วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

จุดประสงค์ของ บล็อคนี้ *** กรุณาอ่าน ***


จุดประสงค์ของบล็อคนี้






บล็อคนี้สร้างขึ้นเพื่อรีวิวหรือวิจารณ์ภาพยนตร์ หรือเกมส์ ต่างๆที่ตัวผู้เขียน (FallsDownz) ได้ชมหรือได้เล่น มาด้วยตัวเอง ซึ่งในทุกๆเนื้อหา ในทุกๆซอกทุกมุมของ บล็อคนี้ ไม่มีการทำเพื่อเงินหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ผมได้ผลประโยชน์ทั้งสิ้น สิ่งที่ผมได้มีเพียง ประสบการณ์ และความรู้ เท่านั้น เพราะฉะนั้นทุกๆอย่างในบล็อคนี้ ทำขึ้นมาด้วยใจรักของผู้เขียนเท่านั้น ไม่มีจุดประสงค์ อื่นใด หากท่านใด คิดว่า ผมโฆษณา ให้ผู้ใด หรือรับเงินอะไร จากใคร กรุณาขอให้ส่งหลักฐานมา และผมจะยอมปิดบล็อคนี้ทันที จะมีก็แต่ให้เครดิต ที่ไปดูข้อมูลจากเว็ปต่างๆมาก็แค่นั้น และการที่ผมไปโพสรีวิวในบอร์ดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Siamzone , Gconsole , Facebook , Thai dvd หรือแม้กระทั่ง Pantip  แล้วได้ลิงค์โพสมาถึงบล็อคนี้ก็เพื่อ บางครั้งผมจะเขียนรีวิวโดยไม่ได้ไปโพสในบอร์ดต่างๆ อาจจะเป็นเรื่องที่ ไม่ได้เข้าโรง หรือลงแผ่นไปแล้ว หรือรีวิวเกมต่างๆ เพื่อความสะดวก และเพื่อเพื่อนๆ หลายๆคนที่ติดตามบล้อคผมจะได้เข้ามาอ่านได้อย่างง่ายขึ้น และในทุกๆบอร์ดที่ผมไปโพสทุกครั้งผมจะเขียน มินิรีวิว แทนเอาไว้ สำหรับหลายๆท่านที่ไม่ได้มีเวลาอ่านเยอะมากมาย ให้อ่านเพียงไม่กี่วินาที ก็สามารถที่จะเข้าใจได้ ว่าควรจะชม หรือไม่ชม ภาพยนตร์เรื่องนั้นๆตามความคิดของตัวท่านผู้อ่านเอง ไม่ได้มีจุดประสงค์ในการขายบล็อค แต่อย่างใด แต่ถ้าหากการกระทำผมดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น ก็ต้องขออภัยด้วย

หากท่านใดไม่พอใจ อะไรสิ่งใดในตัวผม กรุณาขอให้บอกมา ตรงๆอย่าอ้อมค้อม ผมจะได้แก้ไขให้ถูก แต่บางครั้ง ผู้อ่านก็ต้องเข้าใจผู้เขียนบ้าง ไม่ใช่จะเอาทุกอย่างตามใจชอบ เพราะผมไม่ได้ทำเป็นอาชีพครับ ผมก็มีชีวิตของผม  มีเวลาว่างของผม จึงอยากให้เข้าใจมา ณ ที่นี้ด้วย 

หากบทความนี้หรือคำพูดใดๆของผมไม่ว่าจะที่ใดบอร์ดใดก็ตามทำให้บางท่านไม่พอใจหรือไม่สบายใจก็ต้องขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วย แต่ผมต้องเขียนข้อความนี้จริงๆ เพราะยังมีหลายๆท่าน ที่คิดว่าผม ทำแบบนี้เพราะ โฆษณา ตัวผมเอง ผมขอบอกมา ณ ที่นี้เลยครับว่า
หากท่านไม่พอใจ หรือ ไม่ชอบขี้หน้าผมว่างั้นเหอะ กรุณาถอยไปครับ ไม่ต้องมาอ่าน ผมไม่ได้ขอร้องให้คุณมาอ่านครับ จะลบ จะด่า จะแฉผมอะไรก็เชิญ แต่กรุณาอย่ามา เกรียนแถวนี้ครับ ผมไม่ชอบ  

สำหรับหลายๆท่านที่ติดตามบทความของผมมาตลอด และเข้าใจผมดี หรือหลายๆท่านที่ เคยวิจารณ์ บทความรีวิวของผม ผมก็ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ผมรับประกันว่าผมจะพยายามพัฒนารีวิวของผมต่อไป และ รีวิวต่อไปเรื่อยๆ ครับ

ขอบคุณครับ


สงสัย / ติดต่อ / แนะนำ / อยากให้รีวิวภาพยนตร์ / อื่นๆ ได้ที่ Email : thornmasterห้าห้าห้า@yahoo.com

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

Resident Evil 5: Retribution ( 2012 ) Movie Review

Movie Review




Movie Name : Resident Evil (5) : Retribution , Screen Gems , Action / Horror
Director :  Paul W.S. Anderson (also writer)
Stars : Milla Jovovich ( Resident Evil 1-4 ) , Michelle Rodriguez ( Resident Evil 1 , Machete ) ,
Sienna Guillory ( Resident Evil 4 , Eragon )
Rating : R ( Blood , Violence , Sexual Theme ) 



REVIEW ***** รีวิวนี้ อาจมีการสปอยล์ *****
(THAI)


Resident Evil นั้นคือซีรียส์เกมส์ที่เรียกได้ว่า ณ ตอนนี้ไม่มีใครกล้าจะปฏิเสธว่า กลายเป็นตำนานไปแล้ว ด้วยปัจจุบัน (เกมส์) มีถึง 6 ภาคแล้ว ซึ่งภาคที่ 6 ของเกมส์เองก็ใกล้จะวางจำหน่ายเต็มทีแล้ว ยังไม่นับถึงภาคแยกยิบๆย่อยๆอีกเป็นสิบ ซึ่งเรื่องยอดขายคงไม่ต้องพูดถึงว่ามันเยอะขนาดไหน โดย Resident Evil นั้นปัจจุบันผู้ถือลิขสิทธิ์อยู่ก็คือ Capcom หรือท่านใดอยากจะเรียกแคปหมูก็ตามสะดวก 

ด้วยความดังนี้เองจึงไม่น่าแปลกใจที่ทำไมถึงได้มี ภาพยนตร์ที่ชื่อ Resident Evil มาปรากฏโลดแล่นในจอภาพยนตร์ แถมยังขายดิบขายดีในระดับหนึ่งอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเอาเข้าจริงๆแล้ว ภาพยนตร์ที่ถูกสร้างมาจากเกมส์นั้นค่อนข้างจะล้มเหลวเยอะ เช่นเดียวกับ เกมส์ที่สร้างจากภาพยนตร์เช่นกันที่มักจะล้มเหลวทั้งด้านรายได้และ ด้านคุณภาพ

Resident Evil : Retribution นั้นในภาคนี้ได้ดำเนินเรื่องราวมาถึงภาคที่ 5 แล้ว โดยเรื่องราวก็ยังคงเดิมๆ วิ่งหนีซอมบี้ ยิงๆๆๆ จบ ที่เหลือเอาเป็นว่าอย่าไปสนใจมันเถอะ...... และสิ่งที่ยังคงเดิมไว้อีกแล้วก็คือ
ผู้กำกับ Paul W.S. Anderson ที่ยังคงมารับหน้าที่เป็นผู้กำกับเช่นเคย และ Milla Jovovich ที่มารับหน้าที่แสดงเป็น อลิซ ซึ่งหลายๆคนคงทราบแล้วว่า สองคนนี้ เขาเป็น สามี-ภรรยา กัน

Resident Evil : Retribution นั้นเราคงต้องมาพูดถึงฉากแอ๊คชั่นต่างๆกันก่อน โดย 80% ของหนัง 1 ชม.กว่าๆนี้ก็เต็มไปด้วยฉากยิงกับหูดับตับไหม้กันตลอดเวลา ในช่วงเปิดตัว 10-20 นาทีแรกของหนังนั้นทำออกมาได้น่าสนใจและเท่อยู่ไม่น้อย โดยการใช้เทคนิคสโลว์โมชั่น แต่ไม่ได้ใช้แค่สโลว์อย่างเดียวแต่ยังใช้วิธีสโลว์+ย้อนกลับอีกด้วย ก็คือเป็นการสโลว์ถอยหลังนั้นเอง เรียกได้ว่าเท่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ เอาเข้าจริงๆ ฉากนี้หากไม่มีสโลว์+ย้อน มาช่วยมันก็คงจะไม่น่าสนใจเอาซะเลย เพราะฉากก็ยังคงอาศัยแค่ระเบิดตูมตาม โดดไปโดดมา ยิงๆๆ และจบฉาก ภายใน 5 วินาที ซึ่งน่าเสียดายอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะหากทำฉากออกมาดีกว่านี้ แล้วยิ่ง + สโลว์ ย้อนไปอีก ก็คงจะเทพไม่ใช่น้อย

พูดถึงเรื่องความน่าเสียดาย ก็คงต้องขอพูดต่อ สำหรับในซีรียส์ที่ยิ่งใหญ่อย่าง Resident Evil ที่บางคนอาจจะไม่สังเกตุ หรือไม่รู้ด้วยซ้ำแม้กระทั่งดูหนังจบแล้ว ว่าในภาคที่ 5 นี้ มี Leon มาด้วย !!! ใช่ครับคุณไม่ได้ดูคนละเรื่องกับผมหรอก แต่ด้วยความที่ว่า 90% ของการโฟกัสตัวละคร ไปที่อลิซ หมดแล้วทำให้คนอื่นที่เหลือก็ดูเหมือนจะกลายเป็นลูกกระจ๊อกที่เดินตามอลิซ แค่นั้นเอง ซึ่งข้อนี้หลักๆก็คงจะมาจากการที่ ผกก. อยากขายเมียตัวเอง (คล้ายๆเรื่อง Total Recall เปะ ) นั้นเอง ซึ่งหลายๆท่านที่เป็นแฟนเกมอยู่แล้ว ก็คงทราบดีว่า ในเกมนั้น พวกตัวละครอย่าง Leon , Chris , Jill นั้นเทพแค่ไหน แต่ในหนังกลับดูเหมือนหยั่งกะมาจากคนละจักรวาลซะอย่างงั้น ทั้งๆที่เอาจริงๆนะ คนที่เป็นแฟนเกมซีรียส์ Resident Evil นั้นคงมีไม่กี่คนหรอก ที่เข้าไปดู Milla จริงๆ พวกเขาอยากที่จะเข้าไปดู ตัวละครที่พวกเขารักอย่าง คริส , เลออน , จิล ต่างหาก แต่ด้วยความที่ เรื่อง ผัวๆ เมียๆ เข้ามาเกี่ยว ก็ต้องทำใจกันไป ซึ่งจริงๆแล้วประเด็นนี้มันไม่ได้เพิ่งจะมาเป็นภาคนี้หรือช่วงหลังๆ แต่เป็นมาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว ซึ่งเรียกได้ว่าน่าเสียดายอยู่ไม่น้อย ทั้งๆที่สามารภ หรือมีโอกาส ได้จับ ได้หยิบ ตัวละครเหล่านี้แล้ว แต่กลับขายอย่างอื่น ที่ไม่ใช่ Resident Evil แทน (ตัวละคร อลิซ นั้นไม่เคยมีอยู่ในเกมนะครับ ในภาพยนตร์เขาคิดขึ้นมาเอง) จึงพูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำว่า นี้คือ Resident Evil จริงๆ มันดูเหมือนจะเป็นหนังไล่ยิงซอมบี้ อีกเรื่อง ซะมากกว่า

นอกจากนั้น หลังจากฉากแอ๊คชั่นที่เหมือนจะดูดีในช่วงต้นของหนัง ที่เหลือ 60-70% ของหนังก็แทบจะพูดได้ว่า งั้นๆจริงๆ ฉากแอ๊คชั่นต่างๆ ไม่ได้ดูสวยงาม ไม่ได้ดูอลังการอย่างที่หวังไว้ ซึ่งเอาจริงๆ ผู้เขียนก็ไม่ได้หวังอะไรมากมายจาก ซีรียส์นี้แล้วล่ะ(เฉพาะหนังนะ) ถ้าใครที่ดูมาทุกภาคแล้วก็คงจะรู้ดี 
ถึงแม้จะมีการใส่ฉาก ใส่ตัวละครที่ "ดูเหมือนจะดี" อย่าง The Excutioner ที่ภาคที่แล้วโผล่มาตัวเดียว ภาคนี้เลยจัด มา 2 ตัวมันซะเลย แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ดูดีอย่างที่คิด ก็ยังคงแสนจะธรรมดา ไม่สมกับเป็นถึงระดับ Mini-Boss ในเกม ซักเท่าไร เรียกได้ว่าสำหรับในหนังดูเหมือนจะเป็นแค่ลูกกระจ็อกสุดกาก ที่แค่ตัวใหญ่แค่นั้น แถมท่าทางการโจมตี ต่างๆก็ยังซ้ำซากกับภาคทีแล้วอีก ไม่แน่ใจว่าสรุก ขี้เกียจหรือว่ายังไง ถึงได้ สิ้นคิดใช้ความคิดประมาณว่า "ก็แค่เพิ่มไปอีกตัวแล้วก็ให้มันฟันๆๆๆแล้วก็ตายๆไปซะแล้วก็จบไปเหอะ" ซะได้...

ฉากที่เรียกได้ว่าเป็นไคลแมกซ์ของภาคนี้นั้นก็คือ ฉากที่ อลิซ สู้กับ จิล ซึ่งจะว่าไปก็ดูเหมือนจะเป็นเพียงตัวละครเดียวในหนังตอนนี้ที่พอจะสู้ดูสูสีกับ อลิซ  อยู่บ้าง อาจจะเพราะว่าเธอสวยแล้วถูกใจ ผกก.อีกคนก็เป็นได้ แต่อีกแหละครับ เอาเข้าจริงๆ ฉากต่อสู้ก็ดูไม่ได้มีอะไรมากมายนักนอกจาก เตะๆต่อยๆเฉยๆ และยังมีสิ่งที่น่าเสียดายอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโอกาสที่จะได้โชว์ ความสามารถ เทพๆของ จิล ซึ่งในเกมภาคที่แล้วก็มีตัวอย่างให้ดูมากมาย แต่นี้กลับ ดูหยั่งกะคนละคน ซะอย่างนั้น แต่ก็ยังจะพอเป็นคนเดียวในตอนนี้ ที่เรียกได้ว่า มาจากเกมส์ หรือว่าเธอคือจิลจริงๆ ไอ้พวก คริส สุดเทพในเกม แต่หนักยิ่งกว่าลูกกระจ็อก ในหนังก็ลืมๆมันไปซะเถอะ แถมภาคนี้ยังไม่มีบทอีก โถ.....กรรม พี่คริส หรือ เลออน สุดเท่ สุดหล่อ กระฉากใจสาว ในเกม กลายเป็น กุ๋ยข้างถนน อีกหนึ่งลูกกระจ็อกของ อลิส ที่หนังมีมาตั้ง 
5 ภาคแล้ว เพิ่งจะได้มาโผล่... กรรม... แถม ฉากจบของภาคนี้ก็อีกแหละตามเคย ทำเพื่อให้มีภาคต่อไปอีกเช่นเคย ซึ่งทำออกมาไม่ได้ดูดีเลย แต่กลับทำซะอย่างกะมันอลังการ เพื่อเป็นการหลอกตัวเองซะงั้น

มาพูดถึงเรื่องบทกันบ้าง เอาเป็นว่าอย่าไปสนใจอะไรมันมากเลยนะฮะ สำหรับบท ใน RE เวอร์ชั่นหนังนี้เพราะในทุกๆภาค หลักๆที่คุณต้องรู้ก็เพียง อลิซเป็นเมียผกก. เธอเทพ เธอเก่ง ท่องไว้ครับ 3 คำที่เหลือไม่ต้องจำมันหรอก เพราะไม่ว่าการบรรยายเรื่องราวในหนังจะดูอลังการ ดูดี ดูน่าตื่นเต้นแค่ไหน พวกเขาก็กลับเอามันมาสับด้วยหนังภาคต่อของตัวเอง ทำซะอย่างกะเล่นของเล่น เช่น อลิซที่มีพลังสุดเทพ ที่ผมว่ามันก็ทำให้หนังดูไม่ใช่ Resident Evil อยู่แล้ว อุส่าห์ เขียนบทให้มันหายไปแล้วในภาคที่ 4 แต่ภาคนี้ตอนจบก็ยังจะมีทำให้มันกลับมาจนได้ เหมือนวันไหนตูมีอารมณ์อยากให้อลิซมีพลังตูก็ให้พลัง แต่วันไหนไม่มีก็เป็นคนธรรมดาไป ซะงั้น นอกจากนั้นภาคนี้ยังจะมีตัวละคร ที่เสียชีวิตไปแล้วในภาคที่แล้วๆมามาอีกโดยในตัวหนังเองก็แทบจะไม่ได้อธิบายอะไรเลย เหมือนกับ ผกก. อยากจะพูดว่า "เห้ยจะคิดมากทำไมเรื่องตัวละครใหม่ ก็แค่เอาตัวละครเก่าที่ตายไปแล้วชุบชีวิตมันขึ้นมา แล้วก็ Re-Use ใช้ใหม่เลยสิ!!" เอาซะแบบนั้นไปเลย ทำให้ความศักดิ์สิทธิ์ ที่ว่ามีคนตายในหนัง ชักจะกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว เพราะฉะนั้น ตอนนี้ใครที่ดูเหมือนจะตายๆไปในหนัง ก็ยังคงมีสิทธิ กลับมาได้อยู่... OMG...

Resident Evil : Retribution นั้น ถือว่าเกือบสอบตกในด้าน ความสนุก ส่วนในด้านคุณภาพ ไม่ต้องพูดถึง ตกแบบ ไม่รู้จะตกยังไงแล้ว ซึ่งจะเรียกได้ว่ามันกลายเป็นมาตราฐานของซีรียส์นี้(สำหรับหนัง)ไปซะแล้ว ทำให้ 90% ของคนที่ดูปัจจุบัน ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะดีอะไรมากมายจาก ซีรียส์นี้อีกต่อไปแล้ว แต่เหมือนตีตั๋ว เข้าไปดูเพราะมันเหมือนกลายเป็นหน้าที่ไปแล้วซะมากกว่า (แหมก็ดูมาแล้ว 4ภาค ก็ทนๆดูให้มันจบๆไปเถอะ) จะว่าไปแล้ว ผู้เขียนตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ว่า การที่แฟนๆเกม Resident Evil หวังสิ่งที่มากกว่าคำว่า "เกือบจะสนุก" จากภาพยนตร์ที่เรียกได้ว่าบังอาจใช้ชื่อ "Resident Evil" เนี้ย มันมากไปหรือ ? หรือว่าทางค่าย ทางผกก. ทาง Capcom พอใจกับมาตราฐานอันสุดจะทนนี้แล้ว ? หรือว่าพวกเราแฟนเกม ขอมากเกินไปหว่า ? หรือจะบอกว่าไม่ควรจะเอาเกมมาเทียบกับหนังกัน ? ซึ่งเอาจริงๆแล้ว ยังมีหนังอีกเรื่องนึงที่เข้าฉายปีนี้เช่นกัน และยังได้รับต้นแบบมาจากเกมอีกด้วยนั้นก็คือ Silent Hill ซึ่งภาคล่าสุดคือ ภาค 2 ( Silent Hill : Revelation 3D ) ซึ่งถ้าถามว่ามันดีเท่าเกมหรือความน่ากลัวเทียบเท่าเกมไหม ซึ่งตัวผม ผู้เขียนนั้น ได้เคยเล่นเกม Silent Hill มาหลายภาคมาก จึงขอกล้าบอกเลยว่าต้องใช้คำว่า
ตัวหนังนั้นถ้าเทียบความน่ากลัวกับตัวเกมจริงๆนั้น "เทียบไม่ติดฝุ่น" ด้วยซ้ำ แต่ทำไมผมถึงได้ยกตัวอย่างกรณี Silent Hill มาเทียบกับ Resident Evil ล่ะ ? ก็เพราะ ในหนัง Silent Hill นั้นยังคงมีคุณภาพในระดับที่เรียกได้ว่าสูงมากแล้วสำหรับหนังที่ทำมาจากเกม พวกเขายังคง สนใจ และ ใส่ใจ ในต้นตำรับของเกม ใส่ใจแฟนๆ ด้วยการเคารพซีรียส์ Silent Hill ที่จะเรียกได้ว่า มีชื่อเสียงแล้วอยู่ในวงการเกมมายาวนานไม่ได้แพ้ Resident Evil เลย เพราะฉะนั้น Silent Hill นั้นผมสามารถที่จะกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า นี้แหละ คือ Silent Hill ภาพยนตร์ที่มีต้นแบบมาจากเกม สุดสยอง ไม่ใช่ Resident Evil ที่ ณ ปัจจุบันแทบจะไม่เหลืออะไรที่เรียกได้ว่า เป็น Resident Evil อีกแล้ว นอกจากชื่อ 

Resident Evil : Retribution ในภาคนี้ยังคง คงระดับมาตราฐาน ที่ไม่ค่อยจะดีนักเอาไว้อยู่ คือมันส์เข้าว่า บทช่างมัน ซึ่งเอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้มันส์ ขนาดนั้น แต่ยังถือว่าเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ใครหลายๆคนพอที่จะทนดูมันต่อไปจนจบได้


Final Score : C


สรุป : Resident Evil : Retribution เป็นภาพยนตร์ที่ผมแนะนำว่าให้ผ่านๆไปดูเรื่องอื่นดีกว่า ถ้าคุณไม่ได้อยากดูอะไรมันมากมายขนาดนั้น เก็บเงินของคุณไปซื้อแผ่น DVD The Avengers หรือเรื่องอื่นๆก็ว่าไป แต่ถ้าหากคุณอยากดูจริงๆ ก็จงอย่าคาดหวังอะไรกับมันมาก ซึ่งเอาเข้าจริงมันก็เป็นหนังที่พอจะดูเพลินๆ ฆ่าเวลาได้อยู่เหมือนกัน 




REVIEW
(ENGLISH)



The Good :
- It's Resident Evil !!! ( Or at least it's name.....)
- Bit of fun to watch

The Bad :
- Too Easy , Lazy , Ugly , disrespect Storyline / Screenplay for Resident Evil Games 
- Sup-par Action Scene that use over and over again in this movie franchise 
- So Boring with Slow-Motion technique 
- Useless new character like Leon , Barry and others
- Director Paul W.S. Anderson sales his wife again.....


Total Score : C


Suggestion : Save your money for another movies this Resident Evil movie are just another garbage that use it's famous name to eat your money 





Thankyou to : Resident Evil : Retribution ( 2012 ) Screen Gems , IMDB for information