เป็นที่น่าแปลกใจว่าตัวภาพยนตร์ซึ่งห่างหายไปนานถึง 13 ปี กลับมาครั้งนี้ในนามของ Finding Dory ดันไม่ค่อยมีอะไรที่สดหรือแปลกใหม่เท่าไรนัก องค์ประกอบแทบทุกส่วนของ Finding Dory ไม่ว่าจะเป็นในด้านภาพซีจี การดำเนินเรื่อง ไปจนถึงประเด็นที่สอดแทรกอยู่ในภาพยนตร์ ต่างให้ความรู้สึกเหมือนนั่งดู Finding Nemo อีกรอบหนึ่ง
ซึ่งในด้านหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแย่เท่าไรนักด้วยความที่ Finding Nemo ก็เป็นภาพยนตร์ที่ค่อนข้างดีงามอยู่แล้ว แต่อีกด้านหนึ่งก็พาเราอดคิดไม่ได้ว่าเวลา 13 ปีที่ผ่านไปนั้นไม่ได้ช่วยให้มีอะไรที่สดใหม่ในภาคต่อนี้ นอกจากเหล่าตัวละครหน้าใหม่เลยหรือ?
อาจเรียกได้ว่าเป็นความซวยตั้งต้นของ Finding Dory ที่ต้องวิ่งไล่ตามความสำเร็จและความยอดเยี่ยมของ Finding Neemo ให้ได้ และในด้านของเรื่องราวซึ่งต่อจากภาคแรกแทบจะในทันที ในขณะที่ในโลกแห่งความเป็นจริงเวลาได้ผ่านไปกว่าสิบปีแล้ว ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้รู้สึกว่าไม่ค่อยมีการพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงมากนัก
ในด้านของการเล่าเรื่องและกำกับ เห็นได้ค่อนข้างชัดว่าทั้งสองผู้กำกับพยายามใช้จุดเด่นของตัวละครหลักอย่างดอรี่ ซึ่งก็คือความขี้ลืมมาใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินเรื่องค่อนข้างมาก ปัญหาคือเทคนิคระลึกชาติหรือ Flashback เหล่านี้ มันถูกนำมาใช้บ่อยครั้งเกินไป จนให้ความรู้สึกเหมือนเป็นแค่กิมมิคๆหนึ่งในการดันเรื่องให้เดินหน้า มากกว่าที่จะเป็นเทคนิคที่โดดเด่นและน่าจดจำจริงๆ
แม้ต้นเรื่องของ Finding Dory จะค่อนข้างชวนหลับ โชคยังดีที่เหล่าตัวละครหน้าใหม่ทั้งหลายกระโดดเข้ามาช่วยได้ทัน ถึงแม้จะไม่ได้มีเรื่องราวที่แปลกอะไรมากมาย แต่ตัวละครเหล่านี้ก็มีเทคนิคและความสามารถเฉพาะตัวมากพอ ที่จะกลายเป็นจุดสร้างสีสันให้กับภาพยนตร์ได้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าฉลามวาฬเดสทินี่ วาฬเบลูก้าเบลลีย์หรือเจ้าปลาหมึกแฮงค์
เครดิตส่วนใหญ่ก็ต้องขอยกให้กับแฮงค์ค่อนข้างมาก การออกแบบตัวละคร ทัศนคติ และความสามารถของเขา เป็นเหตุที่ทำให้หลายส่วนของ Finding Dory ดำเนินเรื่องไปได้อย่างราบรื่นและสนุก กระทั่งให้ความรู้สึกเหมือนนั่งดูภาพยนตร์สายลับเลยทีเดียว เอาเข้าจริงแล้วในหลายต่อหลายครั้งเขากลับเป็นตัวละครที่น่าติดตามยิ่งกว่าเจ้าปลาขี้ลืมดอรี่เสียอีก
Final Score : [ 6.5 ]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น