วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Maleficent ( 2014 ) Movie Review FallsDownz

Maleficent ( 2014 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz

เจ้าหญิงนิทราฉบับไม่ใหม่ซักเท่าไรนัก......




  ถ้าหากพูดถึงหนึ่งในนิทาน ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดมาซักเรื่องหนึ่ง รับรองว่า Sleepy Beauty หรือ เจ้าหญิงนิทราจะต้องเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน 
โดยที่คนส่วนมากนั้น น่าจะรู้จักเจ้าหญิงนิทรามาจากการ์ตูนของดิสนีย์เมื่อปี 1959 แต่สิ่งที่หลายๆคนไม่ทราบเลยก็คือ ต้นฉบับที่แท้จริงของเจ้าหญิงนิทรา ไม่ได้มาจาก Disney แต่มาจาก ชาร์ล แปโร ในฉบับฝรั่งเศษ และ สองพี่น้อง กริมม์ในฉบับภาษาอังกฤษกับเยอรมันต่างหาก 

นอกจากนั้นแล้ว เรื่องราวในต้นฉบับนั้น แตกต่างจากเรื่องราวในฉบับของดิสนีย์อย่างสิ้นเชิงเรียกได้ว่าคนละด้านกันด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะฉบับของสองพี่น้องกริมม์ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องของความโหดและน่าสยดสยอง ในต้นฉบับของสองพี่น้องกริมม์นั้น เจ้าหญิงนิทราไม่ได้ตื่นขึ้นมาจากคำสาปด้วยจุมพิตของเจ้าชาย แต่ตื่นขึ้นมาเพราะว่าเธอถูกข่มขืนจนให้กำเนิดลูกขึ้นมาและทำให้เธอตื่นขึ้นมาต่างหาก 

จะว่าไปแล้วการ์ตูนชื่อดังหลายๆเรื่องของดิสนีย์เอง ตัวต้นฉบับก็มักจะแตกต่างกันคนละด้านอย่างสิ้นเชิงเสมอๆ ไม่ใช่เฉพาะเพียงเจ้าหญิงนิทรา แต่การ์ตูนอีกเรื่องหนึ่งที่โด่งดังมากๆอย่าง นางเงือกน้อย ในตอนจบนั้นเจ้าชายก็ได้ไปแต่งงานกับหญิงอื่น และทำให้นางเงือกน้อยกลายเป็นฟองสบู่ไปในที่สุด แตกต่างจากในการ์ตูนอย่างชัดเจน ซึ่งสาเหตุและที่มาของความโหดร้ายในนิทานสมัยก่อนนั้น ก็เพื่อเป็นการสอนแก่เด็กผู้หญิงว่า "โลกภายนอกนั้นโหดร้ายและทารุณ"นั้นเอง


สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Maleficent ในปี 2014 นี้นั้น จะเป็นเรื่องราวของตัวร้ายอย่างมาเลฟิเซนต์ ซึ่งตัวภาพยนตร์สัญญาเอาไว้ว่า มันจะแปลกใหม่ และไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าสนใจจริงๆในสายตาของผู้เขียนเลย ไม่ใช่เพราะมันแปลกใหม่เลย แต่เพราะนักแสดงที่จะมารับบทเป็นแม่มดใจร้ายนี้คือ แองเจลินา โจลีต่างหาก ถ้าหากคิดดูแล้ว ใครล่ะบนโลกใบนี้ ที่จะเหมาะสมในการรับบทไปมากกว่าเธอคนนี้ ?


ถึงแม้ว่าตัวภาพยนตร์จะสัญญาว่าเรื่องราวจะแปลกใหม่และแตกต่างเอาไว้ก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าในท้ายที่สุดมันก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก จากบทภาพยนตร์ที่เอาเข้าจริงเปลี่ยนแค่ไม่กี่อย่าง และสิ่งที่มันเปลี่ยนไปนั้น ก็ไม่ได้เป็นอะไรที่แตกต่างหรือแปลกใหม่อย่างที่ตัวภาพยนตร์โฆษณาเอาไว้เลยแม้แต่น้อย

ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ตัวละครทุกตัวในภาพยนตร์นอกจากตัวเอกอย่างมาเลฟิเซนต์เอง ก็ช่างแบนราบ มีเพียงมิติเดียว และแบ่งแยกขาวกับดำอย่างชัดเจน แทบจะไม่มีความเป็นมนุษย์เลยด้วยซ้ำไป คนดีก็ดีเหลือเกิน ตัวร้ายก็ร้ายเหลือเกิน เสมือนกับตัวละครที่ลอกมายังไงก็เอามาเสนออย่างนั้น ไม่มีการตีความอะไรใหม่ หรือเสริมมิติให้กับตัวละครใดๆเลย ทั้งๆที่นิทานเรื่องนี้เก่ามาเป็นร้อยๆปีแล้วก็ตาม

แต่จุดหลักๆที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่โตอย่างแท้จริงของภาพยนตร์เรื่องนี้ ดูเหมือนจะเป็นตัวผู้กำกับอย่าง โรเบิรต์ สตรอม์เบิรค์ มากกว่า เนื่องจากเขาทำงานในด้านของวิชวลเอฟเฟคในภาพยนตร์ดังๆมาก่อน ใช่มันทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ของเขา เต็มไปด้วยเทคนิคทางด้านภาพที่อลังการงานสร้าง และสวยงาม แต่ในด้านของการกำกับที่ไร้ประสบการณ์ของเขามันก็ทำให้การเล่าเรื่องและการกำกับของเขานั้น ไม่มีสไตล์และไม่น่าสนใจพอ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการวางมุมกล้อง , การเล่าเรื่อง หรือแม้กระทั่งการเปิดเรื่องและปิดเรื่อง ที่ช่างจืดชืดไร้สีสันตรงกันข้ามกับภาพที่เขาสร้างสิ้นดี เพียงแค่ภาพและCG นั้นมันไม่เพียงพอเลยแม้แต่น้อยที่จะทำให้ภาพยนตร์สนุกและน่าติดตามได้ มันจะต้องประกอบไปด้วยหลายๆอย่างเช่น บท ตัวละคร หรือเทคนิคต่างๆ ซึ่งจากสาเหตุนี้ เป็นผลที่ทำให้หลายๆช่วงในภาพยนตร์ให้ความรู้สึกน่าเบื่ออยู่ไม่ใช่น้อย


แต่ก็ใช่ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีแต่ข้อเสียและความน่าผิดหวังไปเสียหมด มันยังพอมีบางสิ่งที่ยังคงโดดเด่นเพียงพอที่จะสร้างมิติและสีสันให้กับภาพยนตร์อยู่บ้าง

สิ่งหนึ่งที่โดดเด่น ดึงดูดและสร้างพลังให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างมหาศาลก็คงจะหนีไม่พ้นนางเอกอย่าง แองเจลินา โจลีนั้นเอง ที่ช่างทรงพลัง น่าทึ่งและสร้างมิติให้กับตัวละครร้ายตัวนี้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าในฉากไหนๆ ไม่ว่าในท่วงท่าหรือคำพูดใดๆของเธอ ก็ช่างน่าทึ่ง และหยุดทุกลมหายใจเป็นที่สุด เมื่อมานั่งคิดว่าถ้าหากภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ได้เธอคนนี้มานำแสดงแล้วล่ะก็ มันคงจะดูเป็นเรื่องที่ยากเย็นในการผ่านเวลา 90 นาทีนี้ไปได้โดยที่ไม่หลับเสียก่อน

สิ่งต่อมาที่โดดเด่นไม่แพ้กันเลยก็คือ วิชวลเอฟเฟคของภาพยนตร์ที่ได้พูดไปแล้ว จากการที่ตัวผู้กำกับนั้นมีประสบการณ์ทางด้านนี้มามากพอสมควร จึงทำให้ CG ในภาพยนตร์ช่างสวยงาม ตระการตาสุดๆ บางฉากนั้นมีการจัดแสงที่ให้ความรู้สึกเสมือนกับนั่งดูการ์ตูนที่น่าทึ่งอยู่เหมือนกัน แต่ในส่วนนี้ก็ดูเหมือนจะค่อนข้างครึ่งๆกลางๆ เพราะในบางฉากที่น่าจะทำให้ดูอลังการและน่าทึ่งกว่านี้ได้ กลับถ่ายในที่แคบๆและไม่มีสีสัน สร้างความมึนงงให้กับผู้เขียนอยู่ไม่น้อยกับตัวเลือกนี้ ไม่แน่ใจว่าเป็นผลมาจากงบประมาณของทางดิสนีย์ หรือเป็นผลมาจากการตัดสินใจของผู้กำกับกันแน่ แต่มันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว



ในท้ายที่สุดแล้ว ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของค่ายหนูมิกกี้เมาส์อย่าง Maleficent ก็ไม่สามารถบรรลุคำสัญญาและเป้าหมายอย่างที่มันได้คาดหวังเอาไว้ซักเท่าไรนัก ไม่ว่าจะในด้านของบทภาพยนตร์หรือการกำกับ สิ่งที่มันพอจะให้ได้ ดูเหมือนจะมีเพียงแค่ CG กับแองเจลิน่า โจลี่เท่านั้นเอง  จะว่าไปแล้วอาจจะเป็นไปได้เช่นเดียวกัน ว่าสไตล์ของภาพยนตร์แฟนตาซีแนวนี้มันได้ตกยุคไปแล้ว ถ้าหากมีค่ายภาพยนตร์ค่ายใดค่ายหนึ่ง สร้างภาพยนตร์ฟอรม์ยักษ์แฟนตาซี แต่เป็นแบบชนิดเนื้อหาที่หนักหน่วง และเต็มไปด้วยความรุนแรง สยดสยอง และเลือด  คงจะเป็นอะไรที่น่าบันเทิงสำหรับผู้เขียนไม่น้อย .


Final Score : [ C ] 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น