วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

White God (2014) Movie Review


White God ( 2014 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz



"จากหมาที่บ้าน มาชมหมายึดเมือง"


                สำหรับผู้เลี้ยงหรือผู้รักสัตว์เลี้ยงมากๆแล้ว การได้เห็นฉากในภาพยนตร์ ที่สัตว์ต่างๆเหล่านี้ ต้องประสบชะตากรรมอันแสนลำบาก บางครั้งถึงขั้นเลือดตกยางออก เป็นอะไรที่แสนจะหดหู่ และทรมาณอย่างอธิบายไม่ได้ โดยสำหรับส่วนตัวผู้เขียนเอง การชมภาพยนตร์อย่าง War Horse (2011) หรือ John Wick (2014) ก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกทุกครั้งโดยเฉพาะ War Horse ที่เล่าเรื่องผ่านตัวละครหลักที่เป็นสัตว์อย่างม้าท่ามกลางพื้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 แทบจะทั้งเรื่อง




แต่ในเมื่อภาพยนตร์ที่มีคนพูดถึงและได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์เป็นจำนวนมากอย่าง White God เข้ามาฉายในประเทศไทย ก็ทำให้เราเกิดจิตใจสองแง่สองง่าม ใจหนึ่งก็อยากที่จะชมมากเนื่องจากมันเป็นภาพยนตร์ที่ขึ้นชื่อว่านักวิจารณ์หลากคนชื่นชอบ แต่อีกใจก็กลัวว่าจะทนดูมันไม่ได้เช่นเดียวกัน 


White God เป็นภาพยนตร์จากประเทศฮังการี ซึ่งว่าด้วยเรื่องราวของสุนัข ฮาเก้น ที่ถูกทอดทิ้งหลังจากพ่อของลิลลี่เจ้าของสุนัขไม่ยอมรับมันเข้ามาเลี้ยง ฮาเก้นจึงต้องพบเจอกับประสบการณ์อันแสนสาหัส ความเจ็บปวดและความเคียดแค้นที่สั่งสม มันจึงตัดสินใจที่จะลุกขึ้นมานำกองทัพสุนัขจรจัด เพื่อล้างแค้นเหล่ามนุษย์ที่กระทำกับมันไว้ให้สาสม !!




ต้องพูดเลยว่า สำหรับตัวผู้เขียนเองแล้ว เรื่องการมีอารมณ์ร่วมในภาพยนตร์นั้น ดูจะเป็นส่วนสำคัญในลำดับรองลงมา สำหรับประสบการณ์การชมภาพยนตร์ แต่ White God เป็นภาพยนตร์ที่ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าดึงตัวผู้เขียนและอาจจะผู้รักสัตว์หรือผู้เลี้ยงสุนัขบางท่าน เข้ามาอยู่ในประสบการณ์การชมภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์แทบจะทั้งหมดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเทียบกับภาพยนตร์หลากหลายเรื่องแล้ว White God ดูจะเหนือชั้นในด้านของความหดหู่ เศร้า และทรมาณระหว่างชมขึ้นไปอีกระดับ


ซึ่งเอาจริงๆนั้นดูจะเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ และเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมากที่สุดสิ่งหนึ่ง White God เป็นภาพยนตร์ที่ช่างสะเทือนอารมณ์อย่างรุนแรง มันทั้งโศกเศร้า หดหู่ กระทั่งชวนให้เบือนหน้าหนีในฉากบางฉาก แต่ก็เป็นภาพยนตร์ที่ช่างงดงาม และทรงพลังมากที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิต


แน่นอนว่าหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ White God เป็นเช่นนี้ ก็ต้องขอชื่นชมการกำกับของ กอร์เนล มุนดรักโซ จากการกำกับที่ยอดเยี่ยม ควบคุมและถ่ายทอดอารมณ์ในแต่ละช่วงของภาพยนตร์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงกลางถึงท้ายเรื่อง ที่หนักแน่น ตึงเครียด น่าหดหู่โดยไม่มีท่าทีจะลดลงไปแม้แต่น้อย 
การเล่าเรื่องตัดสลับระหว่างมุมมองของ ฮาเก้น กับ ลิลลี่ ถ่ายทอดปัญหาของสองฝ่ายที่คล้ายคลึงกันอย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าหากจะมีจุดติก็คงจะเป็นในจุดไคลแมกซ์ของเรื่อง ซึ่งแลดูสูตรสำเร็จเดาง่ายแสนง่ายไปบ้าง



สำหรับในด้านโปรดักชั่น โดยรวมถือว่าทำได้ค่อนข้างดี เช่นการจัดแสงและองค์ประกอบภาพที่สวยงาม น่าทึ่ง เต็มไปด้วยพลังจนชวนขนลุก ด้านของการกำกับภาพโดยรวมถือว่าได้ดี แต่ในบางฉากมีการใช้เทคนิคการถ่ายทำแฮนด์เฮล กล้องสั่นไปมา ผสมกับการตัดต่อที่รวดเร็วมากเกินไปหน่อย ทำให้รู้สึกน่ารำคาญอยู่บ้าง


ส่วนด้านตัวละครต่างๆในภาพยนตร์สัญชาติฮังการีเรื่องนี้ โดยรวมก็ถือว่าค่อนข้างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างลิลลี่กับพ่อของเธอ หรือความสัมพันธ์ระหว่างสุนัขตัวเอกของเรื่องอย่างฮาเก้นกับแทบจะทุกตัวละครในภาพยนตร์ ซึ่งในหลายๆส่วนก็ต้องขอชมผู้ฝึกสุนัขและการแสดงของสุนัขสองตัว ลุค กับ บอดี้ ที่สลับกับรับบทเป็นฮาเก้น ในหลายๆฉากจะทรงพลัง น่าจดจำ และเดินหน้าไปต่อได้ยากลำบากมากทีเดียวถ้าหากปราศจากการแสดงอันยอดเยี่ยมของเจ้าสองตัวนี้



สิ่งหนึ่งที่ White God สื่อออกมาได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นเรื่อง ก็คือการประณามการทารุณสัตว์ และสะท้อนถึงความโหดร้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เบียดเบียนผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ของตนอย่างไม่มีขีดจำกัด


แต่ในอีกด้านหนึ่ง สุนัขและสัตว์เหล่านี้ก็เปรียบเสมือนกระจกสะท้อน 'ชนชั้นล่าง' ของสังคม ที่ถูกกระทำอย่างทารุณ ปรนนิบัติเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน ผ่านประสบการณ์อันแสนเลวร้ายจนต้องลุกขึ้นมาสู้ในท้ายที่สุด ซึ่งในภาพยนตร์ที่ทรงพลังอย่าง White God ก็ได้เปลี่ยนความคิดเรื่องการแก้แค้น ให้มาเป็นความชอบธรรมในสายตาผู้ชมอย่างปฏิเสธไม่ได้ 


สุดท้ายแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คือทุกชีวิต ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกชนชาติ และทุกชนชั้น ต่างก็มีหัวจิตหัวใจไม่ต่างกัน การกดขี่ข่มเหงหรือรังแกผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่ไร้ทางสู้ เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้อย่างเด็ดขาด




Final Score : [ 9 / 10 ]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น