วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Beautiful Creatures ( 2013 ) Movie Review

Movie Review
ภาพยนตร์ชุดใหม่ที่จะมาแทน Twilight ??? ( รึเปล่า )





Movie Name : Beautiful Creatures ( 2013 ) , Romance / Fantasy / Drama
Director :  Richard LaGravenese ( P.S. I Love You ) also Screenplay
Stars :  Jeremy Irons ( Margin Calls ) , Alden Ehrenreich ( Tetro ) , Alice Englert ( Ginger & Rosa ) , Emmy Rossum ( The Phantom of The Opera )
Rating :  PG - 13






REVIEW THAI



                                                                 Beautiful Creatures เป็นภาพยนตร์แนวรัก โรแมนติก ผสม แฟนตาซี อีกเรื่องหนึ่งของ Summit ที่เราๆจะรู้จักผลงานของค่ายนี้ดีจาก Twilight Trilogy ที่เพิ่งจะจบไปเมื่อปีที่ผ่านมาหมาดๆ สดๆร้อนๆ Beautiful Creatures เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องนึงที่มีต้นฉบับมาจาก หนังสือ เช่นเดียวกับ Twilight ซึ่งมีด้วยกันถึง 4 เล่มเลยทีเดียวคือ
Beautiful Creatures - Beautiful Darkness - Beautiful Chaos และ Beautiful Redemption เล่มจบที่เพิ่งจะออกมาสดๆร้อนๆ เมื่อ ตุลาคม 2012 ที่ผ่านมานี้เอง !! โอ้ว มันช่างเป็นอะไรที่บังเอิญ (รึเปล่า ?) เช่นนี้




ซึ่งก็คงคาดได้ไม่ยาก ว่านี้ก็คงเป็นภาพยนตร์ชุดใหม่ของ Summit ที่มาแทน Twilight แหงมๆ ซึ่งก่อนอื่นผมต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่า ส่วนตัวคิดว่า Twilight Trilogy นั้นไม่ได้แย่ขนาดนั้น มันก็คือหนังรัก สงครามรัก แต่ คนหลายๆคนชอบนึกว่ามันเป็นหนังวัยรุ่นชาย ระเบิดตูมตาม อลังการ ฟันแขนขาด แบบ Transformers ซึ่งมันแทบจะคนละแนวเลย จึงอยากให้หลายๆท่านเปิดใจรับซักนิดนึง แต่ต้องขอบอกก่อนเลยครับว่า Beautiful Creatures นั้นไม่ใช่ภาพยนตร์ ที่จะรักเลิฟซีนกันมากจนเกินไป และดูง้องแง้งเล็กน้อย แบบ Twilight แน่นอน มันจะดูผู้ใหญ่กว่า ดาร์คกว่า จริงจังกว่า มาก ไม่ได้เน้นไปที่ความรักมากจนเกินไป จนน่ารำคาญแบบ Twilight  



Beautiful Creatures นั้นได้ตัวผู้กำกับอย่าง Richard LaGravenese จาก P.S. I Love you มาเป็นผู้คุมทุกๆอย่างในหนัง รวมถึงเขียนบทภาพยนตร์ด้วยอีกต่างหาก ซึ่งเขาคนนี้ นั้น ค่อนข้างที่จะผ่านหนังรักมาเยอะพอสมควร แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า เขาเคยกำกับหนังเพียง 5 เรื่องเท่านั้น ก่อนที่จะมากำกับเรื่องนี้ แถมแต่ละเรื่องก็ไม่ค่อยจะเวิรค์ซักเท่าไร ซึ่งนี้ก็อาจจะทำให้เป็นปัญหาได้ สำหรับ Trilogy ที่ดูน่าสนใจแบบนี้ 





Beautiful Creatures เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักระหว่าง Ethan  กับ Lena ซึ่ง Lena นั้นเป็น Caster หรือจะให้พูดแบบเข้าใจง่ายๆก็คือ แม่มด นั้นแหละ ซึ่งในเวลาอันใกล้นี้เธอจะอายุ 16 ปีพอดี ซึ่งเธอจะต้องถูกเลือก ว่าจะไปอยู่ฝ่าย แสงสว่าง หรือ ความมืด  พลังของเธอนั้นแก่กล้าขึ้นเรื่อยๆ และ เธออาจจะเป็น Caster ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยก็เป็นได้ ซึ่งชะตาของโลกใบนี้ อาจจะขึ้นอยู่กับเธอ ???



Beautiful Creatures  เป็นภาพยนตร์รัก แฟนตาซี เรื่องแรกของ Summit ที่ต้องขอพูดเลยว่า อย่างน้อยพวกเขาก็เริ่มเข้าใจคนดู "บ้าง" ย้่ำว่าบ้าง ก็เพราะ ตัวหนังไม่ได้เน้น ความรักมากมายจนแทบอยากจะเอียนตาย เหมือน Twilight Trilogy แต่ก็ยังคงอยู่ในสเกลที่เรียกได้ว่า เยอะ เกินไปนิดหน่อยอยู่ดี ซึ่งอาจจะถูกใจแฟนๆหนังสือ หรือ คุณผู้หญิงทั้งหลาย แต่ถ้าผู้ชายทั่วๆไปก็คงอาจจะพาเบื่อได้   สิ่งหนึ่งเลยที่ผมคิดว่าเป็นจุดแข็งที่สุดของภาพยนตร์เลยก็คือ บท เดิม ที่เรียกได้ว่ามันช่างดูยิ่งใหญ่ อลังการ มากกว่า Twilight หลายเท่า ไม่ว่าจะเป็นคำพูดต่างๆในหนัง เพราะมันมีเรื่องของ แสงสว่าง และ ความมืด หรือ ความดี และ ความชั่วเข้ามาอยู่ในเรื่อง อันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะ การแสดงอันทรงพลังของ Jeremy Irons รึเปล่า ที่ไม่รู้ทำไมเวลา ฉากไหนมีเขาคนนี้ยืนอยู่ทีไร มันดูอย่างกับ หนังอลังการงานสร้างทุกที เพราะ การแสดงของเขา มันช่างดูจริงจัง ตราตรึงสุดๆ ซึ่งขอบอกตามตรงว่าตอนผมดูเรื่อง Margin Calls ของแก ก็รู้อยู่แล้วหล่ะว่าแกมีออร่าแบบนี้อยู่ แต่ พอมาเรื่องนี้ เหมือนบทที่เขาได้รับค่อนข้างจะเข้าทางสุดๆ จนออร่ามัน เกือบจะบังนางเอก พระเอก มิดซะแทน


พูดถึงการเลือก แสงสว่าง และ ความมืด นั้น ต้องขอชมว่า ตัวหนังจบภาคนี้ได้ แบบไม่เป็นในเทพนิยาย จนเกินไป แต่จบได้อย่างพอดี ไม่เวอร์เทพนิยายกรีก ปยอ. เกินไป รวมถึง ไม่ใช่แบบหักหลังคนดูไปเลย (ถึงตรงนี้หลายๆคนดีไม่ดีคงจะเดาตอนจบออก - - ) ซึ่งหนังรักส่วนใหญ่มักจะไม่ใช่แบบนั้น มักจะจบแบบ Happy Ending สุดเบื่อหน่ายไปเลย แบบ Twilight Trilogy (ซึ่งน่าเสียดายในภาคสุดท้ายที่ตอนจบมันก็ดีของมันอยู่แล้ว ดันเป็นอีกแบบ....) 
มาพูดถึง CG กันบ้าง หลายๆท่านก็คงหวังว่ามันจะปล่อยพลังตูมตามอลังการ เลิกหวังได้เลยครับ .... ตัวหนังมันก็มีบ้างอะนะ แต่น้อย ไม่เยอะอะไรมากมาย แต่ผมกลับคิดว่า มันพอดีแล้ว สำหรับ หนังรัก นี้ไม่ใช่หนังแฟนตาซี ระเบิดพลังนะครับ ถ้าระเบิดกันทั้งเรื่อง ก็คงกลายเป็น I Am Number Four เวอร์ชั่นใหม่แน่ (ว่าแล้ว ภาคต่อตูละะะะ!!!! ) 



อีกจุดหนึ่งเลยที่ผมอยากจะชมก็คือ การที่ตัวหนังนั้นไม่ได้มีอะไรที่ตูมตาม หรือ อะไรก็ตามที่จะทำให้คุณไม่อยากจะลุกจากที่นั่ง แต่ คุณก็ยังรู้สึก โอเค ที่จะดูมัน แบบไม่เบื่อหน่ายเท่าไรนัก ซึ่งสาเหตุหลักๆก็มาจาก เนื้อเรื่องของหนัง ที่น่าสนใจสุดๆ คุณอยากจะรู้ว่า มันจะจบอย่างไร ? และที่สำคัญ ใครที่ดูตัวอย่างมาก่อน ก็คงใจจดใจจ่อกับ จุดไคลแมกซ์ สุดๆ และคุณคงจะจินตนาการ ว่ามันจะตูมตามแบบซะใจ ซะที หลังจากกั๊กมาทั้งเรื่อง แบบผม !! 




แต่.... ที่ไหนได้ ฉากไคลแมกซ์เป็นอะไรที่น่าผิดหวังอย่างรุนแรง ช่างธรรมดา ง่าย และ ออกแนว งบตูหมดแล้วจบซะทีเถอะ สุดๆ ซึ่งมันทำให้หนังทั้งเรื่องแทบจะไร้ความหมาย บทที่น่าสนใจ การแสดงที่สุดยอด ไร้ความหมายไปทันที....  ซึ่งปัญหานี้มักจะเป็นปัญหาที่เราจะมักจะพบกับหนังแนวๆนี้เสมอๆ  และมันก็ไม่น่าให้อภัยสุดๆ ยิ่งถ้าเป็นภาพยนตร์ที่มี ภาคต่อ จ่ออยู่อีก 3 ภาคแล้วล่ะก็ ยิ่งน่าผิดหวังเข้าไปอีก ส่วนตัวผมคิดว่า ต่อให้ภาพยนตร์ของคุณจะดีเท่าไรก็ตามในช่วงแรกๆ แต่ถ้าหากตอนจบคุณไม่สามารถที่จะตรึงคนดูไว้กับภาพยนตร์ได้ หรือ รู้สึกแทบจะทนรอ ที่จะดูภาคต่อไม่ได้ ยังไงมันก็ไม่เวิรค์.... เพราะ ต่อให้ฝืนมีภาคต่อออกมา คนก็จะคิดว่า ภาคต่อไปก็คงจบกากๆแบบนี้อีก ถ้าให้พูด ภาพยนตร์อย่าง I Am Number Four ที่มีภาคต่อ จ่ออยู่ถึง อีก สองภาค นั้นก็คือ Power of Six และ The Rise of Nine ถึงแม้ตั้งแต่ต้นยันเกือบจบเรื่อง ไม่ค่อยจะเวิรค์เท่าไร แต่ฉากไคลแมกซ์ มันเป็นอะไรที่ช่างสุดยอด มันส์สุดๆ จนผมแทบจะอดทนที่จะดูภาคต่อไม่ได้ (ซึ่งมันก็คงไม่เกิดขึ้น ม่ายยยยยยย!! ) แต่จุดแข็งนี้กลับไม่เกิดขึ้นกับ Beautiful Creatures นี้สิ....



อีกปัญหาหนึ่งเลยที่ทำให้ Beautiful Creatures ไม่ค่อยที่จะเวิรค์ซักเท่าไร นั้นก็คือ ฝีมือของตัว ผู้กำกับเอง ที่ต้องขอยอมรับว่า ในด้านควบคุมไม่ให้มันมากเกินไป ค่อนข้าง โอเคแล้ว แต่ฉาก ต่อสู้ ต่างๆ พลังต่างๆ มันดูแทบจะไร้แรงสุดๆ ดูหยั่งกะพลังไร้สาระอะไรก็ไม่รู้ แถมไม่ได้สร้างสรรค์เอาซะเลย อย่าง I Am Number Four ตัวหลักอย่าง หมายเลข 4 เขายังมีพลังจากมือ และ หมายเลข 6 และอื่นๆก็มีพลังอื่นๆแตกต่างกันออกไป ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะทราบว่า หมายเลข 5  7 8 9 โดยเฉพาะ 9 มันจะมีพลังอลังการอะไร !! แล้วถ้าทุกคนมารวมตัวกันสู้ มันจะ สุดยอดขนาดไหน !!  แต่ใน Beautiful Creatures พลังมันแทบจะมองไม่ออกว่าสรุปทำอะไรได้กันแน่ หรือ สรุปคือมันไม่มีข้อจำกัด ? ยิ่งถ้าเป็นแบบหลังยิ่งน่าผิดหวังเข้าไปอีก เพราะ พลังในหนัง มันช่างดูอ่อนแรงเสียเหลือเกิน ไม่ได้ใส่ความคิดอะไรลงไปเลย มันทำให้จุดที่น่าสนใจอีกจุดของหนัง ไร้ความหมายไปในทันที อันนี้ไม่ทราบว่า ตัวบท Original ของหนังสือเป็นอย่างไร แต่ ในฉบับภาพยนตร์ มันไม่เวิรค์จริงๆ ก็เข้าใจว่าตัวหนังนั้น มีงบประมาณเพียงแค่ 50 - 60 ล้านเหรียญ สหรัฐ จะให้สร้างแบบอลังการงานสร้าง อย่าง Twilight ก็คงไม่ไหว ( Twilight Trilogy มีงบประมาณราวๆ 100 ล้าน ขึ้นไป ) แต่เอ็งเหมือนทำเป็นนัยๆว่านี้คือ ภาพยนตร์ที่จะมาแทน Twilight ไม่ใช่หรอ !!?? แล้วเอ็งจะ กั๊กไว้ทำซากสัตว์อะไร มิทราบ ?? ต่อให้คิดว่านี้ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่จะมาแทนก็ตาม ตัวหนังก็มีหลายจุดที่ เรียกได้ว่า เขวี้ยงขว้าง CG และ เงินไปอย่างไร้สาระ ที่สุด อย่างฉากบางฉาก มันไม่จำเป็นจะต้องใส่ CG อะไรเลยก็ได้ แต่ ฉากที่คุณควรจะใส่ มันกลับไม่มีอะไรเลยเนี้ยนะ !! 



ปัญหาอีกจุดหนึ่งที่...ช่างไม่น่าให้อภัย ในหนังเลย ก็คือ พระเอกของเรื่อง ที่ไม่รู้จงใจหรือยังไง แต่ พระเอกของเรื่องนั้น เรียกได้ว่าถูกปูทางมาอย่างเดียว แต่พอ 20 นาทีสุดท้าย กลับ ถูกเขี่ยอย่างไร้เยื่อใย ก็เข้าใจว่าบทมันเป็นแบบนั้น แต่ในช่วง 20 นาทีนั้น เราไม่รู้สึกว่าพระเอกมีความสำคัญซักนิดเลย แล้ว ตกลงทั้งเรื่องที่สองคนนี้มันรักกัน มันเพื่ออะไรฟะ !! ถ้ามันเป็นการจงใจจริง ผมก็พอจะเข้าใจไอเดียดีหรอกนะ ว่าไม่อยากให้หนังมันกลายเป็นหนังรักน้ำเน่าไป แต่ มันมีอีกตั้งหลายวิธี ที่ยังให้ความสำคัญได้อยู่ การเขี่ยแบบนี้ ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ซ้ำยังทำให้ตัวหนังแย่ลง เพราะบทถูกทำลายซะอีก   จะว่าไปแล้ว วิธีต่างๆในหนังมันช่างคล้ายกับ Twilight ภาค 1 กับ 2 รวมกันเหลือเกิน อันนี้ไม่ทราบว่าเป็นเพราะ ความบังเอิญ (ซึ่งคงไม่...) รึเปล่า ? ได้โปรด มันจบไปแล้วก็ให้มันจบๆไปเถอะ...



Beautiful Creatures นั้น บทดั้งเดิม หนังสือของมัน มันช่างทรงพลัง น่าสนใจ และ ดูยิ่งใหญ่ สุดๆ จนคุณแทบจะรู้สึกอยากจะดูภาคต่อไป แต่ ด้วยฝีมือการเขียนบท และ กำกับของผู้กำกับ ลากให้ ตัวบทดิ่งลงเหว ซ้ำยังทำจุดหลายๆจุดในหนัง ได้ล้มเหลว โดยเฉพาะ ฉากไคลแมกซ์ ที่สุดแสนจะน่าผิดหวัง และ ทำให้ทั้งเรื่องล้มเหลว ล้มครืนไปทั้งเรื่อง ซึ่งมันช่างน่าเสียดายสุดๆสำหรับ ตัวบทดั้งเดิม ที่น่าสนใจขนาดนี้ แต่กลับถูก ผู้กำกับไร้ฝีมือคนหนึ่ง ที่พยายามจะเดินตามรอยของ Twilight Trilogy จนลืมจุดยืนของตัวเอง และ ความแตกต่างของสองเรื่องนี้ ทำให้การที่จะมีโอกาสมีภาคต่อ ต้องมลายหายไป เหลือ เพียงแต่ความฝัน สำหรับ แฟนๆหนังสือ  และ เป็นภาพยนตร์ รัก แฟนตาซี ดราม่า ที่สร้างมาจาก หนังสือ อีกเรื่องในช่วงนี้ ที่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน และ ทำให้แฟนๆรวมถึงคนใหม่ๆที่สนใจในตัวหนังสือ ต้องเหมือนถูกเยาะเย้ย ว่า "ฝันไปเถอะ ภาคต่อหนะ !! " ( พูดถึงแล้ว ภาคต่อของ I Am Number Four ล่ะ !!! ) แต่ ผมก็ยังคงหวังต่อไปว่า คงจะมีค่ายไหน ที่เห็นถึงจุดนี้ และ ให้งบประมาณ และ ผู้กำกับที่เหมาะสม มันฟิ้น Trilogy เหล่านี้ อย่าง I Am Number Four และ Beautiful Creatures ซะที



The Best Quote from " Beautiful Creatures " 

" มนุษย์ นั้นสร้าง ศาสนา ศีลธรรม ความดีงาม แต่พวกเขาก็ใช้สิ่งเดียวกันเป็นข้ออ้าง ในการเข่นฆ่ากันเอง เช่นกัน " - Ridley 




Final Score : [ C+ ]





Thank you to : Beautiful Creatures ( 2013 ) , Summit Entertainment , IMDB for information 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น