Movie Review
บะหมี่ถ้วยที่ดูเหมือนจะเอร็ดอร่อย
Movie Name : Mary is Happy , Mary Is Happy ( 2013 ) , Drama
Director : เต๋อ นวพล
REVIEW
Mary is Happy , Mary is Happy เป็นภาพยนตร์ที่เรียกได้ว่ามีหน้าหนัง ไอเดียและความคิดที่แลดูเหมือนจะแปลกใหม่มากๆเรื่องหนึ่ง เนื่องจากแทบจะพูดได้เลยว่า น่าจะเป็นภาพยนตร์ที่นำเอาข้อความจาก Social Media สุดฮิตอย่าง "Twitter" มาสร้างเป็นภาพยนตร์เป็นเรื่องแรกในโลก ด้วยการเล่าเรื่อง เรียงตามลำดับข้อความอย่างเที่ยงตรงและไม่มีการเจือปนโดยการแก้คำผิดหรือเรียงลำดับข้อความใหม่แต่อย่างใด โดยข้อความที่นำมาเล่าเรื่องนั้น เป็นข้อความของ @marylony ซึ่งเป็นคนไทยนั้นเอง ในการเล่าเรื่องในภาพยนตร์นั้น ก็จะเป็นไปตามลำดับข้อความที่เธอทวิตขึ้นมาจริงๆ ไม่ได้มาจัดเรียงลำดับใหม่แต่อย่างใด ซึ่งมันสร้าง"มิติ" ใหม่ให้กับภาพยนตร์ได้อย่างดีเยี่ยม
Mary is Happy , Mary is Happy เป็นภาพยนตร์ที่เรียกได้ว่า"แปลกแยก"ไปจากภาพยนตร์วัยรุ่นส่วนใหญ่พอสมควรเลยทีเดียว เนื่องจากการกระโดดอารมณ์ของภาพยนตร์ที่ไปกันคนละทิศคนละทางในแต่ละช่วงอย่างน่าทึ่ง ในองค์แรกของภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความ "Spectacle"ยิ่งใหญ่ โอเวอร์ในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นมุขตลกต่างๆ เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นซึ่งคล้ายคลึงกับภาพยนตร์วัยรุ่นทั่วๆไป แต่ในช่วงกลางถึงท้ายเรื่องตัวภาพยนตร์กลับเต็มไปด้วยการกระโดดไปมาของอารมณ์ต่างๆอย่างเช่น บางฉากที่มีความ Realist ความสมจริง และในบางฉากอยู่ดีๆตัวภาพยนตร์ก็กระโดดไปเป็น Surreal เหนือจริง เสมือนฝันอย่างหน้าตาเฉย ซึ่งนี้น่าจะเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่า เป็นความน่าพิศวงของ Social Media เนื่องจากเวลาที่เราใช้ Social Media นั้น ในบางครั้ง เราก็เขียนข้อความอะไรลงไป โดยที่หาเหตุผลไม่ได้ ในบางครั้งเราก็ตั้งคำถามกับตัวเราเอง ว่าเราเขียนข้อความนั้นไปทำไม เพื่ออะไร โดยที่ในท้ายที่สุด ก็หาคำตอบไม่ได้ ซึ่งเป็นจุดที่เป็น "มนตร์เสน่ห์" ของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างดีเนื่องจากความเป็น Social Media ของมัน
นอกจากนั้น Mary is Happy , Mary is Happy ยังเป็นภาพยนตร์ที่มีประเด็นที่น่าสนใจเช่นกัน ซึ่งพูดถึงความ"ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง" ของการศึกษาไทย การแดกดัน ประชดประชัน ซึ่งหลายๆครั้งที่มันแอบแฝงอยู่ในมุขตลกที่เสมือนกับเป็น "Black Comedy"หรือตลกร้ายต่อสังคมไทย สิ่งที่น่าสนใจมากๆจุดหนึ่งของภาพยนตร์นั้นก็คือ การตั้งคำถามต่อหลายๆสิ่งหลายๆอย่างของตัวละครหลัก Mary ที่มักจะสงสัยและพยายามหาเหตุผลให้กับตัวเอง เช่น การที่สงสัยว่า เวลาเราเดินไปทางซ้ายของรางรถไฟ มันคือสิ่งที่ถูกกำหนดมาแล้วให้เราเดินไปทางซ้ายรึเปล่า ? แล้วถ้าหากเราเดินไปทางขวาล่ะ ? ซึ่งในแทบทุกครั้งเธอก็มักจะหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้น ซึ่งในส่วนนี้ และในส่วนความเป็น Social Media มันทำให้ผู้เขียนนึกถึงภาพยนตร์เรื่องๆหนึ่งของสองพี่น้องโคเอน นั้นก็คือ " No Country For Old Men " ที่พูดถึงความ"ไร้เหตุผล"ของมนุษย์และสิ่งต่างๆบนโลก ซึ่งมันคล้ายคลึงกับหลายๆส่วนในภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการหาเหตุผลไม่ได้ ว่าทำไมการเขียนข้อความลง Twitter ของ Mary นั้นมีการข้ามหรือกระโดดอารมณ์อย่างมากในหลายๆครั้ง การหาคำตอบจากคำถามของตัวละครในภาพยนตร์ไม่ได้ว่าทำไมหลายๆอย่างบนโลกมันถึงเป็นเช่นนี้ ซึ่งในอีกแง่หนึ่งมันก็อาจจะเป็นการเสียดสีการศึกษาไทย ที่ไม่เคยให้เหตุผล ว่าทำไมเราถึงต้องเรียนวิชานี้ เรียนไปแล้วได้อะไร ทำไมเราถึงต้องเรียนเรื่องนี้ ทำไมเราถึงจะต้องสอบ ซึ่งการศึกษาไทยส่วนใหญ่ไม่เคยที่จะสอนและให้เหตุผลกับเรื่องเหล่านี้และในหลายๆเรื่องเลย ในบางครั้งกลับกีดกันและลงโทษคนที่กล้าพอที่จะลุกขึ้นมาตั้งคำถามกับมัน ซึ่งในท้ายที่สุดผลมันก็คือตัวละครอย่าง Mary ในภาพยนตร์ที่ไม่เข้าใจและพยายามที่จะหาเหตุผลกับมัน
น่าเสียดายที่ภาพยนตร์เรื่อง Mary is Happy , Mary is Happy ยังคงประสบปัญหาในหลายๆด้าน เช่น การเล่าเรื่องในช่วงกลางถึงท้ายเรื่องที่ช่างไร้ความน่าสนใจ หลงทาง ซึ่งหนึ่งในเหตุผลก็น่าจะมาจากการเปิดเรื่องในช่วงแรกของภาพยนตร์ที่มีความ "Spectacle" ความยิ่งใหญ่ ความโอเวอร์ มากจนเกินไปไม่ว่าจะเป็นในมุขตลกต่างๆ ในเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ ซึ่งความ Spectacle ในช่วงแรกนี้ มันทำให้ผู้ชม "ตั้งความคาดหวัง" ว่าภาพยนตร์จะเป็นไปในแนวทางนี้ตลอด แต่ในช่วงกลางถึงท้ายเรื่องมันกลับไปกันคนละทิศคนละทางซึ่งไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ยังไม่รวมถึงการที่ประเด็นที่พูดถึงในช่วงกลางถึงท้ายเรื่องที่ ซ้ำซาก จำเจ ไม่มีอะไรใหม่ คาดความน่าสนใจไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งผลของมันก็คือทำให้ผู้ชมรู้สึก "Disconnect" กับภาพยนตร์แทบจะสิ้นเชิง
สิ่งที่น่าสนใจมากๆอีกเรื่องหนึ่ง นั้นก็คือการที่ผู้ชมหลายๆท่านนั้น พูดว่าภาพยนตร์เรื่อง Mary is Happy , Mary is Happy นั้น มีโครงสร้างภาพยนตร์ที่แปลกใหม่ ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ซึ่งในความคิดของผู้เขียนนั้นกลับไม่มองเช่นนั้นเลย กลับมองว่า ภาพยนตร์เรื่อง Mary is Happy , Mary is Happy เป็นภาพยนตร์ที่ยังคงความเป็น "Narrative" การเล่าเรื่อง โครงสร้าง และ องค์ต่างๆในภาพยนตร์ที่ไม่แตกต่างไปจากภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ เพียงแต่ว่ามันใส่ความเป็น Social Media และ ความเป็น Twitter ลงไปเพื่อให้ดูเหมือนกับว่ามันเป็นโครงสร้างใหม่ก็เท่านั้นเอง
Mary is Happy , Mary is Happy เป็นภาพยนตร์ที่น่าชื่นชมในความพยายามที่จะสร้างสิ่งใหม่ ให้กับวงการภาพยนตร์ โดยเฉพาะวงการภาพยนตร์ไทย แต่ในตัวภาพยนตร์เองนั้นก็ยังประสบปัญหากับการเล่าเรื่อง ไอเดีย ความคิดต่างๆในภาพยนตร์เองที่ก็ไม่ใช่อะไรแปลกใหม่ ซึ่งในท้ายที่สุดมันก็เป็นเพียงภาพยนตร์ที่ยังคงโครงสร้างของภาพยนตร์ที่ซ้ำซาก จำเจ ไอเดีย ความคิดที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เพียงแต่ใส่ผงชูรสอย่างความเป็น Social Media และ Twitter ลงไป ซึ่งเปรียบเสมือนกับบะหมี่ถ้วยที่ยังคงเป็นเส้นเดิมๆ เนื้อเดิมๆ ชามเท่าเดิมแบบเดิม เพียงแค่ใส่ผงชูรสเข้าไปให้มันดูเอร็ดอร่อยก็เท่านั้น
Final Score : [ C+ ]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น