วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

The Host ( 2013 ) Movie Review

Movie Review
"เลือกที่จะเชื่อ   เลือกที่จะสู้  เลือกที่จะสิง !?"




Movie Name : The Host ( 2013 ) , Romance / Adventure 
Director : Andrew Niccol ( In Time )
Stars : Saoirse Ronan ( Hanna , The Lovely Bones ) , Diane Kruger ( Troy , Unknow )
William Hurt ( The Incredible Hulk , Vantage Point ) , Max Irons ( Dorian Gray ) , Jake Abel ( I Am Number Four , Percy Jackson And The Lightning Thief ) 
Rating : PG-13






REVIEW THAI



                                                                         The Host เป็นภาพยนตร์แนวรักโรแมนติกเทือกๆนั้นอีกเรื่องจากฝีมือของ Stephenie Meyer  จากภาพยนตร์ Twilight Saga ที่เพิ่งจะจบไปหมาดๆนี้เอง ซึ่งก็ไม่รู้เพราะสาเหตุบ้าบออะไร หนังแนวนี้มักจะเฟลเสมอๆ อย่างล่าสุด Beautiful Creatures ที่มีบทที่เรียกได้ว่าน่าสนใจมากๆ แต่กลับทำออกมาล้มเหลว..... ยิ่งรวมกับการแอนตี้หนังแนว Twilight ของหลายๆคน ยิ่งแล้วใหญ่ 



The Host ได้ตัวผู้กำกับอย่าง Andrew Niccol มาเป็นผู้กำกับ ซึ่งหลายๆคนอาจจะจำเขาได้จาก In Time ซึ่งจริงๆแล้วภาพยนตร์เรื่อง In Time ก็ไม่ได้แย่อะไรมากมายนัก แต่ด้านบทค่อนข้างจะไม่ดีนักซักเท่าไร ก็ต้องมาคอยดูกันว่าเรื่อง The Host จะเป็นอย่างไร



The Host นั้นว่าด้วยเรื่องราวของโลกที่ถูกครอบครองโดยมะนาวเอ้ย มนุษย์ต่างดาว และมนุษย์แทบจะทุกคนบนโลกได้ถูกสิ่งที่เรียกว่า " Soul " เข้าไปสิงสู่ในร่างแทน ทีนี้ก็ถึงคิวนางเอกของเรา โดนบ้าง แต่เธอกลับไม่ยอมที่จะตกเป็นทาสของ Soul เธอต่อสู้ เพื่อที่จะกลับไปหาคนที่เธอรักอีกครั้ง



ต้องขอเริ่มจากข้อดีก่อน จุดเด่นของ The Host เลยก็คือ เรื่องราวที่มันช่างน่าสนใจเหลือเกิน เรื่องราว การต่อสู้ระหว่าง ตัว Soul ของนางเอก และตัวเธอเอง แถมยังมีอุปสรรคความรักเข้ามายุ่งเกี่ยวอีก แต่สิ่งที่ผมชอบที่สุดในภาพยนตร์เลยก็คือ การออกแบบที่กบดานของกลุ่มต่อต้าน และ คาแรคเตอร์ของพวกเขา มันช่างดูมีชีวิตสุดๆ ทั้งยังมีเรื่องปมที่ว่าควรจะไว้ใจ นางเอกที่โดน Soul สิงไปแล้วด้วยหรือไม่ ทั้งความคิดที่แตกต่างและแตกแยก กันมันช่างทำให้สถานที่และคนเหล่านี้ช่างน่าสนใจที่จะติดตาม


นอกจากนั้นการแสดงของนักแสดงแต่ละคนในเรื่อง เรียกได้ว่าทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ไม่ใช่มาแบบหน้าชาแบบนางเอกพระเอก Twilight แน่นอน อย่างนางเอก Saoirse เรียกได้ว่า เล่นได้น่าสนใจมากๆ รวมไปถึง William Hurt ที่จะว่าไปก็ไม่ค่อยจะแปลกล่ะมั้งเพราะลุงแกเคยได้ Oscar มาครั้งนึงแล้ว แต่เพราะ William Hurt เนี้ยแหละ ทำให้ตัวหนังมันดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีก นอกจากนั้นยังมี Jake Abel ที่เห็นมาหลายเรื่องเหลือเกิน สำหรับผม อย่างเช่น I Am Number Four (ภาคต่อของตู !!!) หรือ Percy Jackson And The Lightning Thief ซึ่งในปีนี้ Percy ภาคใหม่ก็กำลังจะเข้าฉายอีกด้วย



แต่ช่างน่าเสียดายเพราะ มันมีก้อนเหล็กอันใหญ่ๆมว๊าก ถ่วง The Host ไว้ซะก่อน นั้นก็คือ การปูบท และ ฐานของบท ที่แทบจะเป็น 0 มาถึงตัวหนังก็ดันพูดถึงโลกที่ถูกยึดซะแล้ว แทบจะไม่มีการพูดถึง ว่าทำไมเราถึงสูญเสียมันเลยแม้แต่น้อย มันทำให้เรานั่งเกาหัวแล้วพูดว่า "เอ่อ....ห่ะ !? " ตัวหนังนั้น Rush หรือ เร่งมากจนเกินไป จนแทบจะไม่ได้ปูอะไรไว้ก่อนเลย นอกจากนั้น ตัวละครต่างๆก็ถูกเล่าแบบรวดเร็วมากจนเกินไป เพื่อจะเร่งไปสู่จุดที่เอ่อ....พวกเขา จุ๊บุ๊กัน มันทำให้เราไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมมากซักเท่าไร และจุดที่ผมว่าเป็นสิ่งที่จะว่าดีหรือไม่ดีก็ไม่ทราบนั้นก็คือ การที่ตัวหนังมันดูเป็น TV-Series มากเหลือเกิน ผมแทบจะจินตนการได้เลยว่าถ้าหาก The Host ไปทำเป็น TV-Series มันจะเป็น TV-Series รัก ผจญภัย ที่เรียกได้ว่าน่าสนใจโคตรๆ เพราะ มันมี Potential หรือ โอกาสที่จะแตกกิ่งออกไปได้เป็น พันๆทาง หรือ มากกว่าด้วยซ้ำไป เพราะ ลองคิดดู ตัวหนังนั้นพูดว่าโลกนั้นถูกยึดหมดแล้ว แต่ก็ยังมีกลุ่มที่ต่อต้านอยู่ ซึ่งมันแทบจะไม่ได้แตกต่างอะไรกับ The Walking Dead TV-Series เลย แค่เปลี่ยนจาก ซอมบี้มาเป็นกลุ่มเอเลี่ยนก็แค่นั้นเอง ซึ่งในจุดนี้อาจจะเป็นจุดที่ดีที่สุด และ แย่ที่สุดก็เป็นได้เลยในหนัง เพราะ มันทำให้ตัวหนังดูมีชีวิตมากขึ้นหลายเท่า แต่ คุณต้องไม่ลืมว่า นี้มันคือ "ภาพยนตร์" ไม่ใช่ TV- Series การมาทำ TV-Series ในภาพยนตร์เป็นเรื่องที่ผิดมหันต์มาก ไม่ว่าจะเป็นการ Voice Over หรือ การเล่าเรื่อง มันช่างแทบจะเป็น TV-Series ซะ 60-70% 


อีกปัญหานึงเลยก็คือ ตัวหนังเหมือนจะอธิบายได้ไม่ค่อยดีพอในหลายๆเรื่อง เช่นความคิดต่างๆของเหล่าเอเลี่ยน ในบางจุดตัวหนังเหมือนจะบอกอย่าง แต่บางทีก็บอกอีกอย่าง ก็เลยพางงว่า อืม สรุปยังไง จุดเสียอีกเรื่องเลยก็คือ ถ้าหากคุณเป็นพวกประเภทบ้าหนัง Action และ ทนอะไรอืดๆไม่ได้ คุณจะเบื่อสุดๆ บอกไว้เลยว่าทั้งเรื่องนั้นมีฉาก Action เพียงกระติ๋วเดียวเท่านั้นเอง (แต่ใน IMDB ดันใส่ว่าเป็นหนังแนว Action / Adventure / Romance ) แต่นั้นแหละมันทำให้ตัวหนังโฟกัสไปที่ความมีชีวิตชีวา ของตัวละครมากกว่าปกติ และสำหรับตัวผม ผมค่อนข้างชอบมากกว่า ยิงๆกันแน่นอน



The Host เป็นภาพยนตร์แนวรัก โรแมนติก อีกเรื่องที่ผสมความเป็น Adventure เข้าไปด้วยหน่อยๆ ด้วยความมีชีวิตชีวาของตัวละคร และ ตัวภาพยนตร์ ความที่ตัวหนังมันช่างน่าติดตามอย่างอธิบายไม่ได้ และการแสดงที่ค่อนข้างอยู่ในระดับที่ดี ทำให้ The Host เป็นภาพยนตร์ที่ไม่เลวเลยที่จะลองเสี่ยงไปชมสักครั้ง แต่ปัญหาที่ตัวหนังแทบจะไม่มีฐานรองรับใดๆเลย การปูเรื่องราวที่กระติ๊ดเดียวจริงๆ และการที่ตัวหนังเป็น TV-Series ซะมากกว่าภาพยนตร์ อาจจะทำให้คุณจะต้องคิดให้ดีซักหน่อย และหวังว่าเราอาจจะได้ชม The Host ฉบับ TV-Series ในภายหน้า



The Best Quote from  " The Host " 

" Our world has never been this peace , except it's not ours "




จุดที่ทำได้ดี :
- ตัวละครที่มีชีวิตชีวาและน่าสนใจสุดๆ
- เรื่องราวของกลุ่มผู้ต่อต้าน และ The Seeker ที่ช่างน่าสนใจ และ มีชีวิต
- การแสดงที่จัดอยู่ในระดับดี
- มี Potential มากมายแตกแขนกได้เป็น พันๆ เรื่องราวในภาพยนตร์
- มีฉากตลกพอให้สนุกอยู่ได้บ้าง


จุดที่ไปไม่รอด :
- ตัวภาพยนตร์ ดูเหมือน TV-Series มากกว่า ภาพยนตร์
- บทที่แทบไม่ได้ปูอะไรเลยให้คนดู 
- บางจุดที่ยังไม่เคลียร์ และ อธิบายได้ไม่ดีพอ
- ฉากเลิฟซีนที่เยอะจนน่ารำคาญอยู่บ้าง




Final Score : [ C+ ] 




Thank You To : The Host ( 2013 ) , IMDB for information 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น