วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556

Riddick ( 2013 ) Movie Review

Movie Review
โคตรเทพ โคตรเท่ ริดดิก กลับมาแว้ววว !!



Movie Name : Riddick ( 2013 ) , Thriller / Sci-fi / Action
Director : David Twohy ( Pitch Black , The Chronicle of Riddick )
Stars : Vin Diesel ( Fast And Furious Franchise ) , Jordi Molla ( Bad Boys 2 , Colombiana ) , Matt Nable ( Killer Elite ) , Katee Sackhoff ( Battlestar Galactica TV-mini Series ) , Dave Bautista ( The Man With The Iron Fists ) 
Rating : R








REVIEW



                                                                                          Riddick เป็นภาพยนตร์ภาคที่ 3 แล้ว ในภาพยนตร์ซีรียส์ Riddick โดยภาคแรกนั้นเข้าฉายในปี 2000 นั้นก็คือ Pitch Black นั้นเอง  ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่หลายๆคนชอบกันเลยทีเดียว แต่พอ 4 ปีต่อมา The Chronicle of Riddick เข้าฉายปุ๊ป ทุกคนก็แทบจะเบือนหน้าหนีกันเลยทีเดียว กับความออกสู่ทะเลอันไกลโพ้นของมัน จนมาถึงตอนนี้จากภาคแรกก็ 13 ปีกันเลยทีเดียว โดยคราวนี้ใช้ชื่อภาพยนตร์ดื้อๆเลย Riddick ซึ่งเรื่องราวจะต่อมาจากภาค 2 (The Chronicle of Riddick) เพราะ ฉะนั้นแนะนำให้ทุกท่านที่เข้าไปชม Riddick ในภาคนี้ ไปหาสองภาคแรกมาชมก่อนนะครับ ไม่งั้นอาจจะงงได้ 



Riddick เป็นภาพยนตร์ที่ผมต้องขอสารภาพเลย ว่าตอนแรกที่ผมเห็นตัวอย่างนั้น ผมไม่ได้ตั้งความหวังอะไรกับมันเลย ผมคิดว่ามันจะห่วยด้วยซ้ำไป ยิ่งมีนักแสดงอย่างพี่ Bautista มาด้วยแล้วยิ่งทำให้เป็นห่วง (จากกรณี The Man With The Iron Fists ) 



แต่ Riddick ก็ทำให้ผมประหลาดใจ อย่างแรกที่คิดว่าดีที่สุดชอบที่สุด และ เป็นทางเดินที่ถูกต้องแล้วสำหรับ Riddick เลย นั้นก็คือการกลับมาเป็นคล้ายๆกับ Pitch Black อีกครั้ง Element การเอาชีวิตรอดต่างๆของ Riddick มันช่างน่าสนใจ และผมต้องขอบอกเลยว่า Vin Diesel เขาแสดงเป็น Riddick ได้ดีมากๆเลยทีเดียว ไม่รู้ทำไมแต่ผมรู้สึกว่าเขา พอเล่นเป็น Riddick ปุ๊ป ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ก็ดูโคตรเท่ไปหมด ฉาก Action ต่างๆก็แสดงได้อย่างดีเยี่ยม รวมไปถึงคำพูดที่ค่อนข้างจะมีความสำคัญมีความหมาย ในทุกครั้งที่เขาพูดออกมา 


มีหลายๆ Emotion ที่ตัวภาพยนตร์ทำได้ดี เช่น เรื่องราวเกี่ยวกับ สัตว์ประหลาดที่คล้ายสุนัขในภาพยนตร์ ที่ผมว่าเป็นจุดที่ผมชอบมากที่สุดในเรื่องเลยก็ได้ เพราะ การปูตัวละครที่ดี การใช้ตัวละครอย่างชาญฉลาด ทำให้ผมรู้สึกชอบสุนัขตัวนี้จริงๆ ผมขอไม่พูดไปมากกว่านี้ละกันในจุดนี้ 



ครึ่งแรกในภาพยนตร์นั้นค่อนข้างจะดีเลยทีเดียว การเอาชีวิตรอด ในดาวประหลาด สัตว์ประหลาดใหม่ๆต่างๆ การปูเรื่องต่างๆที่ช่างน่าสนใจ น่าติดตามเหลือเกิน โดย เฉพาะฉากต่อสู้กับสัตว์ประหลาดแมงป่อง (?) ครั้งแรกสุดที่ผมรู้สึกว่ามันทำให้ผมเชื่อจริงๆว่า ตัวละคร Riddick นี้ เขาเก่งจริง เขารู้ดีจริง เขารู้วิธีที่จะเอาชนะสิ่งใหม่ๆได้เสมอๆ ไม่ใช่เขาชนะเพราะขึ้นชื่อได้่ว่าเป็นพระเอก ทำอะไรก็เทพเมพไปหมดโดยหาเหตุผลไม่ได้ หรือ เปิด God Mode ไม่มีวันบาดเจ็บ ไม่มีวันอ่อนแอ ไม่มีวันเหนื่อย ซึ่งมันจะน่าเบื่อมากๆถ้าหากตัวละครของ Riddick เป็นเช่นนั้น ซึ่งไม่เลยแม้แต่น้อย


ตัวละครตัวอื่นๆในครึ่งหลังของภาพยนตร์นั้นบางตัวก็มีเรื่องราว คาแรคเตอร์ นิสัย ความคิด ที่น่าสนใจอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆที่โดยปกตินั้น ภาพยนตร์แนวนี้เรามักจะไม่สนใจตัวละครอื่นด้วยซ้ำ ยังไม่รวมถึงเรท R ของภาพยนตร์ที่มีฉากโหดๆอยู่บ้างอาจจะถูกใจแฟนๆได้เป็นอย่างดี


ในช่วงหลังของภาพยนตร์นั้นภาพยนตร์คล้ายๆกับว่าจะเปลี่ยนมาเป็นอีกอารมณ์หนึ่ง จากในครึ่งแรกของภาพยนตร์ที่เป็นเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอด ธรรมชาติ Vs. Riddick และ ในช่วงหลังที่เป็น Riddick Vs. Bounty Hunter  รวมไปถึงอารมณ์ใหม่ๆในช่วงหลังของภาพยนตร์ที่ค่อนข้างจะสนุกอยู่พอสมควร



น่าเสียดายที่ Riddick เหมือนจะมาตกม้าตายเอาตอนจบเสียอย่างนั้น เพราะ เป็นฉากจบที่ช่างสับสน และ ไร้อารมณ์ เหมือนไม่รู้จะจบยังไงดี เลยจบแบบนี้ละกัน ที่อาจจะทำให้คุณพูดขึ้นมาระหว่างดูว่า "หะ จบแล้วหรอ ???"  CG ที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้  รวมไปถึงบางจุดที่ไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลเท่าใดนัก บทที่ต่อมาจากภาค 2 ที่น่าสนใจก็จริง แต่กลับทำให้รู้สึกว่า เหมือนจะต้องทำให้มันเป็นแบบนั้น ไม่งั้นหนังมันจะยิ่งออกทะเลเสียมากกว่า




Riddick เป็นภาพยนตร์ภาคต่อภาคที่ 3 ที่มี Element ต่างๆที่ช่างน่าสนใจ ตัวละคร Riddick ที่น่าสนใจ น่าติดตาม การแสดงของ Vin Diesel ที่โคตรเท่ห์ การสร้างอารมณ์ร่วมด้วยตัวละครอย่างเช่นสุนัขในภาพยนตร์ที่ทำได้ดี รวมไปถึงตัวละครบางตัวที่มีคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจอย่างไม่น่าเชื่อ และ การกลับมาเป็นการเอาชีวิตรอด ธรรมชาติ Vs. Riddick นั้นดูเหมือนจะมาถูกทางอย่างมากแล้ว ถึงกระนั้นก็ตาม Riddick ยังคงพลาดในหลายจุด เช่น CG ที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือ ฉากจบที่สับสน ไร้อารมณ์ร่วมจนแทบจะพูดได้เลยว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่มีแม้แต่ Climax ด้วยซ้ำไป แต่เนื่องจากมีหลายๆสิ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ผมคิดว่าทำได้ค่อนข้างจะดีแล้ว ผมจึงแอบหวังต่อไปใน ภาค 4 ภาค 5 ว่า ถ้าหากจะมี บทที่เขียนดีกว่านี้หน่อยล่ะก็ Riddick น่าจะเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่น่าติดตามมากเลยทีเดียว




The Best Quote from " Riddick "

" You're not afraid of the dark , are you ?
แกคงไม่ได้กลัวความมืดหรอก ใช่ไหม ? " - Riddick




+ จุดที่ภาพยนตร์ทำได้ดี :
+ ตัวละคร Riddick ที่น่าสนใจ น่าติดตาม
+ Vin Diesel แสดงเป็น Riddick ได้สุดยอด และ โคตรเท่ห์ !
+ การสร้างอารมณ์ร่วมด้วยตัวละครสุนัข
+ ตัวละครอื่นๆบางตัว ที่มีคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจ
+ การกลับมาจุดที่ Riddick ควรจะเป็น
+ ครึ่งแรกกับการเอาชีวิตรอดที่ช่างน่าสนใจเหลือเกิน และ ครึ่งหลังที่เปลี่ยนมาอีกอารมณ์หนึ่งได้อย่างดี


- จุดที่ไปไม่รอด :
- CG ที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้
- ฉากจบที่สับสน ไร้อารมณ์ร่วม หา Climax ของภาพยนตร์ไม่เจอ
- บทที่ต่อมาจากภาค 2 ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า มันจะต้องเป็นแบบนี้เพราะไม่งั้น ภาพยนตร์จะมันจะยิ่งออกสู่ความเวิ้งว้าง อันไกลโพ้นไปมากกว่านี้
- บางจุดในภาพยนตร์ที่ไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนัก




Final Score : [ B ] 

1 ความคิดเห็น: