วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556

Jack The Giant Slayer ( 2013 ) Movie Review by FallsDownz

Movie Review
นิทานก่อนนอนฉบับใหม่ ที่ควรจะเป็นแค่นิทานต่อไป !?




Movie Name : Jack The Giant Slayer ( 2013 ) ,Warner bros. , Fantasy / Adventure / Drama
Director : Bryan Singer ( X-Men , X-Men 2 , Superman Returns )
Stars : Nicholas Hoult ( X-Men : First Class , Warm Bodies ) , Eleanor Tomlinson ( Alice in wonderland ) , Ewan McGregor ( Stars Wars , The Impossible ) , Stanley Tucci ( Captain America : The First Avenger ) , Ian Mcshane ( The Pirates of The Caribbean : On Stranger Tides ) 
Rating : PG-13







REVIEW THAI



                                                                        Jack The Giant Slayer  คงจะกล่าวไม่เกินจริงที่ก็คงจะเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งของปีนี้ ที่หลายๆคนรอคอย ไม่ว่าจะมาจากเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ ที่ว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับ นิทาน แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ ที่เรารู้จักกันดี ซึ่งในครั้งนี้จะเอามาดัดแปลงเล็กน้อย หรือ สาวๆบางคนอาจจะตาม Nicholas Hoult มาจากการเป็นซอมบี้ จากเรื่อง Warm Bodies ก็ไม่ว่ากัน



อีกจุดหนึ่งเลยของตัวหนังที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ตัวผู้กำกับ อย่าง Bryan Singer ที่หลายๆคนอาจจะรู้จักเขาคนนี้ดีจาก X-Men ภาคแรก และ ภาคสอง รวมถึง Superman Returns ซึ่งก็ต้องพูดได้ว่า งานแนวๆแฟนตาซีเยี่ยงนี้ เหมาะกับเขาเป็นที่สุด แต่ปัญหาก็คือ..... หนังที่ผ่านๆมาของเขานั้น ไม่ค่อยจะดีซักเท่าไร อย่าง X-Men ภาคแรก กับ ภาคสอง พอมาเทียบกับ X-Men : First Class ที่ตัวเขาเกือบจะได้เป็นผู้กำกับอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็ได้ทำแค่นั่งแท่น Producer 
(จากบทสัมภาษณ์ใน Blu-ray ของ  X-Men : First Class นั้นเคยได้พูดเอาไว้ว่าเขาติดสัญญากับ Warner Bros. กับหนังอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งคาดว่าก็คือเรื่องนี้นั้นแหละ Jack The Giant Slayer)
ซึ่งเมื่อเอา X-Men ภาคแรก กับ ภาคสอง ของเขามาเทียบกับ X-Men : First Class นั้น คุณภาพของมันต่างกันจนขนาดที่หลายๆคน รวมถึงตัวผมต้องขอพูดว่า ลืมๆไอ้ X-Men ภาคแรกๆไปเถอะ ซึ่งไม่แน่ใจว่านี้อาจจะเป็นชะตาฟ้าลิขิตก็เป็นได้ เพราะถ้าหาก Bryan Singer ไม่ได้ติดกำกับเรื่อง Jack แล้วไปได้กำกับ X-Men : First Class อาจจะ...ออกมาห่วยแตกกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบันก็เป็นได้ แล้วเราก็คง(อาจจะ)หมดโอกาสได้เห็น X-Men : First Class ภาคต่อไป (ซึ่งลือกันว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนเขียนบทอยู่)




Jack The Giant Slayer ต้องขอเริ่มด้วยความปวดใจก่อนเลย จุดที่ช่างไม่น่าให้อภัย และ เลวร้ายที่สุดของเรื่องก็คือ "บท" ตัวหนังโฆษณาไว้ซะใหญ่โต ว่าจะเป็นเรื่องราวแบบใหม่ ที่คุณคาดไม่ถึง แต่เมื่อเอาเข้าจริงแล้ว ตัวบทกลับแทบไม่ได้ต่างจากนิทานต้นฉบับอย่างที่เราฟังกันมาเป็นรอบที่แสนล้าน เลย มีเปลี่ยนบ้างนิดหน่อย แถม ปัญหาที่ตามมาก็คือ การเปลี่ยนนั้นๆ มันช่างห่วยแตกสิ้นดี อะไรที่เป็นมนตร์คลัง ที่ทำให้นิทานเรื่องแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ มันอยู่มาหลายร้อยปี มันแทบจะหายไปหมด แล้วกลายเป็นหนังตูมตามไร้สาระเข้าว่า แบบ X-Men 3 ไปแทน (เอาจริงๆนะ X-Men 3 ยังดีกว่าอีก....) บทของตัวหนังนอกจากจะแย่แล้ว มันยังดูเด็กน้อย ไร้สาระเป็นที่สุด เหมือนหนังมันสร้างมาให้เด็ก 2 ขวบดูยังไงอย่างงั้นเลย ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ หรือ ดาร์ค เลยแม้แต่น้อย  เพราะ ฉะนั้นอะไรที่คุณๆหวังว่ามันจะมีแบบใน X-Men : First Class ก็เลิกหวังได้เลย ผมเข้าใจดี ว่ายังไง มันก็ยังเป็นนิทานสำหรับเด็ก แต่ตัวบทมันช่างไม่น่าให้อภัยจริงๆ มันมีอีกตั้งหลายพันวิธี ที่จะทำให้ตัวหนังมันน่าสนใจ ทั้งมีความเป็นผู้ใหญ่ และ ไร้เดียงสา ไปพร้อมๆกัน   ถ้าจะอ้างว่าขายให้เด็กดู ก็เชิญไปเปิดที่ Disney Land เถอะครับ อย่ามาฉายในโรง 




อีกจุดหนึ่งที่ตัวหนังทำได้แย่มากคือ การตัดต่อ โดยเฉพาะในต้นเรื่อง ที่ตัดได้งงไปหมด ทำให้คนดูไม่เข้าใจว่าตกลงมันเป็นยังไงกันแน่ แถมไอ้จุดที่แย่ มันดันเป็นจุดที่เป็นเรื่องราวใหม่ที่ไม่ได้มีอยู่ในต้นฉบับนิทานเก่าซะด้วย ยิ่งแล้วใหญ่   ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ไอ้จุดที่มันตัดไม่ได้เรื่องเนี้ย มันดันเป็นจุดที่เรียกได้ว่า น่าสนใจที่สุดแล้วในทั้งเรื่อง !!  



จะว่าไปจุดหนึ่งที่ตัวหนังทำได้ล้มเหลวมากคือการดึงคนดูเอาไว้ ในช่วง 1 ชม. 30 นาที แรก หรือ 70-80% ของตัวหนัง มันช่างน่าเบื่อเสียเหลือเกิน ยิ่งช่วงเริ่มต้นของหนังที่เรียกได้ว่าสำคัญที่สุดของหนัง ก็ไม่ได้มีความน่าสนใจเลยซักกะติ๊ด แถมยังกลับกัน ช่างน่าเบื่อ และ ต้องใช้ความพยายาม อย่างมากในการทนดู..... ทำให้ 1 ชม. ต่อมาหลังจากนั้น แทบจะไร้ความหมาย ยิ่งกว่านั่งดูหนังดราม่าเสียอีก ตัวหนังมันช่างอืดยิ่งกว่ามาม่าค้างปีมาแล้ว 10ปี    และไม่มีจุดใดในช่วง 1 ชม. 30 นาที แรกของหนังเลยที่ทำให้คนดู "ว้าว" ได้เลย ซึ่งมันแทบจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็นจุดเด่น ของหนังแฟนตาซี ที่ล้มเหลวไปแล้วเรียบร้อยโรงเรียนจีน คุณกลับรู้สึกสุดแสนจะน่าเบื่อ นั่งดูนาฬิกา ภาวนาให้มันถึงจุด ไคลแมกซ์ ซะที....   



ช่วงต้นเรื่องราวๆ 10-20 นาทีแรกของหนังมันช่างเป็นอะไรที่เลวร้ายที่สุดแล้วในตัวหนัง นอกจากความอืดที่ยิ่งกว่ามาม่าค้างปีมาแล้ว 10 ปี อย่างที่ผมเคยพูดไปแล้ว แล้วยังจะมี CG ในช่วงการเล่าเรื่องที่ โอ้วพระเจ้า มันช่างน่าเกลียดเหลือเกิน ยิ่งพอมาเทียบกับ CG ช่วงหลังๆหลังจากนั้นแล้ว มันก็ไม่ได้ดูแย่อะไรนัก แต่มันยิ่งทำให้เรางงว่า เห้ยแล้วไอ้ CG ในช่วงแรกมันคืออะไรฟะ !!?  หรือ เอ็งจะบอกเป็นนัยๆว่า เก็บงบเอาไว้ช่วงหลัง !! หนำซ้ำ CG ที่มัน"ควร" จะทำให้ตัวหนังมันสร้างจุดน่าสนใจมากขึ้นในช่วงต้นเรื่อง กลับทำให้งงกว่าเดิม และ CG ช่วงแรกที่ควรจะดูเป็นอะไรที่ Epic ยิ่งใหญ่ อลังการ เพื่อให้เรารู้สึกว่า โอ้ว มาย ก๊อต ขนาดต้นเรื่องยังขนาดนี้ แล้ว ตอนท้ายจะขนาดไหน !!! แต่...เก็บคำถามนั้นไว้กับตัวคุณเองเถอะครับ เพราะ มันไม่มีอะไร Epic เลย ใน CG ช่วงต้น หยั่งกะนั่งดูหนังอนิเมชั่นไร้สาระเรื่องนึง ที่ตัดต่อก็ห่วยแตกแล้ว ยังจะอธิบายไม่รู้เรื่อง ซ้ำยังไม่ Epic อีก จากใจเลยนะ ตัดไปเถอะ CG ช่วงแรกหนะ แล้วเปลี่ยนเป็นพูดแทน ยังจะดีซะกว่า !!!



ยัง...ยังไม่หมด ตัวละครใน Jack The Giant Slayer นั้นเรียกได้ว่าแทบจะไร้ความน่าสนใจทุกตัว รวมถึง พระเอก และ นางเอก เองด้วย ยิ่งตัวละครอื่นๆไม่ต้องพูดถึง นอกจากการแบ่งความสำคัญของตัวละคร ยังเป็น 0 แล้ว กลับขว้างทิ้งตัวละครอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก เพราะฉะนั้น ความรู้สึกที่เราร่วมกับตัวละคร คอยเอาใจช่วย แทบจะเป็น 0 เนื้อเรื่องบางจุดที่ปูให้ตัวละครบางตัวมาซะดิบดี พอมาถึงกลางเรื่องก็โยนทิ้งซะงั้น ? เหมือน Bryan Singer บอกว่า ค่าตัวนายแพงอะ ไม่เอาละ เอาเป็นว่าให้บทมันจบตรงนี้ละกัลล์ !! ทำให้บทที่ปูมาบางส่วนของเรื่อง สรุปก็แทบจะไร้ความหมายไม่รู้จะนั่งดูส่วนนั้นมาทำไม ตั้ง 1 ชม หากในหนังแฟนตาซี หนึ่งเรื่อง ตัวละครก็ไม่น่าสนใจ CG ในช่วงต้นที่สุดแสนจะขี้เกียจ บทก็แสนจะน่าเบื่อ แถมก็ยังเด็กน้อย ปยอ. อีกต่างหาก ซ้ำยังสุดจะอืด แล้วพวกเราจะดูไปใย ?



ยัง... ยังดี ครับ ยังดี ฮ่าๆ ยังดี ที่ตัวหนังยัง "พอ" จะมีบางจุดให้คุณ "อาจจะ" พอที่จะทนดูไปได้บ้าง อย่างเช่น CG ยักษ์ (ไม่นับช่วงแรก) ที่เรียกได้ว่า ดีเทลค่อนข้างพอใช้ได้ และ น่าสนใจอยู่บ้าง แถมในหนัง ยังมีภาพสวยๆมากมายหลายจุด รวมไปถึง แหม มันแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ อะ ใครจะไม่อยากดู !?   ช่วง 30 นาทีสุดท้ายของหนัง ที่เริ่มจะน่าสนใจขึ้นมาบ้าง และ ฉากต่อสู้ในตอนช่วงท้าย ที่พอจะให้อภัยได้บ้าง (แต่มันไม่ค่อย Epic เลยนะจริงๆ) จริงๆ บทไม่ต้องไปปรับไม่ต้องไป Twisted อะไรมันมากหรอก บทดั้งเดิมเอาให้มันรอดเกินเถอะ พี่........



ยิ่งเห็นแบบนี้แล้ว ยิ่งอยากจะส่ง Bryan Singer กลับไปนั่งดู X-Men : First Class ใหม่อีกซัก 100 รอบ ฉากไคลแมกซ์ ที่แมกนีโต้ หยุดขีปนาวุธ เป็นสิบๆ(หรือ ร้อยๆ ?) ลูก ที่มันแทบจะทำให้หัวใจคุณหยุดเต้น บทที่ตึงเครียด น่าสนใจ เป็นผู้ใหญ่ ตัวละครที่น่าสนใจ และมีความสำคัญ(อยู่บ้าง) รวมไปถึงคำคมเท่ๆ และ เนื้อเรื่องที่แตกแยกออกไปได้ไม่รู้จบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ที่มีอยู่ใน X-Men : First Class หนังที่พี่ Bryan นั่งแท่น Producer เองแท้ๆ มี แต่ใน Jack The Giant Slayer ดันไม่มีเลยซักข้อ.... หรือจะพูดว่านี้เป็นจุดเด่นของตัวเองหว่า ? 



Jack The Giant Slayer เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องของปีนี้ที่ช่างน่าผิดหวังเสียเหลือเกิน ด้วยบทที่แทบจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย (แต่ดันโฆษณาซะเวอร์) แถมยังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวร้ายกว่าเดิมอีกต่างหาก การตัดต่อที่แย่ทำให้คนดูสับสนในบทเป็นอย่างมาก ทั้งๆที่ ทั้งเรื่องมันก็น่าสนใจแค่นั้นแหละ 80% ของตัวหนังที่สุดแสนจะเรื่อยๆ น่าเบื่อเป็นที่สุด แม้กระทั่งอีก 20% สุดท้ายก็ไม่ได้ดีขนาดที่จะช่วยฉุดให้หนังดีขึ้นมาได้เท่าไรเลย สิ่งที่ช่วยตัวหนังเอาไว้มีเพียงแค่ สิ่งที่ยังคงเดิมอยู่คือ เนื้อเรื่องนิทานเดิมๆ และ CG ที่พอรับได้ (อีกครั้ง ไม่นับช่วงต้นเรื่อง)
และอีกครั้ง อย่างน้อย ตัวหนังมันก็ไม่ได้แย่จนขนาดที่จะทำให้คุณอยากจะโดดตึกตาย และทำลายโอกาสทุกอย่างบนโลก อย่างที่ A Good Day To Die Hard ทำเอาไว้เยอะ !!!        



The Best Quote from " Jack The Giant Slayer "

" I'm i die ? " - Jack 
" Not Just Yet " - Elmont                



Final Score : [ C ] 





Thank You to : Jack The Giant Slayer ( 2013 ) , Warner Bros. , IMDB for information

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น