วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Soul Sacrifice Delta [ Game Review ]

Game Review
"This is where your story begins"




Game Name : Soul Sacrifice Delta ( 2014 )
Platform : Playstation Vita Exclusive
Rating : Mature


** สำหรับท่านที่ไม่เคยเล่นเกม Soul Sacrifice มาก่อนเลย ผู้เขียนอยากให้อ่านบทวิจารณ์ภาคแรกก่อนนะครับผมเพราะบทวิจารณ์ Delta ตัวนี้จะเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงจากภาคแรกมาสู่ภาคนี้เสียมากกว่า http://fallsdownz.blogspot.com/2013/06/soul-sacrifice-game-review-psvita.html **


           ถึงเวลากลับมาพบกันอีกครั้งกับการรีวิวเกม โดยในครั้งนี้นั้นเกมที่ผู้เขียนจะมารีวิว เรียกได้ว่าเป็นเกมที่ ณ เวลานี้ เป็นเกมที่ผู้เขียนชื่นชอบมากที่สุดก็ว่าได้ ถ้าหากท่านใดได้เคยอ่านบทวิจารณ์/รีวิว Soul Sacrifice ภาคแรกที่ผู้เขียนเขียนเอาไว้ก่อนหน้านี้ ก็น่าจะทราบจุดนี้เป็นอย่างดี ว่าผู้เขียนชอบเกมๆนี้มากขนาดไหน


โดยสำหรับ Soul Sacrifice Delta นั้นจะไม่ใช่ภาคต่อของ Soul Sacrifice ซะเดียว แต่เป็นเหมือนกับการเอา Soul Sacrifice มาแก้ไข ปรับปรุงส่วนที่ผิดพลาด และเพิ่มเนื้อหาลงไปมากกว่า เรียกง่ายๆว่ามันคือ Soul Sacrifice 1.5 นั้นแหละ คล้ายๆกับในกรณีของ Ragnarok Odyssey กับ Ragnarok Odyssey Ace  

"ใช้อาวุธขว้าง 6 ช่องแบบภาคแรกไม่ได้แล้วนะ!"


สำหรับในภาค Delta นี้ มีการปรับเปลี่ยนหลายอย่างมากๆเลยทีเดียว แต่สิ่งที่ในสายตาของผู้เขียน คิดว่าเปลี่ยนแปลงมากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นระบบต่อสู้ในเกม 
ถ้าหากผู้อ่านท่านใด ได้เคยเล่น Soul Sacrifice ภาคแรกมาก่อนแล้ว จะทราบดีว่า เวทย์ที่ใช้ได้ผลดีที่สุดในเกม ก็คงจะหนีไม่พ้นเวทชนิด ขว้างหรือกระสุนนั้นเอง ซึ่งมันทรงพลังจนเรียกได้ว่าสแปมปุ่มเพื่อชัยชนะกันชัดๆเลยทีเดียว ในขณะที่อาวุธหรือเวทย์ระยะใกล้อย่างดาบหรือขวานก็ไม่ค่อยคุ้มค่ากับการเสี่ยงเข้าไปโดนบอสตบทีเดียวตายซักเท่าไรนัก ยิ่งบวกกับพลังทำลายของมันที่ไม่ค่อยมากเท่าไรนัก ยิ่งทำให้เวทย์ประเภทอาวุธระยะประชิด กลายเป็นเวทย์ที่แทบจะไร้ความหมายไปเลยทีเดียวใน Soul Sacrifice ภาคแรก และนี้ดูเหมือนจะเป็นจุดที่มีแฟนๆเกมหลายคนติมากที่สุดจุดหนึ่งเลยทีเดียว 


และดูเหมือนทีมผู้สร้างก็ทราบถึงจุดนี้เป็นอย่างดี จึงเป็นเหตุทำให้ในภาค Delta เวทย์ประเภทกระสุนหรือขว้าง เรียกได้ว่าโดนปรับกันหนักมากเลยทีเดียว นอกจากที่จะปรับให้เวลายิงออกไปใช้เวลามากขึ้นเพื่อทำให้สแปมได้ถี่น้อยลงแล้ว ในภาค Delta นี้ ตัวผู้พัฒนายังใส่ความสามารถต่างๆให้กับบอสหลายๆตัวที่จะปัดเวทย์กระสุนหรือขว้างออกไปทันที จนกว่าจะเราจะใช้อาวุธประชิดเข้าไปทำลายส่วนๆมีความสามารถในการปัดเวทย์นี้ออกไปเสียก่อนอีกด้วย ซึ่งเป็นเสมือนกับการบังคับไม่ให้ผู้เล่นเอาแต่สแปมเวทย์กระสุนทั้งวันทั้งคืนชนิดที่เวทย์กระสุนอย่างเดียว 6 ช่องแบบภาคแรก  ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ในภาคนี้คุณจะสามารถใส่เวทย์ชนิดเดียวกันได้เพียง 2 ช่องเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากคุณมีเวทย์กระสุนอยู่แล้ว 2 ช่อง คุณจะไม่สามารถใส่เพิ่มเข้าไปในช่องที่ 3 ได้อีก จะต้องใส่เวทย์ที่เป็นชนิดอื่นๆเท่านั้น เพื่อเป็นการบังคับให้ผู้เล่นใช้เวทย์ที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งในความคิดของผู้เขียน ถือว่าเป็นความคิดที่ดีเลยทีเดียว


นอกจากนั้นแล้วระบบต่อสู้ในภาคนี้ยังเพิ่มระบบอย่าง "คอมโบ" ลงไปด้วย โดยระบบนี้จะเป็นการทำให้เมื่อเราใช้เวทย์บางเวทย์กับอีกเวทย์หนึ่งจะทำให้เกิดความสามารถพิเศษขึ้น เช่นเราใช้เวทย์ทำให้วิ่งเร็วแล้วจากนั้นจึงใช้เวทย์เรียกดาบออกมา จะทำให้มีความสามารถพิเศษในการเรียกดาบออกมาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แถมยังโจมตีได้เลยอีกด้วย จากการที่ปกติต้องรอมันร่ายมาสักพักหนึ่ง ซึ่งในระบบนี้นอกจากมันจะทำให้ตัวเกมน่าค้นหาและสนุกมากขึ้นแล้ว มันยังทำให้อาวุธประเภทระยะใกล้น่าใช้มากกว่าเดิมอีกด้วย จากการที่คุณสามารถวิ่งเข้าไปตี 2-3 ที แล้วรีบวิ่งออกมาจากการโจมตีของบอสได้อย่างทันเวลา หรือเป็นเทคนิคที่ชาวเกมเมอร์เรียกกันง่ายๆว่า "Hit and Run" นั้นเอง (แต่วิ่งไม่ทันก็ตัวใครตัวมันนะเอ่อ)




สำหรับส่วนอื่นๆที่เพิ่มเข้ามาในภาค Delta และจะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ การเพิ่ม Faction ในเกมให้มากขึ้น จากในภาคแรกที่เราจะได้รู้จักเพียงแค่กลุ่มของ Avalon เท่านั้น และมีการเปรยๆถึงกลุ่มของ Sanctuarium เพียงนิดเดียว ในภาคนี้เราจะได้เจอกับเรื่องราวของกลุ่มใหม่แบบเต็มๆอีกสองกลุ่มนั้นก็คือ Sanctuarium กับ Grim โดยเนื้อเรื่องในส่วนของแต่ละกลุ่มจะไปอยู่ในส่วนของ Sorcerous Deeds หรือในส่วนที่จะทำให้เราได้ไปเจอกับตัวละครใหม่ๆนอกจากเนื้อเรื่องหลักของเรา และจะทำให้เราได้ทราบถึงเรื่องราว ความเป็นมา และเป้าหมายของแต่ละกลุ่มที่แตกต่างกันออกไปนั้นเอง 

นอกจากนั้นในภาคนี้เราไม่จำเป็นจะต้องอยู่กับ Avalon เพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว คุณยังสามารถที่จะไปเข้าร่วมกับกลุ่มอื่นๆเช่น Grim ได้อีกด้วย ซึ่งในส่วนนี้จริงๆแล้วก็ไม่ค่อยส่งผลถึงเนื้อเรืองเท่าไรนักจนถึงไม่มีส่วนเลย แต่มันจะไปส่งผลตอนที่คุณจะทำถ้วยแพลตทินัมหรือว่าการเล่นต่างๆ เพราะในแต่ละกลุ่ม เวลาเรา สังเวย (Sacrifice) , ช่วย (Save) หรือ เลือกทางใหม่อย่าง Fate มันจะเพิ่มค่าต่างๆในตัวเราแตกต่างกันออกไป อย่างเช่นปกติถ้าหากคุณต้องการจะเติมพลังเวทย์ของคุณคุณจะต้องสังเวยหรือ Sacrifice เท่านั้นสำหรับฝั่ง Avalon แต่ถ้าคุณอยู่ฝั่ง Grim คุณจะสามารถเติมพลังเวทย์ได้ด้วยการ Fate นั้นเอง นี้ยังไม่รวมถึงการที่คุณมีสิทธิเลือกกลุ่มเอง จะทำให้คุณมีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเกมมากขึ้นอีกด้วย อย่างผู้เขียนเองยังคงอยู่กับ Avalon เช่นเคย และก็สังเวยชาวบ้านเขาไปทั่ว ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นจุดสร้างสีสันเล็กๆน้อยๆให้กับผู้เล่น


เนื้อเรื่องส่วนที่เพิ่มมาในภาคนี้ สำหรับผู้เขียนต้องพูดเลยว่าประทับใจมากๆเลยทีเดียว เพราะในตอนแรกก็ไม่ค่อยได้คาดหวังว่าเนื้อเรื่องมันจะพัฒนาจาก Soul Sacrifice ภาคแรกอะไรมากมาย เพราะ Delta อย่างที่บอกไปแล้ว ว่ามันก็ไม่ใช่ภาคต่อแต่เป็นเหมือน 1.5 เสียมากกว่า แต่ปริมาณเนื้อเรื่องที่เพิ่มขึ้นมาในภาคนี้ก็เรียกได้ว่าไม่ผิดหวังเลยทีเดียว นอกจากตัวเกมจะขยายโลกของ Soul Sacrifice ได้อย่างชาญฉลาดมากๆแล้ว มันยังนำเนื้อเรื่องของภาคแรกไปสู่อีกระดับหนึ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมมากๆเลยทีเดียว เมื่อเล่นไปเล่นมาแล้ว จากตอนแรกที่คิดว่าผู้เล่นใหม่น่าจะเข้าใจเนื้อเรื่องในภาคนี้ได้มากกว่าผู้เล่นเก่า กลับกลายเป็นว่า รู้สึกว่าผู้เล่นที่เคยเล่น Soul Sacrifice ภาคแรกมาก่อน น่าจะเข้าใจเนื้อเรื่องที่เพิ่มขึ้นมาในภาคนี้ได้ดีกว่าผู้เล่นใหม่ เนื่องจากมันค่อนข้างจะเยอะ สับสน และหนักพอสมควร ซึ่งในส่วนนี้ผู้เล่นเก่าจะได้เปรียบตรงที่เข้าใจเนื้อเรื่องเก่าอยู่แล้ว จึงรับภาระแค่ส่วนเนื้อเรื่องใหม่ ถ้าหากผู้เล่นใหม่มาจับ Soul Sacrifice Delta ครั้งแรกจริงๆ ผู้เขียนอยากให้ค่อยๆเล่นไม่ต้องรีบ ซึมซับเนื้อเรื่องและเข้าใจมันไปเรื่อยๆ เพราะถ้าหากเล่นแบบรีบๆจบแล้วล่ะก็รับรองว่างงแน่นอน

สำหรับเพลงประกอบในภาคนี้ ก็มีเพิ่มมาบ้างประมาณ 10 เพลงด้วยกัน ซึ่งผู้ประพันธ์ยังคงเป็นคนเดิมนั้นก็คือคุณ Yasunori Mitsuda กับคุณ Wataru Hokoyama  ซึ่งทั้งคู่ก็ยังคงประพันธ์เพลงประกอบได้อย่างน่าทึ่งเช่นเคย ยิ่งใหญ่ อลังการ สยดสยอง และลุ้นระทึก 





ในส่วนที่เพิ่มมาอื่นๆของตัวเกม Delta ในภาคนี้ แน่นอนว่าก็ต้องมีบอสใหม่ๆและปีศาจตัวใหม่ๆอย่างแน่นอน ซึ่งบอสตัวใหม่ๆนั้นผู้เขียนรู้สึกว่า ออกแบบมาได้ดีกว่าภาคแรก ซับซ้อนกว่าและค่อนข้างจะท้าทายกว่าพอสมควร บอสบางตัวมีการใช้คอมโบที่น่ากลัวมากๆอย่างเช่นแช่เราก่อนแล้วค่อยวิ่งมาทับเราอะไรแบบนี้ ซึ่งถ้าหากเราโดนแช่เราจะหลบท่าต่อมาของมันไม่ได้เลย และมันแรงมากๆชนิดที่บางครั้งทีเดียวตายเลยก็มี จึงทำให้บอสในภาคนี้ท้าทายมากขึ้น มีความหลากหลายมากขึ้น และยังคงมีเนื้อเรื่องเบื้องหลังของแต่ละตัวที่น่าสนใจเช่นเคย โดยเฉพาะเอกลักษณ์ของตัวเกมที่มักจะจับเอาตัวละครในเทพนิยายหลายๆตัวมาทำเป็นปีศาจในเกมเช่น สโนว์ ไวท์ หรือ Red Riding Hood  แต่ในส่วนของปีศาจทั่วๆไปนั้นค่อนข้างจะน่าผิดหวังเล็กน้อย เพราะเพิ่มมาเพียงแค่ประมาณ 2-3 ชนิดเท่านั้นเอง ซึ่งเมื่อมันไปเทียบกับจำนวนบอสในภาคนี้ที่เพิ่มขึ้นมาค่อนข้างจะเยอะ กับจำนวนบอสเก่าที่เยอะอยู่แล้ว มันทำให้ปีศาจทั่วๆไปให้ความรู้สึกซ้ำซาก เปลี่ยนเพียงแค่สีและธาตุอย่างน่าเสียดาย ซึ่งดูเหมือนจะเป็นปัญหาอีกจุดหนึ่งที่ตัวเกมยังคงแก้ไม่ได้

บางระบบใหม่ในภาค Delta นี้ ก็ให้ความรู้สึกว่าไม่ค่อยจำเป็นซักเท่าไรนัก อย่างเช่นระบบ Rumor หรือข่าวลือ ที่เอาไว้ใช้ในด่านต่างๆเพื่อให้บอสตัวนั้นๆตายง่ายขึ้น หรือทำให้เราได้รับรางวัลมากขึ้น , ระบบสร้างด่านขึ้นมาเอง หรือระบบรายงานคะแนนเพื่อแข่งขันกับคนทั่วโลกว่า Faction ไหนจะเป็นที่ 1 เป็นต้น ซึ่งระบบเหล่านี้ไม่ได้มีความสำคัญหรือส่งผลต่อการเล่นของคุณมากซักเท่าไรนัก จริงๆโหมดเหล่านี้ไม่จำเป็นจะต้องมีเลยยังได้ ยกเว้นคุณจะเป็นคนที่เก็บถ้วยแพลตทินัม แต่ถ้าคิดซะว่ามันเป็นโบนัสเล็กๆน้อยๆหรือจุดที่แถมมาก็อาจจะพอรับได้อยู่บ้าง

ปัญหาอีกจุดหนึ่งที่ต้องพูดเลยสำหรับใน Soul Sacrifice Delta ที่ยังคงคล้ายๆกับภาคแรก ซึ่งปัญหานั้นก็คือบอสตัวสุดท้าย ที่ค่อนข้างจะง่ายไปนิดหน่อยอย่างน่าเสียดาย ง่ายกว่าบอสปกติบางตัวเสียอีก คล้ายๆกับ Soul Sacrifice ภาคแรก โดยเฉพาะถ้าหากคุณรู้เทคนิคในการจัดการกับบอสตัวสุดท้ายใน Soul Sacrifice คุณจะไม่ประสบปัญหากับการสู้บอสตัวสุดท้ายในภาคนี้เลย อย่างตัวผู้เขียนเองก็รอบเดียวผ่านฉลุยกันเลยทีเดียว ซึ่งจุดนี้ ถ้าหากมีภาคต่อไป ก็คงต้องมีการแก้กันหน่อย เพื่อให้มันท้าทายมากขึ้นสมกับเป็นบอสตัวสุดท้ายของเกมจริงๆ



ในท้ายที่สุดแล้ว Soul Sacrifice Delta ก็ยังคงเป็นเกมที่ไม่สร้างความผิดหวังให้กับผู้เขียนจริงๆ จากการที่ตัวเกมนำปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคแรกไปแก้ไขปรับปรุงและนำเสนอไอเดียใหม่ๆให้กับผู้เล่นได้อย่างน่าสนใจ เปิดทางให้กับการเล่นแบบใหม่มากขึ้น ไปจนถึง เนื้อเรื่องที่สานต่อจากภาคแรกได้อย่างน่าทึ่ง เข้มขันและชาญฉลาด ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Soul Sacrifice ทั้งสองภาคยังคงเป็นเกมที่ผู้เขียนชื่นชอบมากที่สุด ณ ขณะนี้ และดูท่าว่าตำแหน่งนี้คงจะอยู่เช่นนี้ต่อไปอีกนานเลยทีเดียว


Final Score : [ A + ] & [ Must Play Badge ]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น