วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

The VVitch ( 2559 ) Movie Review

สำหรับผู้ชมภาพยนตร์และใครหลายคนในปัจจุบัน คำว่า 'แม่มด' ดูจะกลายเป็นสิ่งที่เริ่มปราศจากความน่ากลัวเข้าไปทุกทีๆ จากการตีความที่แตกต่างของภาพยนตร์กระแสหลักทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Harry Potter หรือ The Last Witch Hunter และภาพยนตร์เรื่องอื่นๆมากมาย จนเรียกได้ว่า เราแทบจะหาภาพยนตร์ที่นำเสนอภาพลักษณ์ของคำๆนี้ ในรูปแบบที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงหรือเรื่องที่เล่าต่อๆกันมาได้ยากเหลือเกิน..... จนมาถึงตอนนี้

The VVitch ว่าด้วยเรื่องราวของครอบครัวธรรมดาซึ่งต้องถูกทดสอบศรัทธาในตัวพวกเขา เมื่อพวกเขาประสบพบเจอกับความชั่วร้ายบางสิ่งบางอย่าง ที่ค่อยๆคลืบคลานมาจากความมืดมิด

ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าความพยายามในการสร้างองค์ประกอบต่างๆให้ความรู้สึกเป็น Folktale (นิทานพื้นบ้าน) หรือเป็นเรื่องเล่าต่อๆกันมาจากรุ่นสู่รุ่นของ The VVitch กลายเป็นจุดหนึ่ง ที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปรียบภาพยนตร์สยองขวัญอื่นๆ เนื่องจากธรรมชาติของความเป็นเรื่องเล่านิทานพื้นบ้าน ที่ให้ความรู้สึกใกล้ตัว และจับต้องได้ง่ายกว่าเรื่องที่ถูกสร้างขึ้นมาเอง คล้ายคลึงกับตอนสมัยเข้าค่ายลูกเสือบ้านเรา ที่จะต้องหนีไม่พ้นการเล่าเรื่องผีข้างกองไฟท่ามกลางความมืดมิดจนทำให้เราหลับตาไม่ได้ทั้งคืน

นอกจากนั้นยังนำเสนอภาพลักษณ์ของแม่มดในรูปแบบที่ค่อนข้างสดใหม่ และแตกต่างจากแม่มดที่เราเคยๆเห็นในภาพยนตร์กระแสหลักทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นในด้านของความลึกลับหรือความน่ากลัว
แต่จุดที่ต้องขอชมผู้กำกับโรเบิร์ต เอ็กเกอร์สและทีมสร้างภาพยนตร์ทั้งหมดเลยจริงๆ ก็คือความรู้สึกสยดสยอง น่ากลัว และบรรยากาศอันแสนไม่น่าไว้วางใจนี้นั้น ไม่ได้มาจากมุขตุ้งแช่ หรือมุขผีหลอกชัดเจน แบบที่ภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องอื่นๆเขาทำกัน เอาเข้าจริงแล้ว The VVitch ถ้าตัดด้านบรรยากาศและเนื้อเรื่องแม่มดออกไป ตัวมันแทบจะกลายเป็นภาพยนตร์ เมโลดราม่าด้วยซ้ำไป

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คำถามที่น่าสนใจก็คือความรู้สึกของเราระหว่างชมที่รู้สึกหวาดกลัว รู้สึกไม่ปลอดภัยไปพร้อมๆกับตัวละครนี้ มาจากสิ่งใดกัน ถ้าหากไม่ใช่มุขผีทั้งหลาย ซึ่งคำตอบก็คือ บรรยากาศที่ภาพยนตร์สร้างขึ้นนั้นเอง โดยสิ่งๆนี้เกิดขึ้นมาจากองค์ประกอบหลายสิ่งหลายอย่างของภาพยนตร์มารวมตัวกัน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่นำเสนอภาพความขัดแย้งภายในจิตใจตัวละคร ความขัดแย้งระหว่างตัวละคร ที่ค่อยๆเสื่อมถอยและพังทลายลงทีละเล็กละน้อย เพลงประกอบอันแสนโหยหวน สยดสยอง ไปจนถึงการวางภาพ และใช้มุมกล้อง ซึ่งผนวกเข้ากับโปรดักชั่นที่พื้นๆ ให้ความรู้สึกเก่าแก่สมกับเป็น Folktale องค์ประกอบทั้งหลายเหล่านี้ ผสมผสานกันออกมาเป็นบรรยากาศอันไม่น่าไว้วางใจ อึมครึม เสมือนมีอะไรบางอย่างที่เราไม่สามารถอธิบาย หรือมองเห็นได้ ค่อยๆคืบคลานเข้ามาในรูปแบบที่เราไม่สามารถทำอะไรได้
เมื่อองค์ประกอบทั้งหลายเหล่านี้ต่างถูกสร้างออกมาเพื่อเป้าหมายเดียวกัน ซึ่งก็คือการสร้างบรรยากาศ ความรู้สึกแบบนิทานพื้นบ้าน เป็นเหตุทำให้เมื่อสิ่งเหล่านี้มาประกอบรวมกัน กลายเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่โดดเด่นและเห็นความเป็นเอกภาพอย่างชัดเจน

ศรัทธา อาจเรียกได้ว่าเป็นคำที่ใกล้เคียงกับมนุษยชาติมากที่สุดคำหนึ่ง ในด้านหนึ่งแล้ว คำๆนี้เปรียบเสมือนแสงไฟที่ส่องสว่างทางที่มืดมิดน่ากลัวให้เรา กลายเป็นความหวังท่ามกลางสถานการณ์ที่ดูสิ้นหวังมากที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน คำๆนี้ก็อาจเป็นสิ่งที่บดบังตาเรามืดบอด มองไม่เห็นสภาพความเป็นจริงที่อยู่เบื้องหน้า ที่น่าตลกไปยิ่งกว่านั้น คือความที่เราสามารถที่จะสั่นคลอนและสามารถจมดิ่งไปสู่ความสิ้นหวังได้ง่ายเสียยิ่งกว่าการต้านความมืดมิดที่ดูไม่สิ้นสุดนี้เสียอีก
-- ภาพรวม --
- ถ่ายทอดตำนานหรือเรื่องเล่าพื้นบ้านได้ดี ให้ความรู้สึกจับต้องได้ ใกล้ตัวกว่าภาพยนตร์สยองขวัญปกติ
- สร้างภาพลักษณ์ของแม่มดที่แท้จริง แตกต่างจากแม่มดเรื่องอื่นๆที่เคยดู
- ไม่มีมุกตุ้งแช่หรือมุกผีหลอกให้เห็น แต่ความน่ากลัวมาจากบรรยากาศอันไม่น่าไว้วางใจ อึมครึม น่ากลัว
+ บรรยากาศนี้สร้างขึ้นมาด้วย ความขัดแย้งในแต่ละตัวละคร และระหว่างตัวละคร ความศรัทธาของตัวละครที่ค่อยๆเสื่อมถอยและพังทลายลงไปทีละเล็กละน้อย
+ เพลงประกอบอันโหยหวน สยดสยอง
+ การวางภาพ มุมกล้อง ผนวกเข้ากับโปรดักชั่นที่พื้นๆไม่เยอะจนเกินไป ผสมผสานกันออกมาเป็นความรู้สึกที่เข้ากับตำนานหรือเรื่องเล่าแบบ Folklore
Final Score : [ 9 / 10 ]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น