Spectre ( 2015 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz
"ยานอนหลับชั้นดี"
เห็นได้ชัดเลย ว่าช่วงนี้ตลาดภาพยนตร์กำลังตื่นตัวกับกระแสภาพยนตร์สายลับมากทีเดียว โดยเฉพาะการนำมันมาพลิกกลับด้านกลายเป็นมุขตลกโปกฮาอย่างเช่นใน Spy หรือ Kingsman: The Secret Service ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาพยนตร์เหล่านี้ต่างก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์สายลับรหัสเลขสามตัว 007 หรือ James Bond
โดยเฉพาะหลังจากความสำเร็จของ Skyfall ในภาคที่แล้ว ซึ่งยอดเยี่ยมจนหลายต่อหลายคนถึงกับเอาไปวางบนหิ้ง ซึ่ง Spectre ก็เป็นภาคต่อที่พยายามจะสานต่อความสำเร็จนี้อีกครั้งหนึ่ง
แต่น่าเสียดาย เมื่อเทียบกับ Skyfall แล้ว Spectre แทบจะเปรียบเสมือนเด็กน้อยปั่นจักรยานข้างทางที่ดูจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรซักเท่าไรนัก กล่าวคือนี้เป็นภาคต่อของสายลับมาดเท่ห์ 007 ที่ปราศจากซึ่งความโดดเด่น ความน่าจดจำใดๆ ซ้ำร้ายยังเต็มไปด้วยความจืดชืด น่าเบื่อ ชวนง่วงหงาวหาวนอน
โดยเฉพาะหลังจากความสำเร็จของ Skyfall ในภาคที่แล้ว ซึ่งยอดเยี่ยมจนหลายต่อหลายคนถึงกับเอาไปวางบนหิ้ง ซึ่ง Spectre ก็เป็นภาคต่อที่พยายามจะสานต่อความสำเร็จนี้อีกครั้งหนึ่ง
แต่น่าเสียดาย เมื่อเทียบกับ Skyfall แล้ว Spectre แทบจะเปรียบเสมือนเด็กน้อยปั่นจักรยานข้างทางที่ดูจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรซักเท่าไรนัก กล่าวคือนี้เป็นภาคต่อของสายลับมาดเท่ห์ 007 ที่ปราศจากซึ่งความโดดเด่น ความน่าจดจำใดๆ ซ้ำร้ายยังเต็มไปด้วยความจืดชืด น่าเบื่อ ชวนง่วงหงาวหาวนอน
Spectre ว่าด้วยเรื่องราวต่อจาก Skyfall เจมส์ บอนด์ เดินตามรอยแห่งอดีตซึ่งทำให้เขาต้องพบกับศัตรูตัวร้ายคนใหม่ที่ร้ายกาจกว่าครั้งที่ผ่านๆมา
ที่ดูจะเลวร้ายที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นบทภาพยนตร์ ช่างน่าเบื่อ แทบไม่มีความเป็นเอกลักษณ์ใดๆของเจมส์ บอนด์อยู่เลย เต็มไปเรื่องราวซ้ำๆซากๆ ตั้งแต่ พระเอกต้องเผชิญกับองค์กรร้ายที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆ หัวหน้ากลุ่มที่มีความแค้นส่วนตัวกับพระเอก หรือ อดีตที่ตามมาหลอกหลอน ที่แย่คือสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่ซ้ำซาก แต่ยังขาดชั้นเชิงอย่างมาก ส่งผลทำให้เรื่องราวไม่มีความน่าจดจำใดๆเลย
แต่สาเหตุที่แท้จริง ซึ่งทำให้ Spectre กลายเป็นภาพยนตร์ที่แสนน่าผิดหวัง ก็คือตัวละครร้ายทั้งหลายของภาพยนตร์ โดยเฉพาะตัวละครของนักแสดงรางวัลออสการ์ คริสตอฟ วอลซ์ ที่ถูกวางมาให้เป็นคู่ปะทะที่สูสีและอาจจะเหนือกว่า เจมส์ บอนด์ ด้วยซ้ำไป ก่อให้เกิดเรื่องราวการปะทะอันแสนดุเดือด แต่สิ่งที่เราเห็นกลับมีเพียงตัวร้ายที่ทำอะไรแทบไม่ได้นอกจากพล่ามแล้วพล่ามอีก พอถึงเวลาจริงก็กระจอกงอกง่อย น่าผิดหวังไม่ต่างอะไรกับ อัลตรอน ใน Avengers: Age of Ultron จุดนี้ทำร้ายตัวภาพยนตร์อย่างมาก เนื่องจากทำให้เรื่องราวอันแสนอลังการที่ถูกสร้างมาทั้งเรื่อง ไร้ความหมายไปในทันที เสมือนสิ่งก่อสร้างอันแสนศักดิสิทธิ์นับร้อยชั้นที่พังครีนลงมาเหลือเพียงแต่ซากปรักหักพังไว้ให้ดูชมอย่างเจ็บปวดรวดร้าว
ในหลายส่วนก็ต้องตั้งคำถามถึงการกำกับของ แซม เมนเดส เช่นกัน ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เพราะการกำกับของเขาใน Spectre นั้นแทบจะเหมือนยานอนหลับ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องที่จืดชืด ไร้พลัง การวางตัวละคร ปูปมขัดแย้งในจุดต่างๆที่ขาดชั้นเชิง และฉากแอ็คชั่นที่กลายเป็นระเบิดภูเขาเผากระท่อมไม่มีความน่าสนใจใดๆเลย ต่างก็ได้ส่อถึงปัญหาอะไรบางอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากภาคที่แล้ว
มีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่ Spectre ยังคงทำได้ดี นั้นก็คือด้านโปรดักชั่นที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ถ่ายทำ ฉาก หรือการจัดแสงต่างๆที่น่าทึ่ง และฉากเปิดเรื่องที่คลอเพลง Writing's On the Wall ของ แซม สมิธ ไปด้วย ช่างไพเราะ งดงาม และดูจะอลังการ น่าจดจำเสียยิ่งกว่าตัวภาพยนตร์จริงๆทั้งเรื่องเสียอีก
จริงๆ Spectre มีความน่าสนใจ ความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นอีกหนึ่งภาคของ เจมส์ บอนด์ ที่ยอดเยี่ยมได้ เช่นการจับเรื่องราวระหว่างตัวละครเอก เจมส์ บอนด์ กับ สาวบอน์ด ซึ่งเป็นหนึ่งเอกลักษณ์ของภาพยนตร์ชุดนี้อย่างจริงจัง พูดถึงการสูญเสียคนรักมากมาย บาดแผลในใจของ บอนด์ ที่อาจจะทำให้เขาต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางสิ่ง เสมือนกับเพลง Writing's On the Wall
ถ้าหากมองข้ามความเป็นจริง ว่านี้คืออีกหนึ่งภาพยนตร์ของสายลับรหัส 007 Spectre ก็ดูจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่เลวร้ายซักเท่าไรนัก แต่ในเมื่อความเป็นจริงมันไม่ใช่เช่นนั้น และผลงานที่ออกมาตอนนี้เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของสิ่งที่มันควรจะเป็น ท้ายที่สุดแล้ว Spectre ก็เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากความผิดหวัง
Final Score : [ 6 / 10 ]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น