Movie Review
แดนโคตรโหดของคนโคตรเถื่อน และโคตรบ้า !?
Movie Name : Django Unchained ( 2012 ) , Columbia Pictures (Sony Entertainment) , Adventure / Drama / Western
Director : Quentin Tarantino ( Kill Bill 1-3 , Pulp Fiction , Machete , Inglourious Basterds ) Also Write the screenplay
Stars : Jamie Foxx ( Miami Vice ) , Christoph Waltz ( Green Hornet , Inglourious Basterds , Three Musketeers ) , Leonardo DiCaprio ( Inception , Titanic ) , Samuel L. Jackson ( The Avengers )
Rating : R ( Lots of Violence , Nudity , Sexual Theme )
REVIEW THAI
Django Unchained เป็นภาพยนตร์ที่ต้องขอเริ่มด้วยจากผู้กำกับก่อนเลย นั้นก็คือ Quentin Tarantino ที่เรียกได้ว่าเขาคนนี้นั้นแทบจะเป็นปรามาจารย์แห่งภาพยนตร์อีกคนเลยก็ว่าได้ จากภาพยนตร์ที่ผ่านๆมาของเขาไม่ว่าจะเป็น Pulp Fiction , Kill Bill ตามล่าฆ่าอดีตผัว V.1-3 , Machete ฆ่าให้หมด (ซึ่งกำลังจะมีภาค 2 ) รวมไปถึงถลกหนังหัวนาซีอย่าง Inglourious Basterds ซึ่งเรียกได้ว่าภาพยนตร์ที่ผ่านๆมาของเขามักจะมีคุณภาพที่อยู่ในระดับสูงมาก เอาง่ายๆก็คือคะแนนใน IMDB มักจะเกิน 8 เสมอๆ ซึ่งหายากมากสำหรับผู้กำกับเพียงคนเดียวที่จะมีหนังคะแนนแทบจะทุกเรื่องเกิน 8 รวมไปถึง หนังทุกเรื่องที่เขากำกับ เขาจะเป็นคนเขียนบทด้วยตัวเองเสมอๆ รวมถึงเรื่อง Django Unchained นี้เช่นกัน
หลายๆคนอาจจะงงอีกว่าทำไมมันปี 2012 ล่ะ ผมเขียนผิดรึเปล่าแต่ไม่ใช่หรอกครับ บังเอิญเมืองไทยเข้าช้านิดนึง เพราะ ฉะนั้น ในส่วนนี้ขอพูดถึงรางวัลที่ Django Unchained ได้กวาดมา ที่ใหญ่ๆเลยก็คือ Oscar 2 รางวัล นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม Christoph Waltz และ บทยอดเยี่ยมสำหรับ Quentin นั้นเอง
ต้องขอบอกตรงนี้ไว้ก่อนเลยสำหรับเพื่อนๆที่ยังไม่ทราบว่า หนัง Quentin ทุกเรื่องนั้นมักจะมีความรุนแรงในระดับที่ค่อนข้างจะมาก และ มีเนื้อหาออกจะรุนแรงนิดนึง รวมถึง Django Unchained เช่นกัน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่เหมาะที่จะพาลูกๆหลานๆ ไปชมซักเท่าไรครับ
Django Unchained เป็นภาพยนตร์ที่หลังจากผมชมจบแล้ว มันแทบจะกลายเป็นหนังอันดับหนึ่งในใจของผมเลยทีเดียว ไม่ได้โม้จริงๆ อย่างแรกที่ผมขอพูดถึงเลยนั่นก็คือ นักแสดง ที่โอ้วบร๊ะเจ้า Christoph Waltz สมกับการได้รางวัล Oscar จริงๆ เขานั้นทำให้หนังน่าสนใจขึ้นมาแสนล้านเท่าได้ ด้วยมุขตลก คาแรคเตอร์ ทริคต่างๆ และคำพูดต่างๆ รวมถึง การแสดงที่เรียกได้ว่าน่าสนใจสุดๆ จริงๆนั้นผมเคยดูหนังที่ Christoph เล่นมาบ้างแล้ว เช่น Green Hornet (ที่ห่วยสุดๆสำหรับตัวหนัง) The Three Musketeers และ Inglourious Basterds เอาจริงๆแล้วก็พอจะทราบอยู่ว่าเป็นนักแสดงที่น่าติดตามคนหนึ่ง แต่พอหลังจากผมชม Django Unchained จบ ผมยกให้เขาตอนนี้เป็นนักแสดงอันดับ 1 ในใจผมเลยทีเดียว ด้วยการแสดงที่สุดยอด จนผมขอพูดเลยว่า "ได้โปรดมาเอาใจผมไปเลย !" และ ฉากไหนที่ไม่มีเขาในเรื่อง มันทำให้ตัวหนังแทบจะดร๊อปลงเลยทันทีเลยทีเดียว รวมถึงในหลายๆฉากที่เขาแทบจะบดบัง Jamie Foxx แทบจะมิดเลยทีเดียว คนต่อมาก็คือ Leonardo DiCaprio ที่เอ่อ....ก็คงถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจไปแล้ว สำหรับการแสดงระดับเทพมาเกิด ไม่ว่าจะฉากต่างๆ เขาก็แสดงได้อย่างสุดยอดตลอดเวลา ฉากใส่อารมณ์ก็ถึงกับทำให้ผมแทบจะตะลึงเลยทีเดียว ถึงแม้บางฉากจะธรรมดาไปนิดสส์นึง แต่ฉากที่สำคัญๆและส่วนใหญ่ เรียกได้ว่า ทำได้โคตรสุดยอด แต่ถึงจุดนี้ จาก Inception , Titanic ผมคงไม่แปลกใจเท่าไรแล้วสำหรับการแสดงระดับนี้จาก DiCaprio
มาพูดถึงเรื่องบทกันดีกว่า อย่างที่ชื่อเรื่องบอก Django Unchained ก็คงจะเป็นเรื่องรางของ Django ตัวเอกของเราเป็นแน่แท้ ซึ่งบทนั้นเรียกได้ว่าไม่ผิดหวังและไม่แปลกใจเลยสำหรับ Quentin ที่ยังคงเขียนออกมาได้สุดยอด ใส่ใจในรายละเอียดแม้จะเล็กๆน้อยๆ ก็ตาม รวมไปถึงการที่จะเสียดสีสังคมรวมถึงวิพากษ์วิจารณ์สังคมสุดๆ อีกก็เช่นกัน แต่ที่ต้องขอชมจริงๆใน Django Unchained นั้นคือ Dialog ที่สุดยอด ถ้าหากเอาแต่เพียงบทเพียวๆมาอย่างเดียว หนังที่ยาวเกือบจะ 3 ชม. นี้นั้นก็คงจะอืดชืดเป็นมาม่าค้างมาแสนล้านปีอีกเป็นแน่แท้ แต่เพราะ Dialog ที่เขียนมาได้อย่างดีเยี่ยม และ สนุกตลอดเวลา ทำให้คุณแทบจะไม่รู้สึกเบื่อเลย ทั้งๆที่หนังมันยาวเกือบจะ 3 ชม !!!!
มาถึงด้านการถ่ายทำที่อู้ยยยไม่พูดไม่ได้สำหรับหนังของ Quentin ที่ก็ยังคงความเป็นลายเซ็นอยู่เช่นเคย เรียกได้ว่าหนัง Django Unchained นี้มีลายเซ็นของ Quentin อยู่เต็มไปหมด เต็มจนมองไปทางไหนก็เจอแต่ลายเซ็น ซึ่งในจุดนี้ถ้าใครไม่เคยดูหนังของ Quentin มาก่อนอาจจะเสียเปรียบอยู่บ้างก็เป็นได้ ไม่ว่าจะเป็น ตัวอักษรต่างๆ เพลง Soundtrack ย้อนยุค บทที่วิพาษ์วิจารณ์ เสียดสีสังคม แต่ในเรื่องนี้ในด้านการถ่ายทำ มุมกล้อง สี และ โลเคชั่นต่างๆ ต้องขอชม Director of Photography จริงๆ เพราะมันช่างสวยงามเหลือเกิน ในหลายๆฉาก รวมไปถึงมุมกล้อง แสงต่างๆ สีต่างๆ ที่ชวนให้นึกถึงหนังสมัยเก่าๆ และเป็นการเคารพไปในตัวด้วย ซึ่ง DP คนนี้นั้นเป็นคนเดียวกับที่เคยกำกับภาพใน Inglorious Basteds รวมไปถึง Kill Bill 1-2 และ Shutter Island มาแล้วเช่นกัน
คาแรคเตอร์ของตัวละครก็เรียกได้ว่าเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำได้ดีมากๆในเรื่องนี้ แทบจะทุกตัวละคร มีคาแรกเตอร์เป็นของตัวเองอย่างมาก และหลายๆตัวละครก็ช่างน่าสนใจจนคุณแทบอยากจะนั่งดูตัวละครเหล่านี้คุยกันได้ทั้งวันโดยที่ไม่เบื่อเลย เป็นอีกจุดหนึ่งในหนังที่เรียกได้ว่า Quentin นั้นให้ความสำคัญค่อนข้างจะมาก และ มันก็ออกมาดีซะด้วย
จุดหนึ่งที่เรียกได้ว่าอาจจะพิเศษซักนิดนึง คือ ความสนุกของหนัง ที่หลายๆคนอาจจะกลัวว่ามันจะกลายเป็นหนังสุดอืด ดราม่าไป แต่ไม่ใช่เลย หากคุณหาหนังดวลปืนสไตล์ Western จัดไป หากคุณหาหนังที่บทเทพๆ จัดไป หากคุณหาหนังที่นักแสดงเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม จัดไป ถือเป็นอีกจุดเด่นจุดหนึ่งของหนังของ Quentin ที่มีคุณภาพแต่ไม่เคยที่จะไม่ลืมให้ความสำคัญกับการที่คนดูทุกๆคน(ที่ไม่ใช่เด็ก - -* ) จะสนุกกับมันได้ โดยที่คนที่ไม่ได้สนใจดีเทลมากนั้น แต่ความสนุกมาก่อน ก็พอใจได้ และ คนที่ดีเทลมาก่อน ความสนุกมาทีหลัง ก็ยิ่งพอใจสุดๆเข้าไปใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นหนังดูง่าย ดูสนุก แต่เต็มไปด้วยรายละเอียด
Django Unchained นั้นเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ยากเหลือเกินในการที่จะหาจุดจับผิดเจอ เพราะทุกอย่างมันดูเหมือนจะดูดีไปเสียหมด แต่.... มันก็คงยังเป็นภาพยนตร์อยู่ดี ไม่มีภาพยนตร์เรื่องใดที่ Perfect รวมถึง Django Unchained เช่นกัน
จุดที่ตัวหนังดูเหมือนจะไปไม่รอดอย่างแรกเลยคือ Jamie Foxx ที่อย่าเข้าใจผิดผมว่าเขาเล่นได้ดีมากๆแล้ว แต่ในหลายๆฉากการแสดงของเขานั้นไม่สามารถที่จะสู้กับคนอื่นได้เลย จนทำให้ถูกบดบังรัศมีเสียหมด ทำให้คนดูอย่างผมแทบจะหันไปสนใจตัวละครอื่นแทนเลยทีเดียว โดยเฉพาะตอนที่เขาอยู่กับ Christoph Waltz หรือ Leonardo DiCapiro นั้นแทบจะถูกบดบังจนมิดเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าเขาจะแสดงดีแล้ว แต่มันยังคงไม่เพียงพอ และ ในช่วงที่ไม่มี 2 คนที่กล่าวมาแล้วนั้น ตัวเขาการแสดงก็ดูเหมือนจะดร๊อปลงมาอีก ทำให้ตัวหนังถูกฉุดลงไปอยู่บ้าง
รวมไปถึงความ Make-Sense ของหนังที่ในบางจุดก็ไม่ค่อยจะ Make-Sense ซักเท่าไรนักแต่ในส่วนใหญ่ 80-90% ยังคงทำได้ดีอยู่
Django Unchained เป็นภาพยนตร์แห่งปี 2012 ที่เต็มไปด้วยการแสดงระดับเทพ การประชันบทบาท จากนักแสดงอย่างเช่น Christoph Waltz และ Leonardo DiCaprio และรวมไปถึงคนอื่นๆด้วย การให้ความสำคัญกับบทอย่างมาก และไม่ลืมที่จะใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ รวมไปถึงความสนุกของตัวหนังที่ยังคงไม่ถูกลืมแต่อย่างใดทั้งๆที่คุณภาพของหนังมันช่างล้นจอเหลือเกิน ตัวหนังก็ยังคงมีบางจุดที่ถูกฉุดลงบ้าง แต่นั้นเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีแรงใดๆเลย เมื่อเทียบกับคุณภาพของหนังทั้งหมด
The Best Quote from " Django Unchained "
" What's your name ? "
" Django. The D is silent. " - Django
"Normally, Monsieur Candie, I would say "Auf wiedersehen." But since what "auf wiedersehen" actually means is "'till I see you again", and since I never wish to see you again, to you sir, I say, goodbye. " - Dr.King
+ จุดที่ทำได้ดี :
+ บทที่เขียนออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
+ ใส่ใจแม้แต่ในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
+ การแสดงระดับสุดยอดจาก Christoph Waltz และ Leonardo DiCaprio
+ ถึงแม้ตัวหนังจะเต็มไปด้วยคุณภาพ แต่ไม่ลืมถึงความสนุก และสนุกมากจนเหลือเชื่อ
+ คาแรคเตอร์ที่น่าสนใจ น่าติดตาม
+ ภาพของหนังที่สวยสดงดงามมากๆในหลายๆฉาก จนคุณแทบจะร้อง "ว้าว"
+ Dialog ที่เขียนได้ดีมาก น่าสนใจ สนุก
+ เต็มไปด้วยลายเซ็นของ Quentin Tarantino และ ยังคงลายเซ็นเอาไว้อย่างชัดเจน
+ เป็นภาพยนตร์ไม่กี่เรื่องที่สามารถทำให้ผมสนใจมากๆและแทบจะลุ้นอยากติดตามไปเรื่อยๆจนจบ ตั้งแต่วินาทีแรกที่เริ่ม
- จุดที่ดูเหมือนจะไปไม่รอด :
- การแสดงของ Jamie Foxx ที่แสดงได้ดีมากๆแล้ว แต่ มันไม่เพียงพอทำให้ตัวหนังถูกฉุดลงไปโดยเฉพาะเมื่อในฉากๆนั้นไม่มีนักแสดงอย่าง Christoph Waltz หรือ Leonardo DiCaprio แล้ว
- ความสมจริง และ สมเหตุสมผลในหนังที่มีเพียงจุดเล็กๆเท่านั้นที่ไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลซักเท่าไรนัก....
Final Score : [ A+ ] & [ MUST SEE BADGE ]
Thank you to : Django Unchained ( 2012 ) , Columbia (Sony) Pictures , IMDB for information
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น