวะสวนกลับได้อีก แต่ถ้าหากคุณดันหลบพลาดก็เตรียมรับดาเมจแบบเต็มๆ ซึ่งในตอนนั้นอาจจะหมายถึงชีวิตของคุณได้เลย อีกแบบหนึ่งก็คือการป้องกันการโจมตีจากศัตรูโดยโล่ (ซึ่งสำคัญมากถ้าหากคุณเป็นมือใหม่) ซึ่งโล่ส่วนใหญ่จะป้องกันความเสียหายได้พอสมควรแต่ไม่ 100% ซึ่งคุณไม่ต้องเสี่ยงว่าจะหลบพลาดแล้วโดนเต็มๆหน้าหรือไม่ แต่นั้นก็แลกมาด้วย การเสียโอกาสในการสวนกลับศัตรูไปพอสมควรเพราะคุณจะเสีย Stamina หรือ ค่าความเหนื่อยจากการรับการโจมตีของศัตรูนั้นเองเวลาสวนจึงสวนได้ไม่มากเท่ากับการหลบการโจมตี และบางครั้งอาจจะไม่ได้สวนเลยก็ได้ โดยเฉพาะศัตรูที่เป็นบอส เพราะการโจมตีส่วนใหญ่ของบอสนั้น จะทำให้การป้องกันเราแตกได้ภายในไม่กี่ครั้งของการโจมตี เพราะเมื่อคุณป้องกันการโจมตีแล้ว Stamina ของเราจะกลายเป็น 0 ทันที (โดยเฉพาะช่วงหลังๆของเกมที่บอสตีแรงมาก) และในช่วงนั้นคุณจะอยู่ในสถานะทำอะไรไม่ได้เลยทันที (จงดูค่า Stamina ให้ดี มิเช่นนั้นการ์ดแตกในขณะที่บอสยังคอมโบไม่จบ ก็เตรียมตัวนอนได้เลย) 



ขออนุญาติซ้ำเติมความ "สิ้นหวัง" ซึ่งเป็น Theme ของภาคนี้ เข้าไปอีก ก็คือการตกในเกม เกมส่วนใหญ่นั้น เวลาเราตกน้ำ หรือ ตกผา ส่วนมากจะเสียแค่เลือด แล้วก็กลับมาที่เดิม (เช่น Darksiders ) แต่ใน Dark Souls II การตก = ตาย ไม่ว่าคุณจะมีเลือดมากเท่าไร หรือ เกราะยอดเยี่ยมมากเท่าไรก็ตาม ตายหมด เพราะฉะนั้นสำรวจสถานที่รอบๆข้างให้ดีก่อน เพราะบางครั้งเราไม่ได้เดินไปตกเอง แต่เพราะเราโดนการโจมตีของศัตรูนี้แหละทำให้กระเด็นไปตกตาย หรือ บางครั้งเรากลิ้งหลบตกผาเองก็ยังเป็นเหตุที่เกิดขึ้นได้(จากประสบการณ์ผู้เขียน เชื่อเถอะ)


แต่... เพราะความยากของ Dark Souls II นี้แหละ ถึงทำให้ตัวเกมมันโดดเด่น น่าสนใจ และที่สำคัญก็คือ ท้าทายอยู่ตลอดเวลา เพราะตัวเกมไม่มีการออมมือ หรือ จูงมือ ชี้ทางคุณแต่อย่างใด ตัวเกมนั้นให้อิสระกับคุณอย่างมากเลยทีเดียว และเพราะความยากนี้เอง มันทำให้ทุกๆชัยชนะมีความหมายอย่างมาก ใน Dark Souls II นั้นเมื่อคุณฆ่าบอส หรือผ่านศัตรูที่สุดแสนโหดไปได้แล้ว คุณจะรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว รวมไปถึงกับตัวเกมก็ให้รางวัลที่ค่อนข้างจะสมน้ำสมเนื้อกับความเสี่ยงของเราอยู่พอสมควรเลยทีเดียว และนั้นเป็นความรู้สึก ที่เกมหลายๆเกมให้ไม่ได้ แต่ Dark Souls II ให้ได้นั้นเอง จะว่าไปแล้วตัวเกมก็ไม่ได้ถึงกับขี้โกง หรือ ยากซะทีเดียว แต่ผู้เขียนรู้สึกว่ามัน "แฟร์หรือเท่าเทียม" กับเรามากกว่า ใช้เรารับความเสียหายหนัก แต่เราก็ทำความเสียหายหนักเช่นกัน ขึ้นอยู่กับฝีมือและวิธีของคุณแล้ว ว่าใครจะได้รับชัยชนะไป



อย่างที่บอกไว้แล้ว ว่าตัวเกมนั้นให้อิสระกับผู้เล่นอย่างมาก ซึ่งนั้นก็รวมไปถึงเกมเพลย์และระบบต่อสู้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าตัวเกมจะเริ่มมาโดยให้มีเลือกคลาสหรืออาชีพต่างๆก็ตาม แต่ในท้ายที่สุดแล้ว คุณจะเพิ่มค่าสถานะต่างๆอย่างไรก็ได้ตามใจคุณ รวมถึงคุณจะใส่อาวุธอะไรก็ได้ตามใจคุณอีกเช่นกัน คุณอยากจะเป็น Cleric ที่ถือดาบคู่ไล่ฟาดฟันศัตรูหรือ ? ย่อมได้
คุณอยากจะเป็น Knight ขี้กลัว ที่ถือธนูคอยสอยศัตรูจากมุมมืดงั้นหรือ ? ย่อมได้ 
ซึ่งนอกจากนั้นแล้ว ถ้าหากคุณถืออาวุธที่เหมือนกันในสองมือ เช่นดาบคู่ หรือ มืดพกคู่ คุณยังสามารถใช้ท่าพิเศษที่มีแต่ในอาวุธเหล่านี้ได้อีกด้วย ซึ่งเหมือนทีมพัฒนา From Software จะให้ความสำคัญกับในจุดนี้มากเลยทีเดียว


การให้อิสระของตัวเกมนั้น มันทำให้เกมเพลย์ของ Dark Souls II นั้นแตกต่างจากเกมอื่นๆอยู่พอสมควรเลยทีเดียว คุณมีอิสระที่จะไปแผนที่ไหนก่อนก็ได้ หรือ จะฆ่าบอสตัวไหนก่อนก็ได้แล้วแต่คุณ ถ้าหากคุณไปถึง และฆ่ามันไหว(ยกเว้นบอสบางตัวที่มีเงื่อนไข) และถ้าหากคุณอยากจะกลับไปอีกแผนที่อย่างรวดเร็ว ก็ยังมี Bonfire เอาไว้ให้คุณวารป์ไปอีกแผนที่ ที่คุณเคยไปและจุด Bonfire มาแล้วอีกด้วย (คิดซะว่า Bonfire เปรียบเสมือนจุดเซฟ)  นอกจากนั้นแล้ว Bonfire ยังเรียกได้ว่า เป็นเพียงไม่กี่สิ่งในโลกของ Dark Souls II ที่ไม่พยายามจะฆ่าคุณ แต่กลับช่วยคุณอย่างมากอีกต่างหาก หากคุณนั่งพักใน Bonfire มันจะฟื้นฟูพลังชีวิตของคุณ และยังฟื้นฟูค่าคงทนของอาวุธของคุณอีกด้วย แต่จงระวัง ถ้าหากคุณนั่งบน Bonfire แล้ว ศัตรูที่คุณฆ่าไปจะเกิดใหม่ทั้งหมด (ยกเว้นบางตัว เช่นบอส) นั้นหมายความว่า คุณพัก ศัตรูก็ได้พักเช่นกัน แต่ในภาคนี้มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในจุดนี้ นั้นก็คือ ถ้าหากคุณฆ่าศัตรูตัวเดิมๆซ้ำๆ มันจะไม่เกิดใหม่อีกแล้ว เพื่อป้องกันการฟารม์ Souls ซึ่งเป็นระบบเงินในเกม และนอกจากนั้นยังเป็นการช่วยผู้เล่นที่ไม่ผ่านแผนที่นั้นๆ ให้ไม่ต้องผ่านศัตรูใหม่ทั้งหมดหลายๆรอบจนเกินไปอีกด้วยนั้นเอง



และด้วยความยากของตัวเกม มันทำให้วิธีการเล่นของคุณเปลี่ยนไปอย่างแท้จริง ถ้าหากเป็นแต่ก่อน ผู้เขียนคงวิ่งเข้าไปรัวปุ่มแบบ Darksiders อย่างแน่นอน แต่ Dark Souls II เปลี่ยนวิธีการเล่นของผู้เขียนไปจนหมดเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น การมองแผนที่และสิ่งรอบๆข้างว่าตรงไหนมีหลุม มีบ่อ หรือมีที่ๆจะตกลงไปตายได้หรือไม่ มีที่ตรงไหนแคบ หรือจะทำให้การต่อสู้เราเสียเปรียบหรือไม่ และถ้าหากเสียเปรียบ จะถอยอย่างไร ก่อนที่จะทำการค่อยๆลากศัตรูมาทีละตัว แล้วฆ่าทิ้งซะ ไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมด หรือ จะเป็นนิสัยที่ชอบฟันหีบสมบัติก่อนที่จะเปิด (ผู้เขียนโคตรกลัว Mimic เคยโดนกินทีนึง)  ซึ่งไม่มีเกมใดเท่าที่ผู้เขียนเคยเล่นมา ที่จะส่งผลถึงพฤติกรรมผู้เล่นได้ขนาดนี้ เมื่อเล่นเกมไปซักพัก คุณจะพบว่าคุณจะมีอาการระแวดระวังซะทุกอย่างรอบตัวไปเสียหมดเลยทีเดียว ซึ่งจะว่าไปก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะใน Dark Souls II ถ้าหากคุณไม่เก่งจริง หรือ แม้กระทั่งคุณเก่ง การไร้ความอดทน และความโลภ สามารถทำให้คุณโดนรุมกระทืบหรือโดนฟันตายได้อย่างรวดเร็ว ถ้าหากคุณคิดว่าคุณสามารถสวนการโจมตีได้เพียง 2 ครั้ง จงตีเพียง 2 ครั้ง อย่าโลภ หรือ พยายามจบเร็วๆ ด้วยการโจมตี 3 ครั้ง เพราะบางครั้ง มันจะทำให้คุณหลบการโจมตี หรือ ยกโล่ไม่ทัน และผลก็คือจะมีคำว่า You Died ขึ้นตัวใหญ่ๆบนหน้าจอของคุณนั้นเอง



ถึงแม้ว่าตัวเกมจะดูว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะผ่านก็ตาม แต่ความจริงแล้ว ถ้าหากคุณมีความอดทนพอ คุณจะพบว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คุณคิดเลย ใช่ศัตรูเหล่านี้มันช่างโหดร้าย และโจมตีรุนแรงมาก ถึงมากที่สุด แต่ถ้าหากคุณอดทน และสังเกตุดีๆ คุณจะทราบถึง ท่าหรืออนิเมชั่นการโจมตี หรือ ท่าต่างๆของศัตรู เช่นฟันสามที , ทุบด้วยโล่ หรือ กระโดดทับ และเมื่อคุณรู้ว่าศัตรูกำลังจะใช้ท่าอะไร หาทางรับมือกับมัน และสวนในขณะที่มันมีช่องว่างให้ตีฟรีๆซะ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ คุณจะพบว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิดจริงๆ (แต่เชื่อเถอะพูดมันง่ายกว่าทำ) 


นอกจากนั้นแล้วตัวเกมยังมีระบบ Multiplayer ที่เข้ามาสร้างมิติใหม่ๆและประสบการณ์ใหม่ๆให้กับผู้เล่นอีกด้วย เช่นคุณสามารถที่จะเรียกผู้เล่นคนอื่นมาช่วยในการรุมกระทืบบอสที่คุณทำเท่าไรก็ไม่ผ่านซักทีได้ แต่ในอีกด้านหนึ่งจงระวังการโดนบุกรุกจากผู้เล่นคนอื่นเอาไว้ด้วย เพราะผู้เล่นเหล่านี้มีเป้าหมายเพียงอย่างเดียว ก็คือฆ่าคุณนั้นเอง ส่วนวิธีแก้ก็ง่ายมาก ก็ฆ่าเขาก่อนที่เขาจะฆ่าคุณได้นั้นเอง (หรือกดปิดเครื่อง) ซึ่งในจุดนี้ระบบ Covenant หรือคล้ายๆกับกลุ่มในเกม เข้ามามีส่วนร่วมอย่างมาก เช่นในบางแผนที่ ที่มี Covenant นี้ประจำอยู่ ถ้าหากคุณเข้าไปในแผนที่ๆนั้นโดยที่คุณไม่ได้เป็นสมาชิกของ Covenant นั้น คุณจะมีสิทธิโดนบุกรุกจากสมาชิกของกลุ่มๆนั้น หรือ บาง Covenant จะไม่บุกรุกโลกของคุณ แต่จะฉุดกระฉากลากดึงคุณเข้าไปโลกของเขา เพื่อที่จะเข้าได้แอบวางกับดักต่างๆไว้รอคุณอีกด้วย ซึ่ง Covenant ต่างๆจะมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป แล้วถ้าหากคุณทำตามเงื่อนไขของแต่ละ Covenant ได้สำเร็จ คุณก็จะได้รับไอเทมอีกด้วย



อีกหนึ่งระบบที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือระบบ Souls ในเกม ซึ่ง Souls เปรียบเสมือนเป็นเงินในเกมก็ว่าได้ เอาไว้ใช้ซื้อของ ซ่อมของ ตีบวกอาวุธ รวมไปถึงการอัพเลเวลอีกด้วย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในเกมก็ว่าได้ แต่ !! จงระวัง ถ้าหากคุณตาย คุณจะสูญเสีย Souls ที่คุณถือเอาไว้ตอนนั้นอยู่ทันที ซึ่งยังมีวิธีแก้ก็คือการเดินไปแตะที่ Souls ของคุณ ณ จุดๆที่คุณตายนั้นแหละ แต่ถ้าหากคุณยังตายอีกรอบหรือเรียกง่ายๆว่าล้มเหลวในการกู้ Souls คืน 
Souls ทั้งหมดตรงนั้นก็จะหายวับไปกับตา เหลือแต่ความเศร้าโศกของคุณ 


สิ่งที่พิเศษมากๆใน Dark Souls II ก็คือความรู้สึกที่ทุกอย่างนั้นมีส่วนร่วมในเกมอยู่ตลอดเวลา เช่น แทนที่ตัวเกมจะมีการปรับระดับความยาก กลับใส่ไอเทมอย่าง Bonfire Ascetic ที่เพิ่มความโหดให้กับศัตรูในบริเวณนั้นเข้าไปแทน
หรือระบบ Hollow ในเกม ที่เมื่อเราตาย เราจะเริ่มกลายสภาพเป็น Hollow หรือคล้ายๆกับมนุษย์ที่สูญเสียความเป็นมนุษย์ไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นปีศาจไปในที่สุด ซึ่งนอกจากมันจะส่งผลถึงเกมเพลย์โดยการที่มันลดขนาดหลอดเลือดเราแล้ว มันยังให้ความรู้สึกว่าเรากำลังเข้าไปอยู่ในเนื้อเรื่องในเกม ที่พูดถึง คำสาป และ การแก้คำสาปอีกด้วย นอกจากนั้นการที่เรากลายสภาพเป็น Hollow เราจะไม่สามารถเรียก NPC หรือ ผู้เล่นคนอื่นมาช่วยได้อีกด้วย เพราะเรานั้นไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้วนั้นเอง 


ในด้านของเนื้อเรื่องในตัวเกมแล้ว ก็น่าสนใจพอสมควรเลยทีเดียว คุณคือคนที่ต้องคำสาป และเดินทางมาที่ดินแดนนี้ เพื่อหาทางแก้คำสาปของคุณ ซึ่งเนื้อเรื่องหลักๆแบบไม่หาอะไรเพิ่มเติมมันจะดูไม่ค่อยมีอะไรมากนัก แต่ถ้าหากใครเป็นแฟนของเกม Dark Souls ก็คงจะนั่งดูรายละเอียดแต่ละไอเทม และพยายามตั้งสมมุติฐานต่างๆเกี่ยวกับดินแดน และเรื่องราวเหล่านี้อย่างแน่นอน เพราะ ถ้าหากสังเกตุและตั้งใจฟังดีๆแล้ว แต่ละตัวละคร แต่ละสถานที่ และแต่ละไอเทม จะแอบแฝงไปด้วยเรื่องราวมากมายเลยทีเดียว 



ถึงแม้ว่า Dark Souls II จะเป็นเกมที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบเสียเหลือเกินก็ตาม แน่นอนว่ามันก็ต้องมีข้อเสียอยู่บ้าง และนี้ก็เป็นข้อเสียในความรู้สึกของผู้เขียนของ Dark Souls II

อย่างแรกเลยก็คือกราฟฟิค และ ภาพในเกม ที่ถึงแม้มันจะไม่ใช่จุดเด่นหรือจุดขายของเกมก็ตาม แต่ก็อดยอมรับไม่ได้จริงๆ ว่ากราฟฟิคมันช่างเก่าย้อนยุคเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะในยุค Next-Gen นี้แล้วยิ่งเข้าไปใหญ่ ซึ่งก็แลกมาด้วยเฟรมเรตที่ดีขึ้น เล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่กระตุก แต่ในบางครั้งก็แอบเศร้าในกราฟฟิคอยู่เหมือนกัน

หรือระบบ Covenant ของ Dark Souls II ผู้เขียนต้องบอกตามตรงเลยว่า ไม่ได้รู้สึกว่ามันสำคัญและน่าสนใจซักเท่าไรเลย นอกจากการทำถ้วย Platinum เพราะสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่า Covenant เหล่านี้สำคัญจริงๆ ก็เพราะระบบ Multiplayer แท้ๆเลยทีเดียว นอกจากนั้นแล้ว ไม่รู้สึกว่ามันจำเป็น หรือ น่าสนใจแต่อย่างใดเลยจริงๆ พูดง่ายๆก็คือ Covenant อื่นๆที่ไม่ได้เกี่ยวกับ Multiplayer ดูไม่น่าสนใจไปทันทีเลยทีเดียว



Dark Souls II เป็นเกมที่เรียกได้ว่าสมกับการร่ำลือเสียจริงๆ เพราะนอกจากมันจะเป็นเกมที่ท้าทาย สนุก และให้รางวัลกับผู้เล่นที่กล้าที่จะต่อกรกับมันแล้ว ตัวเกมมันยังช่างให้ความรู้สึกที่ไม่สามารถที่จะหาได้จากเกมอื่นๆอีกด้วย ซึ่งความรู้สึกนั้น มันส่งผลต่อตัวผู้เล่นมากถึงขนาดที่เปลี่ยนวิธีการเล่นไปอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว ซึ่งนี้ก็เป็นหลักฐานได้อย่างชัดเจนว่าทำไม Dark Souls II ถึงได้เป็นเกมที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดเกมหนึ่งบนโลก แล้วคุณล่ะ พร้อมที่จะมาสัมผัส Dark Souls II หรือยัง ถ้าหากพร้อมแล้ว ก็เหลือเพียงคำถามเดียวเท่านั้นที่คุณจะต้องตอบ                                                                  "คุณพร้อมที่จะตายหรือยัง ?"


Final Score : [ A+ ] 




สามารถ Comment บทวิจารณ์หรือติดต่อผู้เขียนโดยตรงได้ที่ fallsdownzth@gmail.com ครับผม ขอบคุณครับ :) .

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น