Movie Review
มวยหมัดแห่งความเหงาของผู้กำกับสุดแนว "หว่องกาไว"
Movie Name : Yi dai zong shi " The Grand Master " ( 2013 ) , Action / Biography / Drama
Director : Kar Wai Wong ( Fallen Angel , 2046 )
Stars : Tony Leung Chiu Wai ( สามก๊ก : โจโฉแตกทัพเรือ 1 , 2 ) , Ziyi Zhang ( Hero , House of Flying Daggers )
Rating : PG - 13
REVIEW
หว่อง กา ไว ถ้าหากพูดชื่อนี้ขึ้นมาแล้วล่ะก็ แฟนๆภาพยนตร์หลายๆคนจะต้องรู้จักอย่างแน่นอน เพราะเขานั้นถือได้ว่า เป็นผู้กำกับที่มีฝีมือเก่งกาจมากคนหนึ่งบนโลกเลยทีเดียว เก่งแค่ไหนก็ดูจากคำพูดของผู้กำกับสุดดังอีกท่านอย่าง Quentin Tarantino แห่ง Kill Bill , Pulp Fiction หรือ Django : Unchained ดูเอา ที่ Quentin ถึงกับพูดด้วยตัวเองว่า "หว่องกาไวเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ที่โคตรเท่ที่สุดในโลก" เลยทีเดียว จากสไตล์การกำกับที่มีเอกลักษณ์มากๆ ตัวละคร การแสดง ที่ ให้อารมณ์ "เหงา , เศร้า " แต่ "โคตรเท่" โดยเฉพาะการกำกับหรือจัดองค์ประกอบภาพหลายๆครั้งนั้นเขาก็จัดภาพได้อย่างน่าทึ่ง งดงามจนแทบจะหาคนที่เอามาเปรียบเทียบกันได้จริงๆยากเลยทีเดียว (แต่ส่วนตัวผู้เขียนชอบผู้กำกับจากจีนแผ่นดินใหญ่อย่าง จางอี้โหมว มากกว่า)
The Grandmaster ถือได้ว่าเป็นผลงานที่ถ้าหากมองจาก"หน้าหนัง"แล้ว อาจจะพาหลายๆคนงงและสับสนได้ จากโปสเตอร์ต่างๆที่ชวนพานึกว่าเป็นภาพยนตร์บู้กำลังภายใน ระเบิดพลัง เตะต่อยกันทุก 5 วินาที (แต่คนที่หาข้อมูลมาดีๆก็คงจะทราบว่ามันจะเป็นภาพยนตร์อย่างไรจริงๆ) ทำให้ผู้ชมหลายๆคนรวมถึงผู้ชมภาพยนตร์ทั่วๆไปในประเทศไทยเอง เข้าไปชมแล้วถึงกับงง "นี้มันหนังบ้าบออะไรกันนี้" ก็เป็นเรื่องจริงที่ ฮาสำหรับผู้เขียนไม่ใช่น้อย
หว่อง กา ไว อีกครั้งแล้วที่เขาได้พิสูจน์ตัวเองให้โลกรู้ว่า เขานั้นเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ที่"โคตรเท่"มากที่สุดในโลก ใน The Grandmaster ไม่ว่าจะเป็น ฉากต่างๆ องค์ประกอบภาพต่างๆนั้น ช่างสวยงาม อลังการ น่าตื่นตาตื่นใจ แม้สำหรับคนเอเชียด้วยกันเองที่คงชินกับวัฒนธรรมแนวนี้อยู่พอสมควรแล้วก็ตาม ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นไปกับมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการกำกับฉาก "ต่อสู้" ในภาพยนตร์ของเขา เป็นการต่อสู้ ร่ายรำที่เปรียบเสมือนการ"ระบายสีภาพ"ของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ช่าง งดงาม อลังการ ยิ่งใหญ่ เปี่ยมไปด้วยพลังและความหมายเหลือเกิน ซ้ำยังเป็นการกำกับฉากต่อสู้ที่ สนุก ตื่นเต้น และมีรายละเอียดในแต่ละท่าต่างๆอย่างน่าทึ่ง นี้ยังไม่รวมถึงการเอาท่าต่อสู้ต่างๆมาตีความและสื่อความหมายเพื่อส่งผลไปถึง บุคลิก ความคิด ของตัวละครต่างๆได้อย่างชาญฉลาดมากๆอีกด้วย
สำหรับทีมนักแสดงนั้น หลายๆคนในภาพยนตร์ เราก็น่าจะคุ้นๆหน้ากันดี ไม่ว่าจะเป็น โทนี่ "เหลียง เฉาเหว่ย" จาก ผลงาน สามก๊ก : โจโฉแตกทัพเรือ ทั้งสองตอน (หรือในชื่อ Red Cliff ในต่างประเทศ) หรือ นางเอกสุดสวยที่ต้องขอเรียกว่า "แม่นาง" จาง ซิยี่ ที่เคยฝากผลงานเอาไว้ในภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง HERO และ House of Flying Daggers ของผู้กำกับ จางอี้โหมว ที่ทั้งคู่ยังคงแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม น่าทึ่ง ในการรับบทที่หนักสาหัสพอควรเลยทีเดียว
นอกจากนั้นแล้ว The Grandmaster ยังถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่มี "บทภาพยนตร์" ที่น่าสนใจ มากๆเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะการนำเอาชีวประวัติส่วนหนึ่งของ "ยิปมัน" เข้ามาเป็นแกนหลักในการสื่อข้อความของภาพยนตร์ เช่น ความเก่งกาจ และ ชัยชนะนั้น "ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง" หรือ ในบางครั้งชีวิตของเรานั้น จะต้องเลือกทางเดินซักทางใดทางหนึ่ง ถึงแม้จะรู้ตัวว่า ทางที่เราเลือกมันอาจจะ"ไม่ถูกต้อง"และอาจจะทำให้ใครบางคนรวมถึงตัวเอง"เจ็บปวด" แต่เราก็ต้องยอมรับมันและเดินหน้าต่อไป ซึ่งทั้งสองข้อความนั้นถูกสื่อออกมาได้อย่าง มุ่งมั่น น่าเชื่อถือ แข็งแรง และน่าจดจำเอามากๆเลยทีเดียว และทั้งคู่ก็ยังเป็นความจริงบนโลกที่คงไม่มีใครจะปฏิเสธได้เลยทีเดียว
น่าเสียดายจริงๆที่ในบางด้านของภาพยนตร์นั้นยังมีแต่ความสับสน ไม่อธิบาย และการเชื่อมต่อที่แย่ โดยเฉพาะตัวละครอย่าง "Razor" ที่เชื่อมต่อกับตัวละครอื่นได้อย่างสับสนเป็นที่สุด จนทำให้ไม่เข้าใจแทบจะทั้งหมดเลยว่า ตัวละครนั้นมีมาเพื่ออะไร และหนังต้องการจะสื่ออะไรกับคนดูกันแน่ จนเรียกได้ว่า ตัวละครนี้แทบจะเป็นศูนย์ ไปในภาพยนตร์อย่างน่าเสียดายไปกันเลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม The Grandmaster ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์แห่งปี 2013 ที่เรียกได้ว่า "น่าจดจำ" มากที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการกำกับของหว่องกาไว ที่ยังคงน่าทึ่ง น่าจดจำเช่นเคย โดยเฉพาะการผสมผสานลายเซ็นการกำกับส่วนตัว เข้ากับบทภาพยนตร์ได้อย่างน่าทึ่ง รวมไปถึงบทภาพยนตร์ที่แสนฉลาด น่าจดจำ ถึงแม้น่าเสียดายที่จะมาตกม้าตายเอาที่ตัวละครเสียก่อนจะถึงเป้าหมายก็ตาม
Final Score : [ B + ] & [ Must See Badge ]
The Grandmaster ถือได้ว่าเป็นผลงานที่ถ้าหากมองจาก"หน้าหนัง"แล้ว อาจจะพาหลายๆคนงงและสับสนได้ จากโปสเตอร์ต่างๆที่ชวนพานึกว่าเป็นภาพยนตร์บู้กำลังภายใน ระเบิดพลัง เตะต่อยกันทุก 5 วินาที (แต่คนที่หาข้อมูลมาดีๆก็คงจะทราบว่ามันจะเป็นภาพยนตร์อย่างไรจริงๆ) ทำให้ผู้ชมหลายๆคนรวมถึงผู้ชมภาพยนตร์ทั่วๆไปในประเทศไทยเอง เข้าไปชมแล้วถึงกับงง "นี้มันหนังบ้าบออะไรกันนี้" ก็เป็นเรื่องจริงที่ ฮาสำหรับผู้เขียนไม่ใช่น้อย
หว่อง กา ไว อีกครั้งแล้วที่เขาได้พิสูจน์ตัวเองให้โลกรู้ว่า เขานั้นเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ที่"โคตรเท่"มากที่สุดในโลก ใน The Grandmaster ไม่ว่าจะเป็น ฉากต่างๆ องค์ประกอบภาพต่างๆนั้น ช่างสวยงาม อลังการ น่าตื่นตาตื่นใจ แม้สำหรับคนเอเชียด้วยกันเองที่คงชินกับวัฒนธรรมแนวนี้อยู่พอสมควรแล้วก็ตาม ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นไปกับมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการกำกับฉาก "ต่อสู้" ในภาพยนตร์ของเขา เป็นการต่อสู้ ร่ายรำที่เปรียบเสมือนการ"ระบายสีภาพ"ของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ช่าง งดงาม อลังการ ยิ่งใหญ่ เปี่ยมไปด้วยพลังและความหมายเหลือเกิน ซ้ำยังเป็นการกำกับฉากต่อสู้ที่ สนุก ตื่นเต้น และมีรายละเอียดในแต่ละท่าต่างๆอย่างน่าทึ่ง นี้ยังไม่รวมถึงการเอาท่าต่อสู้ต่างๆมาตีความและสื่อความหมายเพื่อส่งผลไปถึง บุคลิก ความคิด ของตัวละครต่างๆได้อย่างชาญฉลาดมากๆอีกด้วย
สำหรับทีมนักแสดงนั้น หลายๆคนในภาพยนตร์ เราก็น่าจะคุ้นๆหน้ากันดี ไม่ว่าจะเป็น โทนี่ "เหลียง เฉาเหว่ย" จาก ผลงาน สามก๊ก : โจโฉแตกทัพเรือ ทั้งสองตอน (หรือในชื่อ Red Cliff ในต่างประเทศ) หรือ นางเอกสุดสวยที่ต้องขอเรียกว่า "แม่นาง" จาง ซิยี่ ที่เคยฝากผลงานเอาไว้ในภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง HERO และ House of Flying Daggers ของผู้กำกับ จางอี้โหมว ที่ทั้งคู่ยังคงแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม น่าทึ่ง ในการรับบทที่หนักสาหัสพอควรเลยทีเดียว
นอกจากนั้นแล้ว The Grandmaster ยังถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่มี "บทภาพยนตร์" ที่น่าสนใจ มากๆเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะการนำเอาชีวประวัติส่วนหนึ่งของ "ยิปมัน" เข้ามาเป็นแกนหลักในการสื่อข้อความของภาพยนตร์ เช่น ความเก่งกาจ และ ชัยชนะนั้น "ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง" หรือ ในบางครั้งชีวิตของเรานั้น จะต้องเลือกทางเดินซักทางใดทางหนึ่ง ถึงแม้จะรู้ตัวว่า ทางที่เราเลือกมันอาจจะ"ไม่ถูกต้อง"และอาจจะทำให้ใครบางคนรวมถึงตัวเอง"เจ็บปวด" แต่เราก็ต้องยอมรับมันและเดินหน้าต่อไป ซึ่งทั้งสองข้อความนั้นถูกสื่อออกมาได้อย่าง มุ่งมั่น น่าเชื่อถือ แข็งแรง และน่าจดจำเอามากๆเลยทีเดียว และทั้งคู่ก็ยังเป็นความจริงบนโลกที่คงไม่มีใครจะปฏิเสธได้เลยทีเดียว
น่าเสียดายจริงๆที่ในบางด้านของภาพยนตร์นั้นยังมีแต่ความสับสน ไม่อธิบาย และการเชื่อมต่อที่แย่ โดยเฉพาะตัวละครอย่าง "Razor" ที่เชื่อมต่อกับตัวละครอื่นได้อย่างสับสนเป็นที่สุด จนทำให้ไม่เข้าใจแทบจะทั้งหมดเลยว่า ตัวละครนั้นมีมาเพื่ออะไร และหนังต้องการจะสื่ออะไรกับคนดูกันแน่ จนเรียกได้ว่า ตัวละครนี้แทบจะเป็นศูนย์ ไปในภาพยนตร์อย่างน่าเสียดายไปกันเลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม The Grandmaster ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์แห่งปี 2013 ที่เรียกได้ว่า "น่าจดจำ" มากที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการกำกับของหว่องกาไว ที่ยังคงน่าทึ่ง น่าจดจำเช่นเคย โดยเฉพาะการผสมผสานลายเซ็นการกำกับส่วนตัว เข้ากับบทภาพยนตร์ได้อย่างน่าทึ่ง รวมไปถึงบทภาพยนตร์ที่แสนฉลาด น่าจดจำ ถึงแม้น่าเสียดายที่จะมาตกม้าตายเอาที่ตัวละครเสียก่อนจะถึงเป้าหมายก็ตาม
Final Score : [ B + ] & [ Must See Badge ]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น