Movie Review
Movie Name : Life of Pi ( 2012 ) 20th Century Fox , Drama / Adventure
Director : Ang Lee ( Brokeback Mountain )
Stars : Suraj Shama , Irrfan Khan ( Slumdog Millionaire )
Rating : PG
MOVIE REVIEW (THAI)
Life of Pi เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งของปี 2012 ที่ชิงรางวัลเยอะมาก แถมได้มาเยอะด้วยซิ และ งานใหญ่ที่สุดของวงการภาพยนตร์อย่างเวที Oscar ก็เข้าชิงถึง 11 สาขา (เป็นรองแค่ Lincoin ที่เขาชิง 12 สาขาซึ่งเขาชิงเยอะที่สุดแล้ว ) ซึ่งคาดว่าคงกวาดไปได้อย่างต่ำ 2-3 สาขาเป็นแน่ หลายๆคนก็เลยสงสัย เอะ มันสุดยอดขนาดนั้นเลยหรอ ??
Life of Pi นั้นได้ผู้กำกับชาวไต้หวันชื่อดัง Ang Lee ซึ่งเราหลายๆคนน่าจะรู้จักฝีมือของเขาดีจากการกำกับภาพยนตร์ ทะลวงภูเขาหลัง หรือ Brokeback Mountain นั้นเอง หลายๆคนถึงจุดนี้คงตกใจ อ่าวเห้ย งี้ Life of Pi เป็นหนังเกย์อีกหรอ ? ไม่ต้องห่วงครับ Life of Pi ไม่มีเกี่ยวกับประเด็นนั้นแน่นอน แต่จะพูดถึงประเด็นที่ใหญ่กว่านั้น ซึ่งเอาเข้าจริงๆเรื่อง Brokeback Mountain ก็ไม่ได้เป็นหนังเกย์แบบที่เราคิด มันไม่ได้มีฉากอย่างว่าแบบ ช-ช เลยแม้แต่ฉากเดียว ซึ่งสิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ มันไม่ใช่หนังเกย์ทางกายภาพ หรือ จะเรียกว่าหนังSex ก็ว่าได้ แต่ตัวหนังมันสื่อด้วยแบบอื่นซะมากกว่า
Life of Pi นั้นผมต้องขอบอกเลยว่าถ้าท่านใดที่หวังว่าจะเข้าไปดูฉากสู้กันดุเดือด อลังการงานสร้าง สงครามระเบิดตูมตาม แบบ Transformers (สงสัยจะล่องเรื่องไปเจอเมกาทรอน เอะ แต่มันขึ้นมาตอนภาคสองแล้วนี่หว่า....) หรือจะให้ผมพูดตรงๆ เข้าไปดูเอาแต่ความสนุกอย่างเดียว ผมไม่แนะนำอย่างรุนแรงครับ ยิ่งแนวๆระเบิดภูเขาเผากระท่อม ผมแนะนำให้คุณปิดรีวิวนี้ไปเลยซะดีกว่า เพราะมันไม่ใช่หนังของคุณอย่างรุนแรงครับ แต่ !! แต่ !! ถ้าหากคุณชอบหนังที่แฝงไปด้วยอะไรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการ ประชด เสียดสีสังคม หนังที่สื่อถึงชีวิต หนังที่ภาพสวยสุดๆสวยชนิดที่ โอ้แม่จ้าว... เอาตุ๊กตา Oscar ไปเลยดีกว่าก็ว่าได้ ไปถึงฉากที่กระฉากอารมณ์คนดูต่างๆมากมาย เรื่องนี้ คุณห้ามด้วยประการทั้งปวงครับผม
Life of Pi ว่าด้วยเรื่องราวของเด็กผู้ชายชื่อ Pi ที่ครอบครัวของเขานั้นทำกิจการสวนสัตว์แต่วันหนึ่งครอบครัวของเขาต้องย้ายไปที่อื่นด้วยทางเรือ และเหตุที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะเรือลำนั้นได้โดนพายุเข้าโจมตีอย่างรุนแรงจนทำให้เรือจมลง (หยั่งกะ Titanic - - ) Pi เป็นคนเดียวที่รอดมาได้ และนี้เองก็เป็นจุดเริ่มต้น การผจญภัยที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดชีวิต
Life of Pi นั้นเรื่องที่ผมขอพูดเป็นอย่างแรกเลยก็คือ เรื่องภาพ ที่สวยมาก แบบ สวยไปไหน ? รวมไปถึง CG ที่ทำออกมาได้สวยจนอธิบายไม่ถูก รวมถึง สัตว์ต่างๆในเรื่อง ฉากต่างๆในเรื่องก็ทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม และเข้ากับองค์ประกอบรอบข้างได้อย่างลงตัว ซึ่งแต่ละฉากต่างๆในเรื่องเราจะเห็นได้เลยว่าเป็นการสื่ออารมณ์ของ Pi ในช่วงนั้นได้เป็นอย่างดี
ในด้านบทของ Life of Pi นั้นดูเผินๆเหมือนก็แค่เป็นการผจญภัยแบบใหม่ธรรมดาๆ แต่มันกลับไม่ใช่เช่นนั้นสิครับ เพราะ ด้วยการเอาประเด็นต่างๆ ความกดดันต่างๆ และ Event ในเรื่องต่างๆ มารวมกัน มันทำให้ Life of Pi เป็นภาพยนตร์ที่สุดยอดมาก และสิ่งที่ผมชอบอีกอย่างในเรื่องมากๆก็คือ การ "กล้า" ที่จะตั้งคำถามกับสังคมในหลายๆสิ่ง เช่น ความเชื่อในเรื่องของพระเจ้า , ชนชั้น , ชาติ , สันดานดิบของมนุษย์ , ความถูกต้อง , วิทยาศาสตร์ , เรื่องจริง - เรื่องหลอก , มนุษย์ และ สัตว์ และคำถามที่สำคัญในความคิดของผมจากเรื่องนี้ก็คือ " มนุษย์กับสัตว์เนี้ย มันต่างกันตรงไหนหรอ ? อะไรมาเป็นตัวตัดสินว่า มนุษย์กับสัตว์มันต่างกัน ? " แถมถ้าคุณตั้งใจดูดีๆคุณจะทราบว่าตัวหนังยังแอบให้โอกาสคุณในการตัดสินใจด้วย (ซึ่งถ้าหากท่านใดเคยอ่านหนังสือมาก่อนแล้วก็คงจะทราบอยู่แล้ว) ถึงแม้ในหนังจากที่ผมทราบมา ตัดหลายๆส่วนที่โหดร้ายไปเยอะ จากในหนังสือ ก็ไม่ได้ทำให้หนังนั้นลดความสุดยอดลงไปเลย ซึ่งนี้ก็ถือเป็นการพูดได้ว่า ทำการบ้านมาดีจริงๆ ไม่ใช่แต่อ่านๆให้จบๆแล้วสักเอาแต่เอาจุดไหนๆก็ได้ที่ดูว่าน่าจะขายได้มาแล้ว สักๆเอาแต่ว่ารีบๆทำแล้วรีบๆส่งมันออกไปขาย
นอกจากนั้นตัวหนังยังแทนความหมายของตัวละคร และสิ่งต่างๆในชนิดที่คุณคาดไม่ถึง พูดมาขนาดนี้แล้ว ผมจึงอยากจะบอกให้ท่านที่อยากจะชมเรื่อง Life of Pi ว่าให้ตั้งใจชมดีๆ แล้วท่านจะพบอะไรหลายๆอย่างจริงๆในเรื่อง เพราะเรื่องนี้ รายละเอียด มันเยอะจริงๆ ต่างกับตอนแรกที่ผมว่าเข้าไปหลับแหงม หนังตั้ง 2ชมกว่า ที่ไหนได้กลับติดหนึบติดหนับ ซึ่งคำตอบต่างๆที่คุณเจอในเรื่องนั้นแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกันก็เป็นได้ และมันไม่ใช่เรื่องผิดเลย เพราะตัวหนังนั้นให้อิสระกับคุณมาก ว่าคุณจะเชื่อแบบไหน
ยังครับยังไม่จบ อีกจุดหนึ่งที่ผมชอบมากๆก็คือ การกดดันคนดู และบีบหัวใจคนดูที่ทำออกมาได้อย่างสุดยอดจริงๆ ในบางฉากนั้นมันกดดันจนคุณแทบอยากจะปิดตา (แต่ไม่แนะนำให้ปิดเพราะในแต่ละฉากเหล่านี้นั้นแฝงความหมายไว้อยู่) นอกจากนั้น การแสดงของ Suraj Sharma หรือ Pi ในเรื่อง นั้นสุดยอดจริงๆ จนพาผมงงว่า เห้ยนี้เอ็งไม่เคยเล่นหนังมาจริงหรอ ?
Life of Pi ถึงแม้จะเป็นภาพยนตร์ที่ดีเท่าไรก็ตาม แต่แน่นอนแหละ ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ Perfect จุดหนึ่งที่ผมไม่ชอบสำหรับเรื่องนี้เลยก็คือ Soundtrack ที่ตั้งแต่ต้นยันจบเรื่อง ผมไม่ได้รู้สึกเลยว่ามีเพลงไหนที่ฟังแล้วรู้สึกว่ามันพาเราโลดแล่นไปเลย ต่างกับ Cloud Atlas หรือ ช่วงแรกของหนังที่แอบอืดหยั่งกะมาม่าไม่เอาดีกว่า ยำยำละกัน ค้างเดือน พาเอาแทบจะหลับตั้งแต่ต้นเรื่อง ยังดีที่ช่วงหลังจากนั้นตัวหนังน่าสนใจ ไม่งั้นคงหลับแน่นอน รวมไปถึงดีเทลต่างๆอีกหลายจุดที่คิดว่าน่าจะขยายไปได้มากกว่านี้ แต่กลับตัดจบซะดื้อๆ ไม่ทราบเพราะกลัวว่าหนังจะ 3 ชม. หรืออย่างไร รวมไปถึงบางจุดของหนังเช่นตัวคนเล่าสองคน ที่ช่วงต้นถึงกลางเรื่องนั้น มันค่อนข้างจะค่อนไปทางน่ารำคาญมากกว่า ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าสองคนนี้เป็นตัวละครที่สำคัญเลย นอกจากนั้นไม่ได้น่าสนใจเอาเสียเลย ไม่แน่ใจว่าเป็นที่ Dialog ผิดพลาด หรือ เลือกนักแสดงผิดพลาดกันแน่ นอกจากนั้น ตัวละครหลายๆตัวนั้นดูค่อนข้างจะไร้ความหมายสุดๆ เพราะแต่ละคนโผล่มาคนละ 10นาที หรือ มากสุด 20นาที ก็หายไปหมดแล้ว ซึ่งก็เข้าใจนะว่ามันต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว แต่ถ้าเราใส่ความสำคัญลงไปหน่อย เพิ่มอะไรบ้าง หรือ พูดถึงตัวละครเหล่านั้นในฉากที่มันกระทบจิตใจคนดูใหญ่ๆบ้างน่าจะดีกว่านี้ (อันนี้ไม่แน่ใจว่าทางผู้กำกับกลัวคนดูหลงทางรึเปล่าก็เลยไม่ได้ใส่มา)
Life of Pi เป็นภาพยนตร์ที่ได้แทบจะทุกอย่างสำหรับคนที่ชอบหนังคุณภาพ คติดีๆ สิ่งที่เอาไปคิดต่อได้ รวมไปถึงการตั้งคำถามในสิ่งต่างๆ และให้คุณมีส่วนร่วมในการตัดสินใจกับคำถามเหล่านั้น ซึ่งในแต่ละคนอาจจะตอบไม่เหมือนกันก็ยังเป็นไปได้อีก ซึ่งหายากนักภาพยนตร์แบบนี้ ยังไม่รวมถึงบทที่ทำออกมาได้ดี ตั้งใจเลือก และภาพที่สวยสุดๆ ซึ่งไม่ใช่สวยแบบคมชัดแจ๋วแบบ Transformers แต่สวยหยั่งกะภาพวาดแบบนั้นเลย ถึงแม้ตัวหนังจะมีข้อเสียบ้าง แต่หนังเรื่องไหนไม่มีล่ะครับ ?
The Best Quote from " Life of Pi "
" Above all : DON'T LOSE HOPE " - Pi
Final Score : A -
Thank you to : Life of Pi ( 2012 ) 20 Century Fox , IMDB for information
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น