บนเครื่อง : PC , XBOX360
Alan Wake ( 2010 ) เป็นเกมของทีมผู้สร้าง Remedy Entertainment ที่เรียกได้ว่าเป็นผลงานที่น่าทึ่งมากๆเกมหนึ่ง ไม่ว่าจะในด้านของการเล่าเรื่อง บทสนทนาในตัวเกม เนื้อเรื่อง และเกมเพลย์ที่ตื่นเต้น น่าค้นหาสุดๆ
Alan Wake เป็นเกมแนว Action / Thriller ที่ว่าด้วยเรื่องราวของ Alan Wake ตัวเอกของเกม เป็นนักเขียนหนังสือนวนิยายแนวสยองขวัญ ที่วันหนึ่ง ระหว่างที่เขากับแฟนของเขา ได้ไปพักที่กระท่อมริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง เหตุการณ์ที่น่าตกใจก็เกิดขึ้น เมื่อแฟนของเขาได้ถูกลักพาตัวไป และทุกๆสิ่งทุกๆอย่างรอบๆตัวเขา ก็เริ่มกลายเป็นสิ่งที่เขาเขียนขึ้นมาในหนังสือของเขาจริงๆ
สิ่งแรกที่น่าชื่นชมมากที่สุดใน Alan Wake เลยก็คือ การเล่าเรื่องของตัวเกม ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องที่ผสมผสานระหว่างภาพยนตร์กับ TV-Series ที่แยกเป็น ตอนๆ (Episode) ไป ซึ่งในแต่ละตอนนั้น ตัวเกมจะให้ผู้เล่นนั้นได้เดินทางผจญภัยตามหาความจริงต่างๆที่อยู่ในตัวเกม ซึ่งสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากที่สุดก็คือระบบที่ให้ผู้เล่นได้ตามเก็บกระดาษที่ในแต่ละอันที่เราเก็บได้ มันจะเป็นคล้ายๆ 1 หน้าในหนังสือของตัวเอก หรือก็คือ เป็นการบอกใบ้ว่าผู้เล่นจะต้องเจออะไรต่อไป ซึ่งการเขียน บทพูดในแต่ละหน้านั้น ทำได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆ เพราะมันทำให้ผู้เล่นจินตนการไปถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แต่ต้องมาแน่ๆไปเอง เช่นรู้สึกสยดสยอง ตื่นเต้น และหวาดผวา (ทั้งๆที่เมื่อเจอจริงๆมันจะไม่ได้น่ากลัวเท่าไรก็ตาม)
รวมไปถึงความน่ากลัว และตื่นเต้นของ Alan Wake ในทุกๆตอนก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว โดยเฉพาะการสร้างบรรยากาศในเกมที่คล้ายๆกับเกม Silent Hill ที่เต็มไปด้วยหมอก ความมืด เพียงแต่ว่า Alan Wake มักจะให้ผู้เล่นเดินตามป่าเขาตลอด ซึ่งตัวเกมก็ใช้ความเป็นป่าและเขานี้ให้เป็นประโยชน์ โดยการแอบซุ่มโจมตีผู้เล่นให้ตกใจเล่นบ้าง และมันทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าจะต้องระมัดระวังตัวและกลัวทุกๆสิ่งรอบข้างตลอดเวลา ในด้านของการดำเนินเรื่องราวก็ทำให้ผู้เล่นรู้สึกสนใจ และน่าติดตามได้โดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการผูกปมและจุดขัดแย้งต่างๆของตัวละครที่ทำได้น่าสนใจ หรือการใช้เทคนิค การพากษ์เสียงลงไป ในขณะที่กำลังเล่น ทำให้รู้สึกว่าเนื้อเรื่องหรือเรื่องราวนั้น กำลังเดินไปข้างหน้าตลอดเวลา ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่
ในด้านของการเล่นหรือเกมเพลย์นั้น โดยรวมถือว่าทำได้อยู่ในระดับพอใช้ได้ ซึ่งในส่วนนี้มันจะไปผูกกับส่วนเนื้อเรื่องอยู่ด้วย นั้นก็คือจะต้องใช้ไฟฉายส่องศัตรูก่อนที่จะยิงมัน ซึ่งเป็นแนวเกมยิง Shooting ที่ออกแนวเอาชีวิตรอดมากกว่าที่จะเน้นสนุกหรือซะใจ ในด้านของการให้ไอเทมหรือของกับผู้เล่น ในระดับ Normal นั้นก็ถือว่าทำได้ดีเยี่ยม ไม่มากจนหมดความสนุกหรือไม่น้อยจนยากเกินไป และตัวเกมก็มักจะให้รางวัลกับผู้เล่นที่พยายามเดินหาไอเทมหรือของ ในทางแปลกๆเสมอๆ น่าเสียดายที่ในส่วนของเกมเพลย์ ยังถือว่ายังมาได้แค่นี้ ตั้งแต่ต้นยันจบไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงซักเท่าใดนัก นอกจากศัตรูเยอะขึ้นและอึดขึ้น ถ้าหากตัวเกมจะมีการให้ผู้เล่นได้ใช้สมองในการเล่น มินิเกม หรือเกมย่อยๆ แก้ปัญหาในด่านต่างๆได้อย่างซับซ้อนและน่าสนใจกว่านี้ก็คงจะดีมาก เพราะในขณะนี้ มินิเกมมันเป็นอะไรที่ง่ายเหลือเกิน เดินไปกดนี้ แล้ววิ่งไปขึ้นแท่นตรงนั้น แค่นี้ก็จบแล้ว ยังถือได้ว่าห่างไกลจากความซับซ้อน กดดัน น่าหวาดกลัว ของเกมอย่าง Silent Hill อยู่มาก
สำหรับตัวละครใน Alan Wake นั้น โดยรวมแล้วแต่ละตัวละครถือว่าปูและเล่าเรื่องมาได้น่าสนใจพอสมควรเลยทีเดียว โดยเฉพาะตัวละครเพื่อนสุดซี้ของ Alan Wake อย่าง Berry ที่มักจะสร้างมุขตลก โปกฮา ให้กับผู้เล่นเสมอๆ ซึ่งในตอนแรกๆนั้นอาจจะรู้สึกรำคาญไปอยู่บ้าง แต่เมื่อเล่นจบผู้เล่นแทบจะทุกคนก็น่าจะรู้สึกแอบชอบหรือหลงรักตัวละครนี้ไปไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งหนึ่งในสาเหตุ ก็คงจะหนีไม่พ้นการที่เขาเป็นเพียงสีสันและความบันเทิงเล็กๆน้อยๆที่ตัวเกมพยายามจะแอบหยิบยื่นให้ ท่ามกลางเรื่องราวที่มืดมน น่ากลัว และกดดันตลอดทั้งเกมเช่นนี้ น่าเสียดายที่ตัวละครฝั่งตรงกันข้ามกับพระเอกนั้น ดูจะไม่ค่อยได้รับความรักซักเท่าไรนัก เช่นตัวละครอย่าง Robert Nightingale กลับเป็นตัวละครที่อยู่ดีๆจะโผล่ก็โผล่มาอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง ซึ่งผลของมันก็คือ ความไม่น่าสนใจ แบนและไร้อารมณ์ของตัวละคร
นอกจากนั้นแล้ว ในด้านของฉากจบหรือตอนจบของเกม ก็เรียกได้ว่าไม่ชัดเจนหรือไม่เคลียร์อย่างสุดๆจนมีการสร้างสมมุติฐานหรือถกเถียงกันมากมายในโลกโซเชียล ซึ่งในจุดนี้คาดว่าน่าจะเป็นการสร้างปมสำหรับ ภาคต่อ หรือ DLC ที่เป็นการตลาดที่ไม่ค่อยน่าชื่นชมเท่าไรนัก
อีกส่วนสุดท้ายที่เรียกได้ว่าสำคัญมากๆในเกม ซึ่งหลายๆคนน่าจะมองข้ามกันไป นั้นก็คือตัวเนื้อหาหรือสิ่งที่ตัวเกมต้องการจะพูดถึง ซึ่งเป็นส่วนที่จริงๆแล้วสำคัญมากๆ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่มีเกมอย่าง Bioshock Infinite ออกมา ซึ่งแทบจะเป็นเกมที่เรียกได้ว่า Master Piece จากการเสียดสี แดกดัน และติ เตือน ความเป็นอเมริกันของมัน ซึ่งใน Alan Wake นั้น เป็นเกมที่พูดถึงเรื่องราวระหว่าง แสงสว่าง กับ ความมืด ที่ในท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีใครที่จะปฏิเสธได้เลยว่า เรา โลก หรือทุกๆสิ่งทุกๆอย่างจำเป็นจะต้องมีมันทั้งคู่ เราไม่อาจจะมีแต่เพียงแสงสว่าง หรือ เพียงความมืดได้ เพราะถ้าหากมีแต่แสงสว่างโดยไม่มีความมืด เราก็จะไม่มีวันได้เห็นเงาของตัวเองว่าเป็นเช่นไร เราไม่อาจจะมีแต่คนดี โดยไม่มีคนเลวได้ เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้น เราคงจะต้องมาตั้งคำถามกันว่า คนดีมันคืออะไร ? เช่นเดียวกับชีวิตของมนุษย์ ที่จะต้องมีทั้งดีและแย่ผสมกันไป ไม่มีทางที่จะดีไปตลอด และแย่ไปตลอด และตัวเกมยังพูดอีกว่า ผู้ใดก็ตามที่พยายามจะฝ่าฝืนกฏๆนี้ จะต้องล้มอย่างไม่เป็นท่าอีกด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นการพูดถึงคำจำกัดความของโลกได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการที่ตัวเกมเล่าเรื่องได้เป็นอย่างดี ก็ยิ่งทำให้ข้อความนี้ยิ่งน่าเชื่อถือเข้าไปอีก ถึงแม้ว่าข้อความหรือข้อคิดเช่นนี้ จะพูดกันมาหลายครั้งแล้วก็ตาม
จริงๆแล้วต้องแอบแถมท้ายไปนิดๆอีกด้วยว่า ถ้าหากใครที่ได้เล่นเกมๆนี้ แล้วได้บังเอิญไปนั่งชมรายการ Night Springs ที่แอบซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆในเกมทุกๆ Episode แล้วล่ะก็ ยังจะรู้ด้วยอีกว่า ตัวเกมไม่ใช่แค่พูดถึง ความดีและความชั่วเท่านั้น แต่ยังนำวิทยาศาสตร์มาตีความร่วมกับสิ่งลึกลับ และตั้งคำถามกับมันได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งของแถมเล็กๆน้อยๆที่ห้ามพลาดเช่นกัน
Alan Wake ในท้ายที่สุดแล้วถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้ไปไกลถึงเกมในตำนานอย่าง Silent Hill ซักเท่าไรนัก แต่ก็ถือได้ว่าเป็นเกมแนวสยองขวัญที่เป็นการถ่ายทอดความคิดตกผลึกและวัฒนธรรมของชาวตะวันตกได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการพูดถึงความดี ความชั่ว , ความมืด หรือแสงสว่าง ปัญหาของวัฒนธรรมสมัยใหม่ เช่นปัญหาภายในครอบครัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันถูกเอามาตีความและถ่ายทอดได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะยังขาดในด้านของเกมเพลย์หรือในส่วนการเล่นไปบ้าง แต่โดยรวมก็ถือได้ว่า เป็นอีกหนึ่งเกมที่น่าติดตามและไม่ควรพลาดเลยทีเดียว สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า สนับสนุนของแท้ด้วยนะครับผม จะได้มีภาคต่อๆไปให้เราได้เล่นกัน (บน Stream เคยลดเหลือถูกมากๆเลยนะเอ่อ)
Final Score : [ B+ ] & [ Must Play Badge ]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น