วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Man Of Steel ( 2013 ) Movie Review

Movie Review
ซุปเปอร์แมนที่กางเกงไม่แดง !!




Movie Name : Man Of Steel ( 2013 ) , Action / Superhero
Director : Zack Snyder ( 300 , Sucker Punch )
Stars : Henry Cavill ( Immortals ) , Russel Crowe ( Les Miserables ) , Amy Adams (  The Fighter ) , Michael Shannon ( Bad Boys 2 ) , Kevin Costner ( The Bodyguard ) 
Rating : PG -13






REVIEW


                                                                                 Man of Steel เป็นภาพยนตร์ที่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่คนทั่วโลกรอคอยมากที่สุดอีกเรื่องนึงของปี 2013 นี้ และ Superman นั้นเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ที่มีประวัติมายาวนานเหลือเกิน ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งฮีโร่ชั้นหน้าของ DC ที่เทียบเท่า Batman หรือ ดีไม่ดี อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป ยิ่งกระแส Justice League ของทาง DC ที่อยากจะเอาคืนทาง Marvel ที่ประสบความสำเร็จไปแล้วอย่างมากกับ The Avengers บ้าง จึงทำให้ Man of Steel เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่สำคัญมากๆสำหรับค่าย DC


Man Of Steel ต้องขอเริ่มจากขอชมก่อน อย่างแรกเลยคือ Casting ที่ช่างเหมาะสมเหลือเกิน และ ยกระดับหนังให้ดีขึ้นพอสมควรเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Henry Cavill ที่ภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้านี้ ผมก็ไม่ได้ประทับใจเขาอะไรซักเท่าไร แต่พอเขามาเล่น Man Of Steel ผมกลับที่จะอดที่จะดูภาคต่อไปไม่ได้ว่า เขาจะทำอะไรได้อีกบ้าง หรือ อย่าง Russel Crowe ที่เล่นได้ดี และมีบทบาทอย่างมาก และ เป็นอีกคนที่ยกระดับหนังให้สูงขึ้น แต่คนที่ผมอยากชมจริงๆเลยก็คือ Kevin Costner ตัวหนังจะแย่กว่านี้พอสมควรเลยทีเดียว ถ้าไม่มีเขา เพราะ เขาช่างตีบทแตกกระจุยกระจายเละเทะจริงๆ เขาเล่นได้อย่างสุดยอด จนคุณขนลุก เขาเข้าถึงตัวบทอย่างแท้จริง 

ตัวละครอย่าง Jonathan Kent และ Martha Kent นั้นเป็นสองตัวละครที่ค่อนข้างจะแข็งแรงสุดๆ และ มีความสำคัญอย่างมากต่อเรื่องและตัวละครอย่าง Superman ทั้งเรื่องอาจจะกลับกันทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ถ้าหากไม่มีสองตัวละครนี้ 



อย่างที่สองเลยก็คือเรื่อง Design ที่มีหลายๆฉาก และ หลายๆวิธีการเล่าเรื่องด้วยภาพ ใน Man Of Steel ที่ดูดี และ น่าสนใจเหลือเกิน ในหลายๆฉากภาพก็สวยอย่างมาก และ CG ที่อลังการงานสร้างสุดๆ

รวมไปถึง Action ที่เตะต่อย ปล่อยพลังกันยิ่งกว่า ดรากอนบอล มหาวินาศสุดๆ น่าจะถูกใจคอ Action ได้อย่างดิบดี

อีกจุดหนึ่งที่ผมค่อนข้างชอบก็คือ วิวัฒนาการของ Superman ในภาคนี้ตั้งแต่ 0 จนถึงเป็น Superman ที่น่าสนใจ น่าติดตาม และ สิ่งที่เขาต้องเผชิญต่างๆ ช่างน่าติดตามเหลือเกิน




มาถึงจุดนี้แล้ว ผมต้องขอพูดเลยว่า Man Of Steel เป็นภาพยนตร์ในปีนี้ที่ ณ ขณะนี้ผมผิดหวังมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะ มันมีหลายสิ่ง หลายอย่าง ที่ยังไม่เข้ารูปเข้ารอยอย่างมาก 


อย่างแรกสุดที่ผมว่าเป็นจุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุดของ Man Of Steel คือ บทโดยเฉพาะในช่วงแรกที่ตัวหนังเร่งมากเกินไปอย่างมาก ทั้งๆที่เป็นฉากที่ค่อนข้างสำคัญมาก แต่กลับเร่งๆเพื่อที่จะให้ถึงฉากต่อไปได้เร็วขึ้น แต่มันทำให้คุณแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลยในฉากนั้น คุณจะไม่รู้สึกที่จะมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครเลยแม้แต่น้อย ในฉากนั้น เพราะ ทุกอย่างมาถึงก็เหมือนจะโยนใส่คุณทันที มันทำให้หนังทั้งเรื่อง คุณมีอารมณ์ร่วมน้อยลงอย่างมาก เพราะ ตอนช่วงแรกหนังไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกไปกับตัวละครนั้นๆเลย 

บทที่เป็นเส้นตรงสุดๆ ต่อให้คุณไม่ได้ดู ก็เดาได้ไม่ยากเลยทีเดียว มันคือบทของ หนังฮีโร่นั้นแหละ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ถึงแม้จะพยายามแล้วก็ตาม

นอกจากนั้นบทนั้นดูเหมือนจะถูกจัดวางมามากจนเกินไป ทำให้บางส่วนพาดูไม่สมเหตุสมผลเอาซักเท่าไรนัก 


ต่อมาคือตัวร้าย ที่หลักๆก็คือตัวร้าย เป็นได้แค่นั้น ทั้งๆที่ผมว่านักแสดงอย่าง Michael Shannon เขาก็พยายามแล้ว แต่เหมือนบทมันส่งได้แค่นั้นจริงๆ ถ้าจะให้เทียบกับ Star Trek : Into Darkness ตัวร้ายใน Star Trek ช่างน่าสนใจ น่าติดตาม รวมถึงแรงจูงใจที่สมเหตุสมผลอย่างมาก รวมถึงการแสดงขั้นมหาเทพของ Benedict Cumberbatch ที่ทำให้คุณแทบจะอดไม่ได้ที่สงสาร และ แอบเอาใจช่วยตัวละครนี้ ทั้งๆที่เป็นตัวละครร้ายแท้ๆ  และ ตัวร้ายใน Man Of  Steel นั้นไม่ได้ดูฉลาดเอาเสียเลย ออกจะตัวร้ายที่มีมาเอาไว้ให้พระเอกกระทืบ ก็เท่านั้นซะมากกว่า 


มีหลายๆฉากที่ตัวหนังพยายามที่จะสร้างอารมณ์ร่วม หรือ ทำให้คุณอินไปกับมัน แต่ก็ไม่สามารถที่จะพาคุณไปได้เลย เพราะ คุณไม่ได้รู้สึกมีความผูกพันธ์อะไรกับตัวละครเลย แม้กระทั่งตัวละครบางตัวก็ไม่น่าสนใจ และ ไม่มีก็ยังได้ด้วยซ้ำไป ทำให้คุณหลังจากดูจบก็เหมือนจะจบไปเลย ไม่มีความน่าจดจำแต่อย่างใด ซึ่งเป็นจุดที่ร้ายแรงอันดับที่สองของเรื่องเลยก็ว่าได้


ฉาก Action ที่ผมกลับมองว่า มันมากเกินความจำเป็นไปหน่อย ถ้าท่านใดไม่ชอบดูฉากเร็วๆนานๆละก็ ฉาก Action บางฉากคุณอาจจะแทบอยากจะปิดตาเลยก็ว่าได้ [/color]



[color=red]Man Of Steel เป็นภาพยนตร์ที่ "ดี" แต่ไม่ถึงกับยอดเยี่ยม เพราะ หนังมันไปได้แค่นั้นจริงๆ ด้วยบทที่ค่อนข้างจะอ่อนแอในหลายๆส่วน การเร่งเรื่องมากจนเกินไปในบางส่วน ตัวร้ายที่ไม่น่าสนใจ หลายๆฉากที่ไม่สามารถที่จะสร้างให้คุณมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครได้ ถ้าให้เทียบกับ Star Trek : Into Darkness แล้ว Star Trek : Into Darkness ยังคงเป็นที่ 1 ในปีนี้ด้วยความเหนือในหลายๆด้าน และ Man Of Steel ถือเป็นภาพยนตร์ที่น่าผิดหวังที่สุดในขณะนี้สำหรับครึ่งปีนี้ สำหรับผมเลยทีเดียว แต่ ยังไงก็ตาม Man Of Steel ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่ไม่สมควรพลาดอีกเรื่อง ในปีนี้ ไม่ว่าจะด้วย Casting ที่ดี Kevin Costner ที่ตีบทแตกกระจุย ฉาก Action วินาศสุดๆ หรือ แม้แต่เหตุผลง่ายๆอย่างเข้าไปดู Superman ก็คงไม่ผิดนัก


The Best Quote from " Man Of Steel " 

 You are not alone... My name is General Zod. I have journeyed across an ocean of stars to reach here. Your world has sheltered one of my citizens. He will look like you, but he is not one of you. To those of you who know of his location: the fate of your planet rests in your hands. To Kal-El, I say this: surrender within 24 hours, or watch this world suffer the consequences... "


+ จุดที่ตัวหนังทำได้ดี :
+ นักแสดงทั้งหลายที่ Casting ได้เป็นอย่างดี แต่ละคนช่างเล่นได้ดี เหมาะสม และ ยกระดับตัวหนังขึ้น
+ การออกแบบภาพ ที่สวยงาม
+ วิธีการเล่าเรื่องด้วย CG ในหลายๆฉาก ที่น่าสนใจ และ ทำได้ดี
+ Action ระดับมหาโคตรวินาศ
+ Kevin Costner แสดงได้อย่างสุดยอดเป็นที่สุด ทุกๆคำพูดของเขามีความหมาย และ เข้าถึงบทได้อย่างแท้จริง
+ การวิวัฒนาการของ Superman 
+ Easter Egg


- จุดที่ดูเหมือนจะไปไม่รอด :
- บทที่อ่อนแอในหลายๆส่วน
- ต้นเรื่องตัวหนังถูกเร่งมากจนเกินไป จนทำให้คุณไม่รู้สึกร่วมใดๆกับตัวละคร
- หลายๆฉากที่พยายามจะให้คนดูมีอารมณ์ร่วม แต่ไม่สำเร็จ คุณไม่รู้สึกอิน หรือ รู้สึกร่วมไปกับตัวละครใดๆ 
- บทที่เป็นเส้นตรง เดาง่ายดาย 
- ตัวละครร้ายที่ไม่น่าสนใจ
- บางส่วนถูกจัดวางมากเกินไป จนไม่สมเหตุสมผล
- หลังจากดูจบ หนังก็จบไปกับคุณ ไม่ได้มีอารมณ์น่าจดจำ แต่อย่างใด
- ฉาก Action ที่มากเกินความจำเป็น


Final Score : [ B ] & [ Disappointed Badge ]


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น