Movie Review
อย่าเป็นห่วงไปคุณกัปตัน “ทุกอย่างมันจะต้องเป็นไปด้วยดี”
Movie
Name : Captain Philips ( 2013 )
Director
: Paul Greengrass ( The Bourne Supremacy , The Bourne Ultimatum )
Stars :
Tom Hanks ( Da Vinci Code , Angels and Demons , Forrest Gump ) , Barkhad Abdi
Rating :
น 15+
REVIEW
Captain Philips ถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งในปี
2013 ที่ผ่านมานี้ ที่เรียกได้ว่า ถูกพูดกันมานักต่อนักถึงความ “อลังการ” ความเป็น “ระทึกขวัญ” ของมัน ซึ่งก็คงจะเป็นผลมาจากฝีมือของผู้กำกับ Paul Greengrass จากผลงานอย่าง Bourne Supremacy และ
Ultimatum อย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะวิธีการใช้มุมกล้องแบบ “Shaky
Cam” หรือ การถือกล้องแบบ Handheld ทำให้ภาพเกิดอาการสั่น
ซึ่งเป็นเทคนิคการถ่ายทำที่มีผู้กำกับบนโลกไม่กี่คนจริงๆเท่านั้นที่ใช้มันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และส่งเสริม หรือสื่อความหมายจริงๆ (ส่วนคนอื่นๆก็ใช้มันแบบอย่างมั่วซั่วสร้างความน่ารำคาญ
และชวนอ๊วกเสียมากกว่า)
ซึ่งนี้ก็คือหนึ่งในสิ่งนั้นแหละทำให้ Captain Philips นั้น “Work”
สุดๆ จากการใช้เทคนิค Shaky Cam ส่งผลให้ตัวภาพยนตร์นั้นดู
‘Realistic” หรือสมจริงขึ้น
ซึ่งการถ่ายทำในแต่ละฉากของเขานั้นก็ส่งเสริมจุดนี้ในการเล่าเรื่องในแต่ละฉากได้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าจะเป็นฉากเริ่มเรื่องที่ถ่ายในแต่ละ Shot ได้อย่างยอดเยี่ยม
สื่อถึง Background หรือภูมิหลังของตัวละครได้อย่างดี
จากองค์ประกอบต่างๆในฉาก เช่น รูปภาพ การจัดวาง หรือ แม้กระทั่งบทพูด
Dialog ที่สื่อถึงเบื้องหลังและความคิดของตัวละครออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมโดยไม่ต้องบอกตรงๆ
และอีกสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้ในภาพยนตร์ของ Paul Greengrass นั้นก็คือ
ความ”ตื่นเต้น “
Thrilling ซึ่งจากความเป็น Realistic “Shaky Cam” ของภาพยนตร์ที่มันยิ่งทวีคูณความตื่นเต้นในแต่ละฉากเพราะความสมจริงของมันแล้ว
เขายังกำกับในฉาก Thriller ได้อย่างยอดเยี่ยม
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ต่างๆ
การโต้ตอบของตัวละครที่ชาญฉลาดดูเป็นมนุษย์และไม่โง่เง่าน่ารำคาญอย่างภาพยนตร์หลายๆเรื่อง
การควบคุม “โทน” และ “Mood” หรือ อารมณ์ของภาพยนตร์และคนดูได้อย่างอยู่หมัด
จากการควบคุมสถานการณ์ขึ้นๆลงๆในแต่ละฉากได้อย่างยอดเยี่ยม
เพราะเขารู้ว่าตอนไหนควรจะจุดและเผามัน และตอนไหนควรจะให้ผู้ชมพักและดับมันลงไปชั่วขณะ
ซึ่งหลายๆครั้งที่คุณจะพบว่าตัวเองกำลังแทบจะกลั้นหายใจในหลายๆฉาก
ถึงกระนั้นฉากเหล่านี้ก็ไม่ให้ความรู้สึก “Cheap / ถูก” จากมุขตื่นเต้น โง่เง่า ลักไก่ ดูถูกผู้ชมเลยแม้แต่น้อย
อีกจุดหนึ่งที่ถือได้ว่าน่าประทับใจอย่างมากในภาพยนตร์เรื่องนี้
นั้นก็คือ ถึงแม้ตัวภาพยนตร์เองนั้นจะเชิดชูความเป็น “อเมริกัน” อย่างออกหน้าออกตา แต่ก็ไม่เหมือนภาพยนตร์หลายๆเรื่องในจุดๆหนึ่ง
ซึ่งจุดๆนั้นก็คือ ตัวละครร้าย ที่ “สมเหตุสมผล” และมีมิติ มากเลยทีเดียว ซึ่งในตัวละครร้ายเหล่านี้นั้นมีเหตุผล
มีตรรกะในการกระทำของพวกเขา อย่างน่าเชื่อถือ รวมไปถึงเหตุผลเหล่านี้
ก็มีการจิกกัดและเสียดสีโลกภายนอกถึงความ “ไม่ยุติธรรม
/ โหดร้าย” และ “ไร้ทางเลือก” ของโลก โดยเฉพาะประโยคคำพูดที่ว่า
“ทุกอย่างจะต้องเป็นไปด้วยดี”
นั้นยิ่งช่างเสียดสีความอยุติธรรมของโลกได้อย่างดิบดี
ยังไม่นับถึงการแสดงของ Tom Hanks ที่แสดงในฉากที่ตัวละครต้องรับภาระหนักได้อย่างน่าทึ่งโดยเฉพาะในช่วงท้ายของภาพยนตร์ที่เหมือนเป็นการระเบิดอารมณ์และความกดดันออกมาได้อย่างน่าทึ่ง
น่าขนลุกเลยทีเดียว รวมไปถึงนักแสดงหน้าใหม่อย่าง Barkhad Abdi ที่เล่นหนังเรื่องแรกก็ต้องมาปะทะดาราใหญ่ที่คว้ารางวัลออสก้ามาแล้วถึง
2 ครั้งติดต่อกันอย่าง Tom Hanks ก็รับบทในการปะทะกับ Tom
Hanks ได้อย่างน่าทึ่งโดยไม่เกรงกลัวรังสีออร่ากันเลยทีเดียว
แต่ถ้าหากจะให้เปรียบเทียบกับภาพยนตร์แนวเดียวกันอย่าง
“Rush” ในปี 2013 นี้แล้ว
น่าเสียดายที่ยังมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ Rush ไปถึง แต่
Captain Philips นั้นเรียกได้ว่า “ยังไปไม่ถึง” สิ่งๆนั้นก็คือ
การเข้าไปมีส่วนร่วมหรือแชร์อารมณ์ของตัวละครหรือฉากต่างๆในภาพยนตร์ ซึ่งใน
Captain Philips นั้น มี แต่กลับทำได้ไม่สุดเท่าใดนัก เพราะจากการปูตัวละครหลักอย่าง
Captain Philips ที่ “กั๊ก” มากจนเกินไป และไม่ได้น่าสนใจเทียบเท่า ตัวละครหลักอย่างในภาพยนตร์อีกเรื่องอย่าง
Rush เลย ซึ่งมันส่งผลถึงในฉากการบีบคั้นอารมณ์คนดูที่แตกต่างกันอย่างแทบจะเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
ซึ่งในจุดนี้ๆนั้นต้องขอยกให้กับ Rush หรือ
ภาพยนตร์อีกเรื่องอย่าง Prisoners ที่ทำได้ดีกว่ามากไป
ถึงกระนั้นก็ตาม Captain Philips นั้นยังคงถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมอีกเรื่องหนึ่งจากการกำกับของ
Paul Greengrass ที่สร้างให้ภาพยนตร์มีความ Realistic จากการใช้เทคนิค Shaky Cam อย่างชาญฉลาดและรู้จริง
รวมไปถึงการกำกับฉาก Thriller ต่างๆที่ทำได้น่าทึ่ง ตื่นเต้น
เร้าใจ และความฉลาดของบทที่ยังคงไม่ลืมมิติของตัวละครอื่นๆโดยเฉพาะ “ตัวร้าย”
ในภาพยนตร์ที่มีความเป็นอเมริกันและเชิดชูความเป็นอเมริกันแบบออกหน้าออกตาเช่นนี้
ถึงแม้จะน่าเสียดายไปบ้างในจุดของการปูตัวละครที่ยังไม่น่าสนใจเท่าใดนัก
แต่ก็ถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่ห้ามพลาดเลยทีเดียว
Final Score : [ B+ ] & [ Must
See Badge ]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น