วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Star Wars: The Force Awakens (2015) [No-Spoil] Movie Review


Star Wars: The Force Awakens (2015) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz (No-Spoil)



"The Return of the King ?"

     ถึงแม้ว่าส่วนตัวจะไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้แฟรนไชส์ Star Wars หรือแม้แต่ Star Trek อะไรซักเท่าไรนัก แต่เชื่อเลยว่าคงไม่มีคอหนังคนไหนจะสามารถปฏิเสธความยิ่งใหญ่ของแฟรนไชส์ภาพยนตร์ไซ-ไฟที่อาจจะถึงขั้นพูดได้ว่า "คลาสสิก" จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์อื่นๆมากมาย


อย่างไรก็ตาม Star Wars ภาคล่าสุด Episode I - Episode III ในปี 1999 จนถึงปี 2005 ดูจะเป็นผลงานสุดท้ายของคุณพ่อจอร์จ ลูคัสที่ไม่ค่อยน่าจดจำสำหรับแฟนๆซักเท่าไรนัก แน่ละว่าพอมีการประกาศภาคใหม่ The Force Awakens แถมยังได้ผู้กำกับมากฝีมืออย่าง เจ.เจ. อบรัมส์ มานั่งแท่นกำกับอีก เชื่อว่าเป็นใครก็คงจะอดตื่นเต้นไม่ได้ ถึงขั้นที่ว่ากระทั่งตัวภาพยนตร์ยังไม่ทันได้เข้าฉายก็เล่นทุบสถิติยอดจองตั๋วล่วงหน้ากันเป็นว่าเล่นเลยทีเดียวเชียว



Star Wars: The Force Awakens ว่าด้วยเรื่องราวหลังจากจักรวรรดิกาแลกติกได้พ่ายแพ้ลง ภัยอันตรายใหม่ได้คืบคลานเข้ามาอีกครั้งในนามของ 'The First Order' เหล่าฮีโร่หน้าใหม่และเก่าจึงต้องรวมตัวกันเพื่อกอบกู้จักรวาลให้พ้นภัยอันตรายอีกครั้ง


ถึงแม้ว่า The Force Awakens จะยังไม่ใช่ภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบและเหนือความคาดหมายมากเท่าใดนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผลงานที่อยู่ในมือการกำกับของ เจ.เจ. อบรัมส์นี้ คือการประกาศศักดาของการกลับมาสำหรับหนึ่งในแฟรนไชส์ฮอลลีวูดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่ง


เจ.เจ. อบรัมส์ ยังคงพิสูจน์ว่าเข้าเป็นผู้กำกับที่เต็มไปด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกลเช่นเคย ด้วยการกำกับที่ยังคงน่าทึ่ง วางปมต่างๆได้อย่างชาญฉลาด เล่าเรื่องได้อย่างลื่นไหลน่าติดตามไม่มีช่วงเวลาใดเลยที่รู้สึกน่าเบื่อหรือหลุดออกจากจังหวะของภาพยนตร์ ที่สำคัญคือเขาแนะนำตัวละครใหม่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่รู้สึกถูกยัดเยียดและยังพาตัวละครหน้าเก่ามาให้ชวนคิดถึงกันอีกด้วย 


ทีมโปรดัคชั่นก็ยังคงไร้ข้อกังขา ฉากต่างๆล้วนแต่อลังการงานสร้าง การเปิดเรื่องและเพลงที่ชวนย้อนนึกถึงอดีต พร้อมกับสอดแทรกเรื่องราวการผจญภัยของเหล่าตัวละครบทใหม่อันน่าตื่นเต้น ทำให้ The Force Awakens กลายเป็นการคืนชืพของภาพยนตร์ Star Wars ที่ยิ่งใหญ่ และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังใหม่ที่พร้อมจะเดินไปข้างหน้าสู่โอกาสที่ยิ่งใหญ่ต่อไป ซึ่งชวนให้นึกถึงผลงานอีกชิ้นของดิสนีย์อย่างจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลมิใช่น้อย



อย่างไรก็ตามท่ามกลางสมรภูมินักรบเลือดใหม่อันแสนดุเดือดนี้ สิ่งที่ดูจะกลายเป็นจุดอ่อนของ The Force Awakens ก็คงจะหนีไม่พ้นฝั่งตัวละครด้านมืดหรือตัวร้ายของเรื่องนี้เอง


ในขณะที่ตัวละครใหม่ฝั่งด้านแสงสว่างหรือเรียกง่ายๆว่าฝ่ายดีมีเรื่องราวและปมขัดแย้งที่น่าสนใจ น่าติดตามสุดๆแทบจะทุกตัวละคร ตัวละครฝ่ายด้านมืดกลับค่อนข้างจืดชืด เอาเข้าจริงหลายส่วนก็ต้องโทษตัวบทภาพยนตร์ที่แสนจะธรรมดาเหลือเกินด้วยส่วนหนึ่ง จะว่าไปแล้วนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังไม่ใช่น้อยถ้าหากเทียบกับผลงานเก่าของ เจ.เจ. อบรัมส์ อย่าง Star Trek Into Darkness ที่มีตัวร้ายอันแสนน่าสนใจ น่าค้นหา น่าเห็นใจ แต่กลับชั่วร้ายอย่างน่ากลัว ผิดไปจากตัวร้ายใน The Force Awakens อย่างลิบลับ


ซ้ำร้ายเข้าไปอีกคือนอกเหนือจากความผิดหวังแล้ว จุดอ่อนนี้ยังไปกระทบต่อจุดหักมุมอันแสนยิ่งใหญ่ของ The Force Awakens ที่ไม่น่าจดจำและไม่ทรงพลังเท่าที่ควรอีกด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายโอกาสเป็นอย่างยิ่ง



แต่สุดท้ายแล้วถึงแม้ว่า Star Wars: The Force Awakens ของ เจ.เจ. อบรัมส์ จะยังมีจุดบกพร่องให้เห็นได้ชัดเจนเท่าไรก็ตาม เขาก็ได้ทิ้งภาระอันหนักหน่วงเอาไว้ให้แก่ผู้กำกับภาคต่อไปซึ่งก็คือ ไรอัน จอห์นสัน เจ้าของผลงาน Looper ที่จะต้องสร้างสรรค์ เนรมิต และให้กำเนิดโลกแห่ง Star Wars ให้ได้ยิ่งใหญ่ อลังการ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่จุดประกายไฟลุกโชนดังนกฟีนิกซ์ที่ฟื้นคืนชืพขึ้นมาจากขี้เถ้าให้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย


Final Score: [ 7 / 10 ]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น