"ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Dragon Age : Inquisition คือหนึ่งในสุดยอดเกม RPG แห่งปีนี้อย่างแท้จริง"
ชื่อ : Dragon Age : Inquisition ( 2014 )
ประเภท : Action RPG / Open World
ผู้พัฒนา : Bioware
ลงให้กับเครื่อง : PC / PS3 / PS4 / Xbox360 / XboxOne
เรท : Mature
Dragon Age : Inquisition เรียกได้ว่าเป็นเกมในปี 2014 ที่มีแฟนๆทั่วโลกรอคอยและตั้งความหวังมากที่สุดเกมหนึ่งเลยทีเดียวเชียว ถึงแม้จะต้องสารภาพว่า นี้เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของผู้เขียนกับเกม Dragon Age เลย แต่ก็เคยได้ยินชื่อเกมนี้มาหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะในภาคแรก Dragon Age : Origins ในปี 2009 ที่ยอดเยี่ยมจนกล่าวขานกันมาถึงทุกวันนี้
แต่พอภาคต่อมา Dragon Age II ในปี 2011 ตัวเกมก็กลับทำให้แฟนๆเกมผิดหวังอย่างร้ายแรงในหลายๆด้าน จนแฟนเกมหลายคนถึงกับเซ็งเป็ดกันไปตามๆกัน ซึ่งคาดว่าเพราะเหตุนี้เอง ทางผู้พัฒนา Bioware จึงใช้เวลาถึง 3 ปี ในการสร้างเกม Dragon Age : Inquistion นี้ออกมา เพราะแน่นอนว่าทางผู้พัฒนาเองก็คงไม่อยากจะให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยอีกเป็นแน่แท้
คราวนี้ถึงเวลามาพูดถึงเรื่องเนื้อเรื่องของ Dragon Age : Inquisition กันบ้าง ต้องพูดก่อนเลยว่าการดำเนินเรื่องส่วนใหญ่ค่อนข้างจะเป็นเส้นตรงและเดาได้ไม่ยากซักเท่าไรนัก แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ตัวเกมน่าสนใจน้อยลงเลย ด้วยความที่ตัวเกมค่อนข้างจะเปิดเรื่องราวและแนวทางอื่นๆเอาไว้เยอะ กว้างและน่าสนใจมาก ตัวเกมเต็มไปด้วยเรื่องราวต่างๆมากมายที่ชวนให้คิดอยู่ตลอดเวลา ในด้านหนึ่งก็สะท้อนถึงโลกที่เราๆอยู่กันได้เป็นอย่างดีทีเดียว เช่นเรื่องราวของศาสนา ความเชื่อ ความขัดแย้งของเชื้อชาติหรือเผ่าพันธ์ต่างๆ รวมถึงการเมืองอันดุเดือดที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ สิ่งเหล่านี้ได้ถูกนำเสนอออกมาในทั้งด้านที่ดีและด้านไม่ดีอยู่บ่อยครั้ง แถมในบางครั้งเส้นแบ่งแยกนี้มันก็ช่างเบาบางจนเรียกได้ว่าทำเอาแยกไม่ออกว่าตกลงอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องกันแน่ เช่นความขัดแย้งระหว่างเมจกับเทมพลาที่ดูเหมือนจะเป็นความขัดแย้งที่อยู่ในทุกภาคของ Dragon Age เรื่อยมา ในด้านหนึ่งตัวผู้เขียนก็เห็นใจเมจ แต่กลับกันก็ไม่อาจพูดว่าสิ่งที่เทมพลาทำนั้นผิด เป็นต้น
Dragon Age : Inquisition เป็นเกมที่หลายๆครั้งบังคับให้ท่านตัดสินใจเลือก โดยเฉพาะในเนื้อเรื่องที่มักจะเต็มไปด้วยการตัดสินใจอันยากลำบาก ในหลายครั้งคุณอาจจะตัดสินใจได้ไม่ยาก แต่ในบางครั้ง ผู้เขียนก็พบว่าตัวเลือกทุกตัวเลือกมันก็เลวร้ายพอๆกัน แต่คุณจำเป็นจะต้องเลือก แถมมันยังส่งผลต่อตัวเนื้อเรื่องคุณต่อจากนี้ไปอีกด้วย เพราะฉะนั้นจงเลือกให้ดี มิเช่นนั้นท่านอาจจะมาเสียใจภายหลัง
ที่น่าประทับใจสำหรับตัวผู้เขียนเลย ก็คือตัวเกมค่อนข้างให้ความรู้สึกเคลื่อนที่ไปข้างหน้าตลอดเวลา อย่างเช่นเมื่อเรากระทำการอะไรที่สำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นจับคู่กับตัวละครอื่น , เล่นเนื้อเรื่องสำคัญต่างๆ แม้กระทั่งเผ่าพันธุ์ที่คุณเลือกเล่น ตัวละครรอบข้างของเราก็จะพูดถึงเรื่องนั้นและเหตุการณ์นั้นด้วยเช่นกัน แถมถ้าหากคุณไปไล่คุยกับตัวละครอื่นๆในเกมนอกจากคุณจะได้ฟังถึงเบื้องหลังที่มาที่ไปของพวกเขาแล้ว คุณยังได้ฟังความคิดของเขาต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอีกด้วย ซึ่งมันให้ความรู้สึกว่าตัวเกมเคลื่อนที่ไปพร้อมๆกับเรา
อีกหนึ่งระบบของ Dragon Age ที่สำคัญมากๆเลยก็คือ ตัวละครเพื่อนร่วมทีมของเรา นอกจากตัวละครเหล่านี้จะสามารถช่วยเหลือเราต่อสู้ในเกมได้แล้ว แทบจะทุกตัวละครยังถูกเขียนออกมาได้ดีอีกด้วย แต่ละตัวละครเต็มไปด้วย ความคิด ทัศนะคติและหลายๆสิ่งอย่างที่แตกต่างกันอย่างน่าสนใจ จนเสมือนพวกเขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่สำคัญก็คือการตัดสินใจหลายๆอย่างของเราจะส่งผลต่อพวกเขาด้วย เช่นถ้าหากคุณตัดสินใจอะไรไปที่ตัวละครบางตัวไม่เห็นด้วย พวกเขาก็อาจจะไม่พอใจคุณก็เป็นได้ ถึงแม้ว่าในส่วนนี้มันอาจจะไม่ได้ส่งผลรุนแรงมากมายต่อตัวเกมซักเท่าไรนัก แต่มันก็เพิ่มความลึกและน่าสนใจให้ตัวเกมไม่ใช่น้อย
และแน่นอนว่าเมื่อพูดถึงตัวละครใน Dragon Age ไม่ใช่แค่คุณสามารถพูดคุยหรือนำพวกเขามาเป็นเพื่อนร่วมทีมได้เท่านั้น แต่คุณยังสามารถมีความสัมพันธ์กับพวกเขาได้อีกด้วย หรือสิ่งที่ในเกมเรียกว่า "Romance" ซึ่งเป็นระบบที่โดดเด่นมากๆในเกมนี้ เรียกได้ว่าใครชอบตัวละครไหนก็จับจองกันได้เลย ตั้งแต่คู่ปกติ ยันสายเกย์ก็มีให้ท่านได้ไปกันเต็มที่เลยทีเดียว ที่สำคัญคือนี้เป็นระบบที่ตัวผู้พัฒนา Bioware ดูจะจริงจังเอามากๆ เพราะนี้ไม่ใช่แค่ระบบที่นำตัวละครมาวิ่งไปวิ่งมาช่วยเหลือคุณรอบข้าง แต่คุณยังจับคู่กับตัวละครที่คุณชื่นชอบและเพิ่มบทบาทตัวละครนั้นๆขึ้นมาอีกด้วย
สิ่งที่ผู้เขียนสารภาพเลยว่าถูกใจมากๆในเกม Dragon Age : Inquisition ก็คือทุกๆตัวละครในเกมมีเสียงพากษ์ทุกตัวละคร แม้กระทั่งตัวละครเควสเล็กๆทั่วไปก็ยังมีเสียงพากษ์ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าตัวเกมน่าสนใจขึ้นเยอะ ตัวรายละเอียดของภารกิจ เนื้อเรื่องต่างๆน่าสนใจขึ้น น่าฟังขึ้นอย่างมาก รวมถึงเสียงพากษ์ต่างๆก็ทำได้ค่อนข้างดีมากอีกด้วย ในขณะที่เกม RPG บางเกมยังคงใช้ขึ้นมาแต่ตัวอักษรซึ่งไม่น่าสนใจชวนอยากกดๆข้ามไปอยู่ตลอดเวลา
ที่สำคัญเลยก็คือบทพูดต่างๆก็ถูกเขียนมาได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย พอยิ่งผสมผสานเข้ากับตัวเกมที่เต็มไปด้วยตัวเลือกและทางเลือกต่างๆให้ตอบมากมาย ก็ยิ่งทำให้มันน่าสนใจและเพิ่มคุณค่าในการหยิบตัวเกมมาเล่นซ้ำแต่เลือกตัวเลือกใหม่ๆเข้าไปอีก ถึงแม้ว่าในรอบแรกที่ผู้เขียนเล่นจะใช้เวลาไปถึง 50 ชั่วโมงโดยที่ไม่ได้รู้ตัวไปแล้วก็ตาม ทั้งๆที่ผู้เขียนข้ามภารกิจหรือเควสย่อยต่างๆมากมาย ยังไม่นับถึงแผนที่ต่างๆที่ยังสำรวจไม่ครบอีก เรียกได้ว่าเอาเข้าจริง Dragon Age : Inquisition เป็นเกมที่เล่นได้มากกว่า 100 ชั่วโมงดีไม่ดีจะมากกว่านั้นอีกด้วยซ้ำไป
มาถึงในหัวข้อที่เรียกได้ว่าสำคัญที่สุดในทุกๆเกม ก็คือเกมเพลย์ของตัวเกม
Dragon Age : Inquisition โดยในเรื่องของอาชีพและคลาสต่างๆในเกมแบ่งคลาสออกเป็น 3 คลาส Rouge , Mage และ Warrior และแต่ละคลาสยังแยกย่อยออกมาเป็นอาชีพพิเศษอีกอย่างละ 3 อาชีพ ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคลาส แต่ละอาชีพก็จะมีสกิล แนวการเล่นที่แตกต่างกันออกไป โดยเราสามารถเลือกคลาสได้อย่างอิสระในขณะที่ตัวละครอื่นๆในเกมจะเป็นคลาสที่ถูกกำหนดมาแล้ว และเราจะเลือกตัวละครไหนมาเป็นเพื่อนร่วมทีมเราก็ได้ คุณจะจัดทีม Mage ซัก 3 คนแล้ว Warrior เอาไว้แทงค์หนึ่งคนก็ไม่ว่ากัน ถึงกระนั้นก็ตาม สกิลต่างๆใน Dragon Age : Inquisition ส่วนตัวแล้วผู้เขียนไม่ค่อยประทับใจเท่าไร โดยเฉพาะ Rouge ที่รู้สึกน่าเบื่อไม่ใช่น้อยแม้จะเพิ่มอาชีพพิเศษแล้วก็ตาม ในขณะที่ถ้าหากเปรียบเทียบกับ Magick Archer ในเกม Dragons Dogma ยังมีสกิลที่น่าสนใจและเท่ห์กว่าเยอะ
นอกจากนั้นแล้วในตอนที่คุณต่อสู้ คุณสามารถสลับโหมดปกติไปสู่โหมด Tactical View ได้อีกด้วย ซึ่งทำให้เวลาในขณะนั้นหยุดลงทั้งหมดเพื่อให้คุณสั่งคำสั่ง A.I ให้ใช้สกิลต่างๆหรือเดินไปโจมตีศัตรูที่คุณต้องการอีกด้วย ซึ่งเป็นโหมดที่ดูเหมือนจะสำคัญมากๆสำหรับท่านใดที่อยากจะเล่นโหมด Nightmare ซึ่งยากสุดๆ และการให้ A.I ที่ไม่ค่อยจะฉลาดเท่าไรนักไปต่อสู้ด้วยตนเองคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
นอกจากนั้นแล้วในตอนที่คุณต่อสู้ คุณสามารถสลับโหมดปกติไปสู่โหมด Tactical View ได้อีกด้วย ซึ่งทำให้เวลาในขณะนั้นหยุดลงทั้งหมดเพื่อให้คุณสั่งคำสั่ง A.I ให้ใช้สกิลต่างๆหรือเดินไปโจมตีศัตรูที่คุณต้องการอีกด้วย ซึ่งเป็นโหมดที่ดูเหมือนจะสำคัญมากๆสำหรับท่านใดที่อยากจะเล่นโหมด Nightmare ซึ่งยากสุดๆ และการให้ A.I ที่ไม่ค่อยจะฉลาดเท่าไรนักไปต่อสู้ด้วยตนเองคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
สำหรับใน Dragon Age : Inquisition นอกจากตัวเนื้อเรื่องหลักแล้ว ตัวเกมค่อนข้างจะเปิดกว้างเป็น Open World อยู่พอสมควร โดยเราสามารถเข้าไปสำรวจแผนที่ต่างๆได้ ซึ่งภารกิจหลักในแต่ละแผนที่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการตั้งแคมป์ที่ต่างๆ ช่วยเหลือชาวบ้าน และทำลายปีศาจทั้งหลาย เพื่อเพิ่มแต้มของคุณ ซึ่งคุณสามารถนำแต้มนี้เพื่อไปเปิดสู่เนื้อเรื่องขั้นต่อไป และเปิดแผนที่ใหม่ๆได้ด้วย ในส่วนของแต่ละแผนที่ก็ถือว่าออกแบบมาได้น่าสนใจดี ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้ถึงขนาดน่าประทับใจนัก แต่บางแผนที่ลับก็ถือว่าโดนใจไม่ใช่น้อย อย่างเช่นผู้เขียนที่บังเอิญเดินไปเจอกับสถานที่ลับเข้าให้ แล้วสถานที่นั้นเวลาถูกหยุดลง ตัวละครที่กำลังสู้กันอย่างดุเดือดก็ถูกแช่ค้างเอาไว้ด้วยท่าทางต่างๆ มันเป็นอะไรที่เท่ห์และน่าจดจำมากเลยทีเดียว
และแน่นอนว่าเมื่อชื่อเกมบอกซะขนาดนี้ ผู้เล่นหลายๆท่านก็คงอยากที่จะลงไปฟาดฟันกับมังกรในเกมไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยมังกรในเกมนี้ที่ค่อนข้างจะเก่งกาจและต้องอาศัยหลายๆสิ่งหลายๆอย่างในการสู้ โดยเฉพาะธาตุและการหลบท่าต่างๆของมัน ยิ่งท่านที่เล่นโหมด Nightmare ต้องยิ่งระวังเป็นพิเศษ มิเช่นนั้นท่านอาจจะลงไปกองนอนกับพื้นก่อนที่จะได้ทำอะไร แต่ถ้าหากท่านเอาชนะมาได้ ก็จะได้รางวัลของดรอปต่างๆที่คุ้มค่าต่อการสู้เลยทีเดียว
ในส่วนของการคราฟหรือสร้างของต่างๆในเกม ก็ถือว่าทำได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว โดยไอเดียที่ผู้เขียนชอบมากเป็นพิเศษก็คือ ตัวเกมจะไม่มีพวกถุงมือ หรือว่า ด้ามของอาวุธให้เก็บ แต่เราสามารถสร้างสิ่งเหล่านี้และใส่ประกอบเข้าไปในชุดที่ดรอปให้จากหลายๆวิธีในเกม หรือจะสร้างเองเลยก็ได้ ซึ่งมันเป็นไอเดียที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียวแถมหน้าตาของชุดและอาวุธต่างๆยังเปลี่ยนไปตามสิ่งที่เราใส่ไปอีกด้วย
นอกจากนั้นแล้ว ไม่ทราบว่าทาง Bioware คิดอะไรเหมือนกันถึงใส่โหมด Multiplayer เข้ามาในเกม ซึ่งเอาเข้าจริงผู้เขียนก็ไม่ได้ถึงขนาดไม่ชอบอะไรมากมายนัก แต่โหมด Multiplayer ใน Dragon Age : Inquisition ให้ความรู้สึกครึ่งๆกลางๆอยู่พอสมควร ตั้งแต่หน้าปรับแต่งตัวละครยันในตัวเกมเองที่ให้ความรู้สึกถูกรีบเข็นออกมาโดยไม่ได้ใส่เวลาเท่าที่ควรลงไป เซิฟเวอร์ที่ค่อนข้างจะมีอาการกระตุกอยู่บ่อยครั้ง แถมยังมีการใส่ประเภทขายของด้วยเงินจริงในเกมเข้ามาอีก ซึ่งถือได้ว่าเป็นอะไรที่น่าผิดหวังอยู่บ้าง ผู้เขียนแทบจะไม่รู้สึกว่าอยากที่จะเล่นโหมดนี้ต่อไปเลย เพราะในส่วนของโหมดธรรมดาก็ถือว่าทำได้ดีกว่าเยอะมาก ยกเว้นท่านจะอยากเล่นกับเพื่อนๆก็ยังถือว่าเป็นโหมดที่พอรับได้
และแน่นอนว่าเมื่อชื่อเกมบอกซะขนาดนี้ ผู้เล่นหลายๆท่านก็คงอยากที่จะลงไปฟาดฟันกับมังกรในเกมไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยมังกรในเกมนี้ที่ค่อนข้างจะเก่งกาจและต้องอาศัยหลายๆสิ่งหลายๆอย่างในการสู้ โดยเฉพาะธาตุและการหลบท่าต่างๆของมัน ยิ่งท่านที่เล่นโหมด Nightmare ต้องยิ่งระวังเป็นพิเศษ มิเช่นนั้นท่านอาจจะลงไปกองนอนกับพื้นก่อนที่จะได้ทำอะไร แต่ถ้าหากท่านเอาชนะมาได้ ก็จะได้รางวัลของดรอปต่างๆที่คุ้มค่าต่อการสู้เลยทีเดียว
มังกร !!
ในส่วนของการคราฟหรือสร้างของต่างๆในเกม ก็ถือว่าทำได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว โดยไอเดียที่ผู้เขียนชอบมากเป็นพิเศษก็คือ ตัวเกมจะไม่มีพวกถุงมือ หรือว่า ด้ามของอาวุธให้เก็บ แต่เราสามารถสร้างสิ่งเหล่านี้และใส่ประกอบเข้าไปในชุดที่ดรอปให้จากหลายๆวิธีในเกม หรือจะสร้างเองเลยก็ได้ ซึ่งมันเป็นไอเดียที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียวแถมหน้าตาของชุดและอาวุธต่างๆยังเปลี่ยนไปตามสิ่งที่เราใส่ไปอีกด้วย
นอกจากนั้นแล้ว ไม่ทราบว่าทาง Bioware คิดอะไรเหมือนกันถึงใส่โหมด Multiplayer เข้ามาในเกม ซึ่งเอาเข้าจริงผู้เขียนก็ไม่ได้ถึงขนาดไม่ชอบอะไรมากมายนัก แต่โหมด Multiplayer ใน Dragon Age : Inquisition ให้ความรู้สึกครึ่งๆกลางๆอยู่พอสมควร ตั้งแต่หน้าปรับแต่งตัวละครยันในตัวเกมเองที่ให้ความรู้สึกถูกรีบเข็นออกมาโดยไม่ได้ใส่เวลาเท่าที่ควรลงไป เซิฟเวอร์ที่ค่อนข้างจะมีอาการกระตุกอยู่บ่อยครั้ง แถมยังมีการใส่ประเภทขายของด้วยเงินจริงในเกมเข้ามาอีก ซึ่งถือได้ว่าเป็นอะไรที่น่าผิดหวังอยู่บ้าง ผู้เขียนแทบจะไม่รู้สึกว่าอยากที่จะเล่นโหมดนี้ต่อไปเลย เพราะในส่วนของโหมดธรรมดาก็ถือว่าทำได้ดีกว่าเยอะมาก ยกเว้นท่านจะอยากเล่นกับเพื่อนๆก็ยังถือว่าเป็นโหมดที่พอรับได้
เอ่อ......
สำหรับกราฟฟิคในเกม Dragon Age : Inquisition ก็เรียกได้ว่าสวยงามมากๆเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นแสง รายละเอียดของสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงรายละเอียดตัวละครต่างๆก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมและน่าประทับใจมากๆ ทั้งๆที่ผู้เขียนปรับ PC อยู่ในระดับเพียงปานกลางถึงต่ำ แต่ก็ยังสวยงามไม่มีที่ติเลยทีเดียว โดยเฉพาะหน้าตาและชุดต่างๆของตัวละครที่สวยงามอลังการงานสร้างสุดๆ
ช่าง...งดงาม
แต่... ในเวอร์ชั่นที่ผู้เขียนเล่นซึ่งก็คือ PC นั้น เรียกได้ว่าเปิดตัวมาค่อนข้างจะมีปัญหาอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ต้องบอกก่อนว่า PC ของผู้เขียนเสปคต่างๆถือได้ว่าค่อนข้างธรรมดาพอสมควร แต่ถึงแม้ว่าจะผ่านเสปคขั้นต่ำของตัวเกมก็ตาม นั้นก็ไม่ได้ทำให้บัคทั้งหลายในเกมหายไปเลย
Dragon Age : Inquisition เป็นเกมที่เปิดมามีบัคหรือปัญหาต่างๆอยู่มากมาย อย่างเช่น เดินๆอยู่ตัวละครก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้, ตัวละครเดินบนอากาศ , เวลาใช้แต้มสกิลหลายๆแต้มพร้อมกันจะทำให้ตัวเกมค้าง , การโหลด Texture ที่ช้า , เฟรมเรทในฉากคัดซีนที่ไม่รู้ทำไมตกลงมาเหลือ 30 fps , คอมพิวเตอร์ A.I ที่มักจะชอบเดินติดกำแพงอยู่บ่อยๆ แถมการปรับค่า A.I ก็ดูจะไม่ช่วยอะไรเท่าไรนัก , กดไปห้อง War Room ทำให้เกมค้าง ไปจนถึงเกมที่อยู่ดีๆก็ค้างตอนหน้าจอเมนูหลักเกือบพาเอาเล่นไม่ได้ ที่่สำคัญเลยก็คือเวลาโหลดระหว่างข้ามแผนที่ต่างๆของตัวเกมที่ดูเหมือนจะใช้เวลาอันยาวนานเหลือเกิน ถ้าคิดจากเวลาที่ผู้เขียนเล่นในเกม ซึ่งก็คือ 50 ชั่วโมง ผู้เขียนแน่ใจว่าอย่างน้อยก็ต้องเกือบๆ 30 นาทีหรือมากกว่าที่ใช้เวลาไปกับการนั่งดูฉากโหลดเกม แถมฉากโหลดเกมนี้ดันยังมีสองฉากอีก ฉากแรกก็คือฉากปกติซึ่งจะมีทริคหรือว่าข้อมูลในเกมให้เราอ่านฆ่าเวลา แต่พอโหลดไปได้ซักพักอยู่ดีๆตัวเกมก็ตัดสินใจจะตัดไปฉากจอมืดเฉยซึ่งก็เข้าไปนั่งรอโหลดเหมือนกัน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงจะต้องโหลดถึงสองฉาก แล้วฉากจอมืดนี้มีมาเพื่ออะไรกันแน่
คาถานินจาวิชาลอยตัวกลางอากาศ
ผู้เขียนไม่ทราบว่าเวอร์ชั่นอื่นๆอย่าง PS4 หรือ Xbox One มีปัญหาเช่นนี้หรือไม่ แต่แน่นอนว่าสำหรับบนเวอร์ชั่น PC เรียกได้ว่าตัว Bioware ค่อนข้างจะหลุดเรื่องบัคออกมาเยอะพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งปัญหาเหล่านี้อยากให้ผู้อ่านทุกท่านทราบไว้ว่า อาจจะเกิดเฉพาะกับเครื่องผู้เขียนอย่างเดียวก็เป็นได้ ถือว่าโชคดีที่ทาง Bioware เพิ่งจะปล่อยแพชแก้ไขออกมาเพียงไม่กี่วันนี้ ซึ่งคงจะแก้ปัญหาไปได้ส่วนหนึ่ง
ถ้าหากจะมีข้อเสียอีกซักข้อหนึ่งที่ผู้เขียนรู้สึกเกี่ยวกับ Dragon Age : Inquisition ก็คือช่วงตอนจบของมัน ที่ให้ความรู้สึกรีบเร่งไปนิดหน่อย แต่ที่สำคัญเลยก็คือตัวหน้าบอสสุดท้ายที่น่าผิดหวังสุดๆ เอาเข้าจริงมันไม่ให้ความรู้สึกเหมือนบอสหัวหน้าใหญ่ตัวสุดท้ายของเกมเลย เหมือนแค่ศัตรูทั่วๆไปที่เลือดเยอะขึ้นมาหน่อย ในขณะที่มังกรในเกมต่างๆยังให้ความท้าทายที่มากกว่าเสียอีก จึงเป็นอะไรที่น่าผิดหวังเหมือนกัน
ยังดีที่บทสรุปของเกมถือว่าจัดการได้ดีมาก ในขณะที่จบลงอย่างสวยงาม ด้วยการจบที่ขึ้นอยู่กับตัวเลือกต่างๆในเกมที่คุณได้กระทำลงไป แต่ก็ทิ้งท้ายอะไรเอาไว้โดยไม่เป็นการขายภาคต่อหรือ Expansion ต่อไปมากจนเกินไป ซึ่งตัว Bioware ถือว่าจัดการบทสรุปออกมาได้ลงตัวมาก น่าเสียดายถ้าหากช่วงตอนจบเกมกับบอสหัวหน้าใหญ่ของเกม มันท้าทายและน่าจดจำกว่านี้ ก็คงจะดี
แต่อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว ด้วยเนื้อเรื่องอันน่าสนใจน่าติดตาม ระบบต่อสู้ที่น่าตื่นเต้น การออกแบบตัวละครที่ดี เสียงพากษ์อันยอดเยี่ยม ภาพและกราฟฟิคอันน่าประทับใจ รวมถึงโลกของ Dragon Age ที่ให้ความรู้สึกเคลื่อนที่กับเราไปอยู่ตลอดเวลา ทำให้ Dragon Age : Inquisition เป็นอีกหนึ่งเกม RPG แห่งปี 2014 โดยไม่ต้องสงสัยเลย
Final Score : [ A ] & [ Must Play Badge ]
ถ้าหากจะมีข้อเสียอีกซักข้อหนึ่งที่ผู้เขียนรู้สึกเกี่ยวกับ Dragon Age : Inquisition ก็คือช่วงตอนจบของมัน ที่ให้ความรู้สึกรีบเร่งไปนิดหน่อย แต่ที่สำคัญเลยก็คือตัวหน้าบอสสุดท้ายที่น่าผิดหวังสุดๆ เอาเข้าจริงมันไม่ให้ความรู้สึกเหมือนบอสหัวหน้าใหญ่ตัวสุดท้ายของเกมเลย เหมือนแค่ศัตรูทั่วๆไปที่เลือดเยอะขึ้นมาหน่อย ในขณะที่มังกรในเกมต่างๆยังให้ความท้าทายที่มากกว่าเสียอีก จึงเป็นอะไรที่น่าผิดหวังเหมือนกัน
ยังดีที่บทสรุปของเกมถือว่าจัดการได้ดีมาก ในขณะที่จบลงอย่างสวยงาม ด้วยการจบที่ขึ้นอยู่กับตัวเลือกต่างๆในเกมที่คุณได้กระทำลงไป แต่ก็ทิ้งท้ายอะไรเอาไว้โดยไม่เป็นการขายภาคต่อหรือ Expansion ต่อไปมากจนเกินไป ซึ่งตัว Bioware ถือว่าจัดการบทสรุปออกมาได้ลงตัวมาก น่าเสียดายถ้าหากช่วงตอนจบเกมกับบอสหัวหน้าใหญ่ของเกม มันท้าทายและน่าจดจำกว่านี้ ก็คงจะดี
แต่อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว ด้วยเนื้อเรื่องอันน่าสนใจน่าติดตาม ระบบต่อสู้ที่น่าตื่นเต้น การออกแบบตัวละครที่ดี เสียงพากษ์อันยอดเยี่ยม ภาพและกราฟฟิคอันน่าประทับใจ รวมถึงโลกของ Dragon Age ที่ให้ความรู้สึกเคลื่อนที่กับเราไปอยู่ตลอดเวลา ทำให้ Dragon Age : Inquisition เป็นอีกหนึ่งเกม RPG แห่งปี 2014 โดยไม่ต้องสงสัยเลย
Final Score : [ A ] & [ Must Play Badge ]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น