Movie Review
"ถึงเวลาหลงรักไปกับ Saving Mr.Banks"
Saving Mr.Banks ( 2013 ) เป็นภาพยนตร์ของผู้กำกับ จอห์น ลี แฮนค็อก เจ้าของผลงานระดับออสการ์อย่าง The Blind Side ในปี 2009 ที่เรียกได้ว่าค่อนข้างที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้เขียนไม่น้อยเลยทีเดียว จากความอบอุ่นของมัน ในคราวนี้เขากลับมาในภาพยนตร์เรื่องใหม่อย่าง Saving Mr.Banks ซึ่งนำแสดงด้วยดาราระดับรางวัลออสการ์อีกเช่นกัน ซึ่งมีกันถึงสองคน นั้นก็คือ Tom Hanks และ Emma Thompson
Saving Mr.Banks ว่าด้วยเรื่องราวของ วอลท์ ดิสนีย์ (ผู้สร้างค่าย Disney นั้นแหละ) ที่พยายามเกลี้ยกล่อม พาเมล่า ให้เซ็นสัญญาอนุญาติให้เขานำหนังสือ Mary Poppins ของเธอไปสร้างเป็นภาพยนตร์ให้จงได้
สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดใน Saving Mr.Banks เลยก็คือตัวละครอย่าง "พาเมล่า" นี้แหละ เพราะตัวหนังนั้นค่อนข้างที่จะสร้างตัวละครของเธอให้ดู ร้ายกาจ โหด และเย่อหยิ่ง เป็นอย่างมาก เรียกได้เลยว่า ความประทับใจครั้งแรกของผู้ชมคงไม่ค่อยประทับใจและอยากที่จะเอาใจช่วยตัวละครนี้เท่าไรนักเลย แต่ ! เมื่อภาพยนตร์ดำเนินไปเรื่อยๆ ตัวหนังก็ช่างถ่ายทอดเรื่องราวเบื้องหลังตัวละครพาเมล่าออกมาได้ดีเหลือเกิน จนทำให้เรารู้สึก เข้าใจในตัวเธอ ว่าทำไมเธอถึงได้มีความคิดและนิสัยเช่นนี้ออกมา ยิ่งผนวกกับการแสดงที่น่าทึ่งของ Emma Thompson ไปด้วยแล้ว ยิ่งแล้วใหญ่ จนในท้ายที่สุดจากการที่เราควรจะหมั้นไส้ และเกลียดเธอ กลับกลายเป็นหลงรักและเอาใจช่วยเธอไปอย่างเต็มอกเต็มใจ
อีกครั้งกับ จอห์น ลี แฮนค็อก ที่เขายังคงนำความรู้สึก "อบอุ่นหัวใจ" เข้ามาในภาพยนตร์ซึ่งเราก็รู้สึกมันได้อย่างเต็มที่เสียเลยจริงๆ ไม่ว่าจะหัวเราะ หรือ น้ำตาซึม เขาก็จัดการกับผู้ชมได้อย่างอยู่หมัดเสียจริงๆ ซึ่งนั้นก็เป็นผลมาจากการเล่าเรื่องอันไหลลื่น และน่าสนใจอยู่ตลอดเวลาของเขา โดยเฉพาะการตัดสลับเล่าเรื่องระหว่างอดีตและปัจจุบันของตัวละคร เขาก็ทำได้เป็นอย่างดี เพราะมันช่างไหลลื่น และเชื่อมต่อในแต่ละฉากได้อย่างน่าสนใจ น่าทึ่งสุดๆ
ทีมนักแสดงก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Saving Mr.Banks เลยก็ว่าได้ นอกจาก Emma Thompson แล้ว นักแสดงคนอื่นๆอย่าง Tom Hanks ก็ยังคงแสดงได้อย่างน่าทึ่งเช่นเคย โดยเฉพาะบทที่ค่อนข้างจะหนักอย่าง วอลท์ ดิสนีย์ ซึ่งเขาก็ทำให้เราเชื่อได้จริงๆว่านี้คือ วอลท์ ดิสนีย์ หรือนักแสดงรองอื่นๆก็แสดงได้ดีไม่แพ้กันไม่ว่าจะเป็น Paul Giamatti ที่ผู้เขียนมักจะติดภาพว่าเขารับบทเป็นผู้ร้ายเสียมากกว่า แต่พอมาได้ชมการแสดงของเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้กลับรู้สึกชอบเขาอย่างบอกไม่ถูก เพราะเขา "น่ารัก"เหลือเกิน และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดเลยก็คือ Colin Farrell ที่ผู้เขียนรู้สึกว่าเป็นเรื่องล่าสุดที่รู้สึกว่าเขาแสดงได้อย่างดีและเต็มที่จริงๆ (ในขณะที่เรื่องก่อนๆดูเหมือนไม่ค่อยตั้งใจเท่าไร)
Saving Mr.Banks พูดถึงอดีตที่แสนเจ็บปวดของเราๆ ทุกคนมักจะมีความทรงจำที่ไม่อยากจะพูดถึง และรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่คิดถึงมัน ซึ่งภาพยนตร์ก็พูดว่าเราควรที่จะ"ปล่อย"มันไปบ้าง เพราะการเก็บมันเอาไว้ก็ไม่ได้อะไรนอกจากความเจ็บปวด ซึ่งในทฤษฏีมันดูจะเป็นข้อคิดที่ดีและชวนฝันไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว แต่...มันกลับเป็นจุดที่ทำให้ Saving Mr.Banks น่าถูกตั้งคำถามอย่างมาก ใช่เราควรจะปล่อยมันไปบ้างก็จริงความเจ็บปวดเหล่านั้น แต่ในท้ายที่สุดแล้วมันก็จะยังคงไม่ไปไหน และมันก็จะยังตามมาหลอกหลอนเราอีกไม่ใช่หรือ ? เพียงแค่การปล่อยหรือระบายมันออกไป ผู้เขียนคิดว่ามันไม่ได้ทำให้ปัญหาถูกแก้ไขแต่เป็นการหลีกหนีและปฏิเสธความจริงที่แสนเจ็บปวดเสียมากกว่า ซึ่งภาพยนตร์เองก็ไม่ได้ตอบคำถามนี้แบบชัดเจนเสียด้วย แต่กลับพูดแค่ว่า "ปล่อยมันไป" เพียงเท่านั้น (พูดแล้วคิดถึงเพลง Let It Go ของ Frozen) นี้ยังไม่นับถึงท่าที่ของ วอลท์ ดิสนีย์ ในภาพยนตร์ที่จริงๆแล้วเขาก็ไม่ได้สนใจหรือแคร์อะไรมากในความรู้สึกของ พาเมล่า เพียงแต่เขาอยากที่จะสร้างภาพยนตร์ที่มีตัวละครของเธออยู่ในนั้น ก็เท่านั้นเอง
ในท้ายที่สุดแล้วถึงแม้ว่า Saving Mr.Banks จะมาตกม้าตายเอาตอนท้ายอยู่บ้างแต่ผู้เขียนก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้เช่นกัน ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มันทำให้รู้สึก อบอุ่น ลึกซึ้ง และหลงรักอย่างเต็มเปาจริงๆ
Final Score [ A ] & [ Must See Badge ]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น