วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

The Last of Us ( Game Review)

Game Review



Game Name : The Last of Us 
Platform : Playstation 3 Exclusive
Developer : Naughty Dog
Rating : Mature




                                       ถ้าหากพูดถึงเกมแห่งยุคหรือเกมที่ขึ้นชื่อว่ายอดเยี่ยมที่สุดใน Generation ที่แล้ว เกมๆนั้นก็คงจะหนีไม่พ้น The Last of Us อย่างแน่นอน จากคะแนนวิจารณ์จากหลายต่อหลายสำนัก 10/10 และเสียงพูดปากต่อปากกันมากมาย ทำให้เกมนี้กลายเป็นอีกหนึ่งเกมที่ดังมากๆอย่างรวดเร็ว (ดังขนาดจะไปสร้างเป็นภาพยนตร์แล้ว) ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ถือว่าไม่น่าแปลกใจซักเท่าไร เพราะโดยปกติ ค่ายผู้สร้างอย่างหมาซน Naughty Dog ก็ทำแต่เกมคุณภาพออกมาอยู่แล้ว อย่างเช่นเกมซีรียส์ที่มีชื่อดังและเป็นที่รู้จักอย่างดีอย่าง Uncharted และเรียกได้ว่าเป็นค่ายผู้สร้างที่ทาง Sony คอยเอาใจตลอด และเร็วๆนี้ก็จะออกเวอร์ชั่น Remastered ให้กับเครื่อง Generation ใหม่อย่าง Playstation 4 อีกด้วย


The Last of Us ว่าด้วยเรื่องราวของ เอลลี่ กับ โจเอล ที่จะต้องเดินทางไปตามที่ต่างๆในเกม แต่โลกปัจจุบันที่พวกเขาอยู่  ไม่ใช่โลกทุกๆวันนี้อีกต่อไป เพราะเป็นโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ กับโจรที่คอยฆ่าคนปล้นอาหาร การเดินทางของพวกเขาจึงอันตรายเป็นที่สุด พวกเขาจะรอดจากมือของโจรที่คอยดักซุ่ม และรอดจากฝูงซอมบี้ เพื่อไปสู่จุดหมายได้หรือไม่ ? แล้วพวกเขาจะช่วยโลกนี้ได้หรือไม่ ? หรือว่าสุดท้ายแล้ว ทุกอย่างมันจะสายจนเกินไป ?

"You're Next !!"


สำหรับตัวเกมเพลย์หลักของ The Last of Us นั้น ถ้าหากคนที่เคยเล่นเกมในค่ายหมาซนมาก่อนอย่าง Uncharted (ซึ่งคนมีเครื่อง PS3 ส่วนใหญ่คงเคยเล่นมาบ้างแล้ว) ก็จะเข้าใจระบบเบื้องต้นได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการหลบในที่กำบัง และการยิงปืนต่างๆ แต่ The Last of Us จะค่อนข้างเน้นไปที่การแอบและรอบเร้นสมกับเป็นเกมแนวเอาชีวิตรอดเสียมากกว่า โดยเฉพาะระดับที่ยากยิ่งขึ้น จะเป็นเรื่องที่ดีมากหากคุณสามารถย่องผ่านศัตรูไปได้โดยไม่ต้องเสียกระสุนซักนัด 

ฉะนั้นการปาระเบิด วิ่งไปแรมโบ้แบบ Uncharted คงเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมากเพราะเกมนี้ถ้าหากคุณทำอย่างนั้น ต่อให้เล่นในระดับ Normal คุณคงจะลงไปนอนกองกับพื่นภายใน 2 วินาที ซ้ำกระสุนและของต่างๆในเกม ก็ค่อนข้างจะมีจำกัด คุณจึงจะต้องระมัดระวังในการใช้ให้ดี เพราะฉะนั้นการหาที่กำบัง จุดได้เปรียบ และการหลอกล่อศัตรู จึงสำคัญมาก รวมถึงคุณจะต้องทราบด้วยว่ากำลังสู้อยู่กับศัตรูชนิดใด คน หรือ ซอมบี้ เพราะสองสิ่งนี้ มีความเสี่ยงไม่เหมือนกัน ในขณะที่คน คุณอาจจะถูกยิงจนตายได้ ส่วนของซอมบี้ถ้าหากคุณเข้าไปใกล้มากจนเกินไป อาจจะถูกกัดจนตายภายในครั้งเดียวเลยก็เป็นได้

แต่ไม่ต้องห่วงว่าตัวเกมจะมีแต่ยิงอย่างเดียว เพราะหลายๆครั้งตัวเกมจะมีเวลาซักพักให้คุณเตรียมพร้อมและพักหายใจ ชมวิว แก้ปริศนาไปพลางๆอยู่เหมือนกัน ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่สำคัญมาก ถ้าหากทั้งเกมมีแต่ยิงอย่างเดียวแบบไม่หยุด จากสนุกและตื่นเต้น มันจะมากเกินไป จนเริ่มกลายเป็นเบื่อและเริ่มพยายามลากตัวเองให้เล่นเกมจบๆไปแทน แต่ดูเหมือนทีมหมาซนรู้ถึงจุดนี้ดี และให้เวลากับผู้เล่นได้เป็นอย่างดี 



นอกจากนั้นแล้วในช่วงเวลานั้นตัวเกมก็ใช้เป็นเวลาที่พัฒนาตัวละครและเนื้อเรื่องต่างๆได้เป็นอย่างดีและสร้างความน่าสนใจ ความตึงเครียดให้กับตัวเกมอยู่พอสมควรจากเหตุการณ์ต่างๆที่ต่อเนื่องและนำไปสู่ฉากที่จะต้องเจอกับซอมบี้หรือศัตรูต่างๆในเกม ซึ่งตัวเกมก็ช่างเชื่อมต่อจุดต่างๆและเหตุการณ์ต่างๆในเกมได้อย่างยอดเยี่ยม จนแทบจะไม่รู้สึกเลยว่านี้คือเกม มันเหมือนเรานั่งดูภาพยนตร์เอาชีวิตรอดดีๆเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว


ถ้าหากเทียบกับเกมอย่าง Uncharted แล้วสิ่งที่เห็นว่าเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนมากที่สุดอีกสิ่งหนึ่งก็คงจะหนีไม่พ้น อารมณ์ของตัวเกม ในขณะที่ Uncharted ค่อนข้างจะให้ความรู้สึกตลก ขบขัน ผจญภัย ผสมเครียดเล็กน้อย The Last of Us ค่อนข้างจะมีอารมณ์ที่เครียดและหนักหน่วงอยู่ตลอดเวลา สาเหตุสำคัญก็เพราะมันเป็นเกมเอาชีวิตรอด และผสมกับองค์ประกอบโลกแตกเข้าไปอีก ยิ่งทำให้มันกลายเป็นอารมณ์นั้นเข้าไปใหญ่ คิดง่ายๆก็คืออารมณ์คล้ายๆกับ TV-Series ชื่อดังอย่าง The Walking Dead นั้นแหละ 

"ลาก่อน"


และแน่นอนว่ามันก็ต้องตามมาด้วยความรุนแรงอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นสิ่งที่ในเกม Uncharted ค่อนข้างจะไม่มีบ่อยซักเท่าไรนัก ในขณะที่ The Last of Us ค่อนข้างจะเต็มไปด้วยฉากรุนแรงพอตัว ไม่ว่าจะเป็นระเบิดในเกมที่เมื่อศัตรูเดินมาโดนเข้า จะเห็นได้ชัดเลยว่า แขนขาด ขาขาดจริงๆ รวมไปถึงฉากคัดซีนต่างๆ ก็ยิงหัวกันให้เห็นแบบซึ่งๆหน้า ไม่มีการแอบ ไม่มีการหลบแต่อย่างใด จึงเห็นได้ชัดเลยว่า ธีมและโทนของตัวเกมนั้นแตกต่างไปจากผลงานเก่าอย่าง Uncharted อย่างชัดเจน


การเล่าเรื่อง ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ตัวเกม The Last of Us ทำได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว จากการเล่าเรื่องต่างๆผ่านสองตัวละครหลัก โจเอล กับ เอลลี่ ซึ่งเป็นสองตัวละครที่ถูกเขียนมาเป็นอย่างดี จึงทำให้ผู้เล่นรู้สึกผูกพันธ์กับตัวละครเหล่านี้อย่างรวดเร็ว และอดไม่ได้ที่จะคอยให้กำลังใจสองตัวละครนี้อยู่ห่างๆ จึงไม่แปลกเลยที่ฉากบีบคั้นอารมณ์ต่างๆ จะสร้างความกระทบกระเทือนให้กับผู้เล่นอย่างมากพอสมควร และนี้เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญมากที่สุดจุดหนึ่งของ The Last of Us เลยทีเดียว 


แต่ต้องพูดจากใจผู้เขียนจริงๆเลยว่า หลังจากเล่นเกมจบแล้ว ผู้เขียนไม่ได้รู้สึกอย่างที่หลายๆคนบอกซักเท่าไรนัก อาจจะเพราะได้ยินถึงความสุดยอด ความน่าทึ่งของมันมากจนเกินไป จนตั้งความคาดหวังมากไปก็เป็นได้ แต่ถ้าหากถามผู้เขียนแล้วล่ะก็ The Last of Us ไม่ได้เป็นเกมที่เพอร์เฟ็คและยอดเยี่ยมขนาดนั้น


เพราะถ้าหากดูดีๆแล้วหลายๆสิ่งหลายๆอย่างมันก็ช่างซ้ำซาก และจำเจอยู่อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น เนื้อเรื่องของเกม ที่เอาเข้าจริง มันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเนื้อเรื่องวันโลกแตก ซอมบี้บุกโลกเรื่องอื่นๆซักเท่าไรเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของ อาหารที่น้อยและหายากมากขึ้น จนทำให้คนออกมาฆ่ากันเอง , ไม่อาจไว้ใจใครได้ หรือมนุษย์ที่โหดร้ายยิ่งกว่าซอมบี้ องค์ประกอบและเนื้อเรื่องเหล่านี้ มันถูกเล่ามาเป็นไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว และก็ใช่ว่า The Last of Us จะจี้ประเด็นนี้ได้ลึกและหนักหน่วงกว่าภาพยนตร์หรือ TV-Series เรื่องอื่นๆที่มีเนื้อเรื่องเดียวกันซักเท่าไร 



ในท้ายที่สุดแล้ว The Last of Us เป็นอีกหนึ่งเกมที่ยอดเยี่ยมด้วยกราฟฟิคที่สวยงาม เกมเพลย์ที่สนุก ตื่นเต้น และตัวละครที่น่าสนใจ ถึงแม้ว่าตัวเกมจะมีเนื้อเรื่อง รวมถึงองค์ประกอบหลายๆอย่างที่ซ้ำซาก และเดาง่ายไปบ้าง แต่นั้นก็ไม่ได้หยุดที่จะทำให้คุณนึกถึงเกมๆนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเลย



Final Score : [ A- ]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น