วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Dredd 3D ( 2012 ) Movie Review

Movie Review





Movie Name : Dredd 3D ( 2012 ) Action / Sci-fi
Director : Pete Travis ( Vantage Point ) 
Stars : Karl Urban ( Doom , The Bourne Supremacy ) , Olivia Thirlby (  The Darkest Hour ) 
Rating : R ( Strong Violence , Drugs , Sexual Theme )





(REVIEW)
(THAI)


Dredd 3D ต้องขอบอกไว้ก่อนอย่างแรกเลยว่าตัวผมเองนั้นไม่ได้ชม Dredd ในเวอร์ชั่น 3D นะครับแต่ชมในโรงธรรมดา Dredd นั้นเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องแล้วที่ผมเดาจากการดูตัวอย่าง ว่าห่วยแตกแน่นอน แต่พอมาดูจริง กลับสุดยอด กลับชอบ และต้องขอบอกอีกว่า Dredd 3D นั้นเป็นภาพยนตร์ที่ ไม่ควรให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ชมครับ เพราะ มีฉากดิบ เถื่อน โหด เยอะมาก มีการใช้ยา และยังมีฉากเกี่ยวกับเพศอีก
แต่ นี้แหละเป็นจุดที่ผมชอบเอามากๆใน Dredd เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง เวลาฆ่ากัน เวลามีคนตายก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ ไม่ใช่ฉากศพสวยเฟคๆแบบในหลายๆเรื่อง 




Dredd เป็นภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของ Dredd ตุลาการที่คอยพิพากษา เหล่าตัวร้ายในเรื่อง ซึ่งจะว่าไปก็คล้ายๆตำรวจนั้นแหละ แต่จะต่างตรงที่ Dredd นั้นมีสิทธิขาด ในการที่จะตัดสินใจ ได้เองทุกอย่าง ถ้าเขาเห็นว่าคุณสมควรตาย ล่ะก็ เตรียมตัวกินกระสุนได้เลย เพราะเขาไม่มีคำว่าปราณี โดยฉากในภาพยนตร์จะเป็นหลังจากสงครามอาวุธเคมี ซึ่งทำให้โลกนั้นเริ่มจะล่มสลาย และทำให้พื้นที่ๆปลอดสารพิษมีค่า แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้จิตใจมนุษย์สำนึกซักเท่าไร เพราะก็ยังคงมีอาชญากรมากมาย การฆ่ากันแบบโหดร้ายทารุณ หรือการเสพยา Slow-Mo ซึ่งเป็นยาที่ทำให้ทุกอย่างดูช้าลง ในขณะ ที่ Dredd กำลังไปทำคดีในตึกเหล็กที่หนึ่ง แตดันซวยดันไปล้วงความลับผิดคน Ma-Ma ผู้ซึ่งเป็นคนคุมตึกนั้นจึงได้ล็อค Dredd เอาไว้กับ ตุลาการฝึกหัดคนนึง เอาไว้ข้างในซะ และสั่งให้ทุกคนในตึก ฆ่าพวก Dredd ซะ !! ความมันส์จึงบังเกิด



Dredd ถ้าพูดถึงในด้านบทนั้น จริงๆดูโดยรวมเหมือนจะไม่มีอะไรเลย นอกจาก ฝ่ายพระเอกถูกขังไว้ในตึกและต้องตามฆ่าฝ่ายตัวร้าย แต่ในภาพยนตร์ในแต่ละช่วง ก็แฝงไปด้วยความหมายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเสียดสี โลก เช่น สงคราม , เพศ , การกดขี่ข่มเหง , สังคมที่เน่าเละเทะ ได้อย่างดีเยี่ยม และบทก็ยังมีหลายๆจุดที่ทำให้รู้สึก สนุก และน่าติดตามอีกด้วย

ในด้านของฉาก Action นั้น คอดิบๆเถื่อนๆ น่าจะถูกในกันมากพอสมควร เพราะ ในเรื่อง Dredd นั้น เรียกได้ว่า ใจไม่แข็งพออาจจะปิดตาเอาง่ายๆ เพราะเรียกได้ว่า โหด สุดๆ เช่น ฉากที่โยนคนลงมาจากชั้นสูงๆลงมาชั้นล่างสุดก็เห็นตั้งแต่ ลอยกลางอาการ ยันหน้ากระแทกพื้นเลยทีเดียว โดยไม่มีการตัดมุมกล้องใดๆเลย เห็นหน้าแตก เลือดสาด กันชัดเจน และด้วย ตัว Dredd เองมีอาวุธที่น่าสนใจ และเปลี่ยนได้หลายรูปแบบ ทำให้เรารู้สึกสนุก และมันส์ตลอดเวลา ว่าต่อไปมันจะเกิดอะไรขึ้น แต่่ถ้าดูดีๆแล้ว เราจะเข้าใจได้ว่า Dredd นั้นไม่ใช่ประเภทวิ่งเดินผ่านแล้วศัตรูตายแบบในหนังแอ๊คชั่นหลายๆเรื่อง แทบทุกฉาก เขาจะมีวิธีการเสมอ เช่นใช้ระเบิดแสงก่อน ใช้กระสุนพิเศษ เป็นต้น 


อีกจุดหนึ่งใน Dredd ที่เรียกได้ว่าทำออกมาดีมากๆคือฉากการเสพยา Slow-Mo ที่ทำให้ทุกอย่างดูช้าลง หลายๆคนอาจจะกลัวว่า มันอาจจะมากไปแบบเรื่อง Resident Evil แต่จริงๆแล้ว มันค่อนข้างจะพอดีเอามากๆ แถมยังมีเหตุผลในตัวมันเองอีกต่างหาก เพราะฉาก Slow-Mo ในเรื่องนี้มาจากการที่พวกเขาเสพยา ทำให้ทุกอย่างดูช้าลง และภาพตอนนั้นๆก็ดูมีมิติ ดูสวยงามอย่างที่ฉาก Slow-Mo ควรจะเป็นจริงๆ ไม่ใช่แบบ Resident Evil ฉาก Slow-Mo ทุก 5วิ แถมยังไม่มีเหตุผลรองรับอีกต่างหาก 

ในด้านของนักแสดงเรียกได้ว่าหาคนเหมาะกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วอย่าง Karl Urban ที่ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเห็นเขาเล่นเป็นตัวประกอบ แต่บอกได้เลยว่า ไม่มีใครเหมาะกับบท ตุลาการสุดโหด Dredd นอกจากเขาอีกแล้ว และสิ่งที่ยากในการแสดงก็คือ Dredd นั้นไม่เคยเปิดเผยหน้าตาของเขา จะเห็นก็เพียงส่วนปากเท่านั้น ซึ่งตัว Karl เองก็แสดงออกมาได้ดี จนเชื่อเลยว่า นี้แหละ คือตุลาการ สุดโหด และเขานี้แหละ คือกฏหมาย " I'm the LAW !!!" 


มาถึงช่วงแห่งการสับกันบ้าง ใช่ว่า Dredd นั้นจะมีแต่ข้อดี เพราะมีหลายๆจุดในเรื่องที่ค่อนข้างจะน่าเสียดายอยู่เหมือนกัน เช่น โลเคชั่นที่แทบจะทั้งเรื่องอยู่แต่ในตึกๆเดียว นอกจากนั้นเรื่องราวของ Ma-Ma ก็ยังปูมาได้น้อยเกินไป จนทำให้มี งงๆว่า ทำไมเธอถึงทำแบบนี้ กับบทที่ยังไม่ค่อยมีอะไรเป็นสเกลใหญ่ๆที่จะพอดึงคนดูได้จำนวนมากๆ ถ้าหากมีภาคต่อไปแล้วแก้ในจุดเหล่านี้ได้ Dredd จะเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่ง ที่เป็น ภาพยนตร์ ใหญ่แห่งปีได้เลย



Dredd เป็นภาพยนตร์ที่ เอาเรื่องคำคม เสียดสี ความรุนแรง เป็นอันดับแรก ความมันส์เป็น อันดับสอง ซึ่งมันค่อนข้างจะถูกใจผมอยู่ไม่ใช่น้อย นอกจากนั้นฉากแอ๊คชั่นก็ยังมันส์ ซะใจ อีกต่างหาก เป็นเรื่องที่อยากให้มีภาคต่อจริงๆ


Final Score : B+





(ENGLISH)


The Good : 
- Full of Violence and  Drugs  THIS IS DREDD !!!
- Interesting Screenplay
- Great Acting 
- Great Casting
- Good Action Scene
- Make Sense , Beautiful , Satisfied (Not too much like Resident Evil ) Slow-mo Scene (Finally !!) 


The Bad :
- lack of Ma-Ma backstory
- 65% of Movie are just in one location


Suggestion : This is movie you should go and see it or you may face with LAW !!!!


Totally Score : B+





Thankyou to : Dredd 3D (2012) , IMDB for information

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น