วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

House at the End of the Street ( 2012 ) Movie Review

Movie Review




Movie Name : House at the End of the Street ( 2012 ) Relativity Media , Horror / Thriller
Director : Mark Tonderai ( Hush )
Stars : Jennifer Lawrence ( The Hunger Games ) , Max Thieriot ( Jumper , Chloe ) , Elisabeth Shue ( Hollow Man , Back to the future part II , III ) 
Rating : R ( Sexual Theme , Violence , Horror Theme )





(REVIEW)
(THAI)



House at the End of the Street ต้องขอบอกตามตรงเลยว่าก่อนดูไม่เคยได้ดูตัวอย่างเต็มๆเลย อาจจะเคยแต่แบบแวบๆไม่ได้ตั้งใจดู เพราะเอาจริงๆเห็นคะแนนจากเว็ปนอก IMDB ก็แทบจะขยาดแล้ว ( 5.7 ) แต่เผอิญ ตอนนี้ไม่มีหนังอะไรดูจริงๆ เพราะที่เหลือก็ดูไปหมดแล้ว = =  ก็เลยต้องไปดูเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายอยู่แล้ว จากคะแนนที่เห็น



House at the End of the Street ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยไว้ในเรื่องนี้ คนที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีก็คงจะมีเพียง Jennifer Lawrence ที่เอาจริงๆคงเป็นเพียงแค่เหตุผลเดียวที่จะมีคนเสียเงินมาดูกันเพราะเธอคนนี้เพิ่งจะ Hot Hit มาจากภาพยนตร์ชื่อดัง The Hunger Games ที่ตอนนี้กำลังถ่ายทำภาค สองกันอยู่ และจะลงโรงปีหน้า 


โดยผู้กำกับนั้นได้ตัว Mark Tonderai มาเป็นผู้กำกับซึ่งบอกตามตรงไม่รู้ไปเอาใครมาจากไหน ไม่รู้จักแม้แต่น้อย ที่หนักกว่าคือใน IMDB ไม่มีแม้แต่รูปหน้าตาเขาด้วยซ้ำ !! ส่วนผลงานที่ผ่านมาก็ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีนักเลย ก็เลยไม่รู้ว่าสรุปประหยัดงบหรืออย่างไร



House at the End of the Street ก็ยังคงพล็อตเดิมๆซ้ำๆซากๆขายวนไปวนมาไม่รู้กี่พันล้านรอบเปลี่ยนชื่อตัวเอกหน่อย เปลี่ยนคนแสดงหน่อยก็ได้เรื่องใหม่แล้ว นั่นก็คือ ครอบครัวเล็กๆครอบครัวนึงที่มีแค่ แม่และลูกสาว ย้ายไปบ้านหลังหนึ่งที่บ้านที่อยู่ติดๆกันเพิ่งจะมีคดีฆาตกรรมกันไปหมาดๆ แล้วตัวละครก็ได้ประสบพบเจออะไรก็ว่ากันไป ไม่พูดก็คงจะนึกภาพกันออก


House at the End of the Street นั่นขอพูดถึงในด้านดีกันก่อน อย่างว่าๆส่วนตัวผมเข้าไปชมนี้ก็ไม่ได้หวังอะไรมากอยู่แล้ว เอาจริงๆตัวหนังก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมาย พอดูได้ เอาสนุกๆชั่ว วูปก็โอเคอยู่  แต่ถ้าหากดูเอาแบบต้อง "เลือก" ล่ะก็แนะนำให้ไปชมเรื่องอื่นดีกว่าครับ


คราวนี้ก็มาถึงเวลาโปรดของผม "สับ ให้ขาดเลย ฉับ ฉับ ฉับ" House at the End of the Street อย่างแรกเลยที่น่าเซ็งและสิ้นหวังที่สุดคือ "บท" ที่ไม่รู้มันจะก็อปกันไปอีกกี่ชาติ ไม่รู้ตกลง      ขี้เกียจ หรือ งบประมาณหมดไปกับการจ้าง Lawrence หรืออย่างไร ไม่ทราบ ก็เลยเอาเป็นว่า ไม่คิดใหม่ละกัน เอามันทั้งๆอย่างงั้นแหละ ยิ่งถ้าคุณดูหนังผีมาเยอะๆล่ะก็ และยิ่งแนวๆนี้ล่ะก็ คุณแทบจะชี้แต่ละฉากๆได้เลย เพราะตัวละครจะเดินตามสูตรเปะๆ แบบเป็นเด็กดีเหลือเกินไม่ออกนอกทางสักนิด (ออกบ้างเถอะนะ =  =) ไม่ว่าจะเป็น ผู้หญิงจะต้องนุ่มน้อยห่มน้อยเข้าไว้แล้วยังจะต้องมาเดินท่ามกลางความมืด , นางเอกที่สุดจะโง่จนไม่รู้จะโง่ยังไง , ตัวละครที่มีมาตอนแรกเอาพอดีๆไม่ต้องเยอะมากหรอกเปลือง แต่เอาเข้าจริงตูใช้อยู่ 2 ตัวนั้นแหละที่เหลือก็ปล่อยๆมันไปละกัน  นอกจากนั้นตัวบทเองก็ช่องโหว่เต็มไปหมด อธิบายไม่ชัดพอ ในบางจุดก็เหมือนกำลังจะพูดกับเราว่า "เอางี้นะ......... ลืมๆมันไปเถอะ" ซะอย่างนั้น บางจุดก็ปูเอาไว้ซะดิบดีแต่ก็กลับไม่เอามาใช้ยิ่งทำให้ซ้ำเติมบทของหนังว่าตกลงจะเอายังไงกันแน่หรือว่าจะเป็นการที่คิดไว้แล้วแต่หันมาดูอีกที อืมไม่เวิรค์แหะแต่ขี้เกียจลบอะเอาเป็นว่าช่างมันละกัน   แถมที่เจ็บแสบกว่านั้นคือ ยังจะมี "หน้า" มาจบแบบนี้อีก แหมหน้าด้านจังนะครับ ดูหนังหน้าตัวเองมั้งนะ



มาถึงในจุดฉากตกใจ ฉากลุ้นระทึกทั้งหลายแหล่กันบ้าง ในจุดนี้ก็ยังถือว่าไม่ได้แย่นัก ถึงแม้จะเดาได้มันทุกฉากก็ตาม แต่ไม่รู้ทำไมก็ตกใจมันเกือบจะทุกฉากอีก =  = ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่ยังไงก็ยังถือว่าสอบตกอยู่ดี การที่หนังผีแนวตกใจ แต่คนดูมันดันเดาได้หมดว่า จะโผล่มาตอนไหน ต่อไปจะเป็นยังไง แถมยังหน้าด้านใช้มุขเดิมๆจากเรื่องอื่นๆมาอีก เหอ... ต้องบอกว่า ไม่รู้จะขี้เกียจไปถึงไหน นี้ตกลงพี่ขายดาราอย่างเดียวอย่างอื่นเอาเป็นว่าใช้เงินน้อยที่สุดละกันใช่ไหมครับ 



มาถึงเรื่องนักแสดงกันบ้างเอาเป็นว่าข้าม Jennifer Lawrence กันไปเลย เหตุผลหรอ ก็เพราะคุณเสียเงิน ร้อยกว่าบาทมาดูเธอคนนี้นุ่งน้อยห่มน้อยไม่ใช่หรอ โอเค จบนะ โอเค นักแสดงที่เหลือของเรื่องนี้ บอกตามตรง แทบไม่รู้จัก ตกลงเอาใครมาเล่น แถมบางคนก็เล่นไม่ค่อยจะเหมาะกับบทเอาซะเลย บางคนมานั่งไล่ดูรายชื่อนั่ง งง "หาแกเล่นเรื่องนี้ด้วยหรอ ?" ไม่รู้ไปอยู่ซอกหลืบไหนมาไม่ทราบได้ ตัวร้ายแสดงบางจุดได้โอเค แต่ฉากที่จะต้องเลวไปเลย ก็ยังเล่นไม่ถึงอารมณ์เลย ยังเหมือนสลัดบทช่วงแรกออกไปไม่ได้ ที่หนักกว่าคือ ตัวละครบางตัวใส่เข้ามาเพื่อ ไม่ถึง 5 นาทีแล้วก็ไร้ประโยชน์ไปเลยทั้งเรื่อง โหะ.......


พูดถึงความขี้เกียจกันแล้วต้องมาสับกันต่อ การถ่ายทำบาง Shot เห็นได้ชัดเลยว่าอย่างขี้เกียจโดยการใช้ Long Shot บ้าง ตัดไปตัดมาแบบสุดแสนจะธรรมดาไม่รู้จะธรรมดาไปไหนบ้าง จนไม่รู้ว่าตกลงแม้แต่การถ่ายทำ จะครีเอทีฟบ้างไม่ได้หรอ โดยเฉพาะบาง Shot ที่ไม่เข้าใจจริงๆว่าจะทำแบบนั้นทำไม นั่งมองแล้วแบบ โอ้........เอาเข้าไป ขี้เกียจเข้าไป 



ส่วนฉากจบถ้าท่านใดคิดว่ามันจะแหวกสุดริดไปเลย ก็อย่างว่าอะครับผมขอใช้คำเดิมที่ใช้มาไม่รู้กี่หนแล้วในรีวิวนี้ "ขี้เกียจ" อีกเช่นเคย หากคุณเป็นคนที่ดูหนังผีแนวนี้บ่อยๆ ผมมั่นใจเลยว่าคุณจะเดาตอนจบได้ตั้งแต่ครึ่งเรื่อง  แถมตอนจบสุดแสนจะธรรมดา คือก็เข้าใจอะนะพยายามทำให้แหวกแล้ว แต่คนอื่นเขาแหวกกันไปเป็นล้านรอบจนมันไม่เรียกว่าแหวกแล้วอะ จริงๆคนเขียนบทก็น่าจะรู้ดี แต่คงขี้เกียจจะเขียนละเปลืองหมึก เอาเป็นว่าแบบนี้ละกันนะ รีบๆถ่ายๆ แล้วก็ส่งๆมันเข้าไปในโรงหนังเด๋วก็มีคนดูเองแหละ 



House at the End of the Street เป็นภาพยนตร์ที่เป็นส่วนผสมกันระหว่าง พลังดารา และความขี้เกียจ เข้าด้วยกัน ด้วยการที่เอาพลังดาราคนๆเดียวเพียวๆเลยขายซึ่งเอาจริงๆก็คงขายไม่ได้เยอะอะไรขนาดนั้น ยิ่งมาผนวกกับทุกๆอย่างที่ดูจะไม่อยากจะทำอะไรเลย Copy/Paste เอาอย่างเดียว ทำให้ House at the End of the Street เป็นภาพยนตร์ที่ไม่แตกต่างอะไรจาก 
หนังขยะที่มีกันเกลื่อนกลาดตลาดทั่วไปที่ควรๆจะเอาไปเททิ้งถังขยะพร้อมกับจุดไฟเผาซะ



The Selected Quote from " House At The End Of The Street " "  -  " 


Final Score : [ D + ]  + [ LAZY AS HELL BADGE ] 





(ENGLISH)


The Good :
- Bit of fun to watch


The Bad :
- Lazy copycat story
- Lazy copycat screenplay that we already saw it over milion times
- Sell Only One Star and other star what ? who are they ?
- Predictable Ending
- So Boring



Suggestion : Another garbage horror movie that copy the exactly same plot as the others bad horror movies just avoid this movie save your money.




Final Score : [ D+ ] + [ LAZY AS HELL BADGE ]






Thankyou to : House at the End of the Street ( 2012 ) , Relativity Media , IMDB for information

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น