วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

The Last Witch Hunter (2015) Review


The Last Witch Hunter (2015) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz


"พี่วินก็เอาไม่อยู่"


  ถือได้ว่ากลายเป็นดาราแอ็คชั่นระดับยักษ์ใหญ่ งานเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อนแล้วจริงๆสำหรับพี่ วิน ดีเซล ที่เชื่อว่าหลายคนคงจะจำเขาได้จากบทบาทใน Pitch Black หรือแฟรนไชส์ The Fast and the Furious


ซึ่งด้วยความโด่งดังนี้เอง ทำให้เขาจึงต้องถูกดึงตัวไปในภาพยนตร์ใหม่ๆ The Last Witch Hunter ก็เป็นหนึ่งในความพยายาม ที่จะใช้พลังของ วิน ดีเซล ในการดึงกระแส และสร้างความโดดเด่นให้กับภาพยนตร์


The Last Witch Hunter ว่าด้วยเรื่องราวของนักล่าแม่มดฝีมือเก่งกาจคนหนึ่งที่พบว่าเขากำลังเผชิญกับภัยอันตรายครั้งใหม่ ที่น่ากลัวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ



ต้องพูดเลย ว่า วิน ดีเซล ผู้รับบทเป็น คาลเดอร์ นักล่าแม่มดอันเก่งกาจ เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมและน่าจดจำที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขายังคงเป็นนักแสดงที่บู้ได้อย่างเมามันส์ แต่ก็เสริมเรื่องราวตัวละครในบทที่ตนเล่นได้ดี ยังคงเป็นนักแสดงที่เรารู้สึกถูกชะตาได้อย่างรวดเร็วทั้งๆที่เขาไม่ได้รับบท ริดดิค หรือ ดอม อีกต่อไปแล้ว

พูดตรงๆคือเขาเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ The Last Witch Hunter อยู่ในจุดที่พอจะหาความบันเทิงได้บ้าง ท่ามกลางองค์ประกอบอันแสนย่ำแย่ส่วนอื่นๆ ตั้งแต่บทภาพยนตร์ที่แสนซ้ำซาก  หาความโดดเด่นได้ยากเย็นเหลือเกิน และในความซ้ำซากก็ยังจะทำออกมาได้จืดชืดซะอีก


ในด้านของตัวละครนอกจากตัวเอก โดยรวมๆก็ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไรนัก เช่น ตัวละคร โคลอี้ ที่รับบทโดย โรส เลสลี่ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาให้มีความสัมพันธ์เชิงคนรักกับ คาลเดอร์ ความสัมพันธ์นี้ก็ถูกยัดเยียดเข้ามามากเกินจนเราไม่รู้สึกเชื่อเท่าไรนัก แต่กลับรู้สึกว่าไอ้สองคนนี้มันไปชอบกันตอนไหนเสียมากกว่า ที่ดูน่าสับสนที่สุดก็คงจะเป็นตัวละครของ เอไลจาห์ วูด ไม่แน่ใจว่ามีมาเพื่ออะไร เป็นตัวละครที่มีตัวตนอยู่ด้วยเหตุผลอันเบาหวิวอย่างมาก




แต่ ตัวละครที่ไม่น่าอภัยที่สุดใน The Last Witch Hunter เลย ก็คือตัวแม่มดสุดร้ายกาจ ที่ตัวภาพยนตร์อวยนักอวยหน้า ว่าเก่ง ว่าเทพ จะนำความวิบัติมากมายมาสู่โลก แต่เอาเข้าจริงกลับเป็นได้แค่อีกหนึ่งตัวละครดาษๆที่ทำอะไรแทบไม่ได้นอกจากพล่าม กลายเป็นว่าตัวละครอีกตัวอย่าง บีไลห์ ที่รับบทโดย โอลาฟูร์ ดาร์รี โอลาฟสัน ยังมีความน่าสนใจ และดูจะร้ายกาจเสียยิ่งกว่าอีก


ซึ่งเหตุผลที่ตัวภาพยนตร์ประสบปัญหาอย่างที่เป็นนี้ หลายๆสาเหตุก็คงจะหนีไม่พ้นปัญหาที่มาจากในด้านของการกำกับเอง  เบรก ไอส์เนอร์ ดูจะเป็นผู้กำกับที่มีวิสัยทัศน์และมุมมองที่ไม่เหมาะกับงานที่ต้องอาศัยความสร้างสรรค์อย่างมากเช่น The Last Witch Hunter เสียเลย แทบจะทุกสรรพสิ่งในภาพยนตร์ต่างถูกกำกับออกมาอย่างจืดชืด ไร้ซึ่งสัญญาณชีวิต ตั้งแต่การเล่าเรื่องที่น่าเบื่อ การกำกับฉากแอ็คชั่นที่ตัดต่อรวดเร็วเกินไปดูอะไรแทบจะไม่รู้เรื่อง แถมยังออกแบบฉากต่อสู้ได้แห้งแล้ง ปราศจากซึ่งความอลังการหรือความน่าจดจำ โดยเฉพาะฉากไคลแม็กซ์สุดท้ายของเรื่องที่ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งดูกำแพง ช่างแบนราบ แข็งกระด้าง และน่าเบื่อเสียนี้กระไร



สุดท้ายแล้ว The Last Witch Hunter ก็เป็นได้แค่อีกหนึ่งภาพยนตร์ดาษๆที่หาความน่าจดจำหรืออะไรที่เป็นเนื้อหาสาระแทบจะไม่ได้เลย ต้องยกนิ้วให้ วิน ดีเซล ที่ดูจะพยายามอย่างมากในการดึงภาพยนตร์ขึ้นมาหุบเหวมรณะ แต่ในเมื่อผู้กำกับล้มเหลวแทบจะสิ้นเชิงในการสร้างสรรค์ผลงานให้ออกมาน่าสนใจ มีพลัง หรือสร้างความแตกต่างจากภาพยนตร์แนวเดียวกันเรื่องอื่นๆ บทสรุปที่ออกมาก็คงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากความหายนะ 


Final Score: 4.5 / 10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น