วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ต้มยำกุ้ง 2 3D ( 2013 ) Movie Review

MOVIE REVIEW
การกลับมาของภาพยนตร์ Action สัญชาติไทย ?




Movie Name : ต้มยำกุ้ง 2 ( 2013 ) , Action / Drama 
Director : ปรัญชา ปิ่นแก้ว ( องค์บาก , ต้มยำกุ้ง )
Stars : พนม ยีรัมย์ ( องค์บาก 1-3 , ต้มยำกุ้ง ) , เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา ( ต้มยำกุ้ง , แหยมยโสธร ) , ญาณิน วิสมิตะนันทน์ ( ช็อคโกแลต ) , รฐา โพธิ์งาม ( Only God Forgives , จิตสัมผัส 3D ) , อาร์ซ่า RZA ( The Man with the Iron Fists )
Rating : น 15+






REVIEW

                                                             ต้มยำกุ้ง 2 นั้นต้องขอสารภาพเลยว่าเป็นภาพยนตร์ที่ไม่คาดหวังอะไรเลยจริงๆตอนก่อนที่จะเข้าไปชม เนื่องจากกระแส และเสียงพูดกันมาด้านลบพอตัวในหลายๆที่ ซึ่งต้องขอพูดเลยว่า หลังจากที่ได้ชมต้มยำกุ้ง 2 จบ กลับคิดว่า มันไม่ได้เลวร้ายหรือแย่แบบที่หลายๆคนเคยพูดหรือเคยเขียนเอาไว้ซะทีเดียวเลย




ต้มยำกุ้ง 2 นั้นปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดของภาพยนตร์เลยก็คือ บท ที่มันไม่มีตัวตนเลยจริงๆ ไม่มีเลยจริงๆ ในขณะที่คุณชมภาพยนตร์ จนจบภาพยนตร์ คุณจะไม่รู้สึกเลยว่า บทมันมีตัวตน คุณจะรู้สึกแค่ว่า คุณกำลังนั่งดูฉาก Action อย่างเดียวเท่านั้นเสียมากกว่า ซึ่งนั้นมาจากหลายๆสาเหตุ อย่างเช่น การตัดต่อที่ไม่ให้เวลา Intro ในฉากต่างๆเลย ซึ่งมันทำให้รู้สึกเหมือนแต่ละฉากพอย้ายไปฉากต่อไปมันเป็นการ Jump หรือ กระโดดไปเลย มันจึงไม่รู้สึกเชื่อมต่อกันเลยแม้แต่น้อย ตัวละครที่แบน และแทบจะไม่มีการปูตัวละครเลยด้วยซ้ำ  เนื่องจากเวลานั้นถูกโยนไปให้กับฉาก Action ซะ 70-80% ของทั้งเรื่อง ตัวละครบางตัวแย่ถึงขนาดที่ทำให้ตั้งคำถามว่า จะมีมาทำไม และตัวละครบางตัวก็สร้างความน่ารำคาญมากกว่าความบันเทิง Dialog ที่หลายๆครั้งเขียนมาได้แย่ บางฉาก Dialog แย่จนทำให้รู้สึกว่า เราควรจะตลก หรือ เราควรจะซีเรียสกันแน่ ? และที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดก็คงจะเป็น CG ที่แย่ ไม่สมจริง ผลคือมันดึงคนดูออกจากฉาก และทำให้คุณไม่เชื่อสิ่งในฉากนั้นๆเลย ทั้งๆที่ ต้มยำกุ้ง เป็นภาพยนตร์ที่ไม่จำเป็นจะต้องพึ่ง CG เลยก็ยังได้ รวมไปถึงฉากจบที่ค่อนข้างจะแย่ อ่อนแอ และไม่สมจริงเอาเสียเลย


นอกจากนั้น บางฉากเช่นฉากแก๊งค์มอเตอร์ไซค์รู้สึกเหมือนฉากวิ่งไล่จับเสียมากกว่าฉาก Action ซึ่งมันน่าเบื่อ และ เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมีใน ต้มยำกุ้งเลย  ต้มยำกุ้งมันควรจะเกี่ยวกับ Martial Arts  การแลกหมัด การต่อสู้ ต่างๆนาๆ ไม่ใช่การวิ่งไปวิ่งมา ไล่จับกันอย่างกับ Tom and Jerry  สุดท้ายก็คือท่าต่อสู้ต่างๆ ที่น่าจะทำให้รู้สึกได้ถึงความแตกต่างมากกว่านี้ ชัดเจนกว่านี้ ในภาพยนตร์มันดูค่อนข้างจะมั่วซั่วไปหมด ทำให้ในบางฉากที่ตัวภาพยนตร์ต้องการจะสร้างท่าต่อสู้ที่แตกต่าง มันกลับไม่รู้สึกแตกต่างเลยแม้แต่น้อย


แต่ก็มีหลายสิ่งที่ตัวภาพยนตร์ทำได้โดดเด่นและดีเช่นกัน อย่างแรกเลยก็คือ ฉาก Action (ไม่นับฉากแก๊งค์มอเตอร์ไซค์) ทุกๆฉากค่อนข้างจะเป็นฉาก Action ที่สนุก ตื่นเต้น พอสมควร อยู่ตลอดเวลา  แต่ช่างมีหลายๆไอเดียในฉาก Action ที่คิดได้น่าสนใจเช่นกัน เช่นตัวละครที่มีท่า ต่อย 3 หมัดหนัก ที่ตัวภาพยนตร์บอกให้คนดูรู้ว่า ถ้าหากคนๆนี้ต่อยได้ครบ 3 หมัด คนที่โดนจะตาย และตัวภาพยนตร์ก็เล่นกับจุดนี้ได้ดีเลยทีเดียว หรือ นักแสดงและตัวละครอย่าง Twenty หรือ ญาญ่าญิ๋ง นั้นเอง ที่เธอแสดงได้ไม่เลวเลยทีเดียว Sexy ฉลาด ร้ายกาจ ตัวละครของเธอก็น่าสนใจ ไม่น้อยเลยทีเดียว ผมกลับรู้สึกว่า อยากจะเห็นเธอมากกว่านี้ มากกว่าตัวละครที่ปราฏตัวเยอะอย่าง Number Two เสียอีก และอาจจะเนื่องจากเธอได้ไปเล่นภาพยนตร์ Only God Forgives กับ Ryan Gosling ภาษาอังกฤษของเธอในเรื่องนี้ก็ถือได้ว่าอยู่ในระดับดีมากเลยทีเดียว นักแสดงอย่าง จีจ้า ในฉาก Action เธอก็แสดงได้ดีพอตัวเลยทีเดียวเช่นกัน นอกจากนั้นตัวภาพยนตร์ยังมีหลายๆฉากที่ทำออกมาได้น่าสนใจ บางฉากที่สร้างอารมณ์ขันหรือ Humor พร้อมกับแฝงอะไรบางอย่างได้อย่างดีเยี่ยม และที่สำคัญคือ คุณจะเห็นความพยายามในการยกระดับในหลายๆด้านได้อย่างชัดเจนในภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นบท Production Design ต่างๆ เพื่อให้เทียบในระดับ Hollywood จริงๆ เพียงแต่ว่ามันยังไม่เพียงพอ และบางส่วนมันยังไม่ Work เท่านั้นเอง



ระบบ 3D นั้นในต้มยำกุ้ง 2 นั้นถือว่าทำได้อยู่ในระดับพอใช้ได้ แต่เมื่อดูจบ คุณก็จะรู้เลยว่ามันเป็นระบบที่ไม่จำเป็นเลยใน ต้มยำกุ้ง ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับ 3D ควรจะเป็นภาพยนตร์ที่พึ่ง 3D Depth of Field และใช้งานมันได้อย่างเต็มที่จริงๆ อย่างเช่น Gravity ที่จะต้องพึ่งความลึกเพื่อสร้างรายละเอียดใน Background หรือ Hugo ที่ต้องพึ่ง 3D เพื่อสร้างมิติในฉากต่างๆ แต่ในต้มยำกุ้ง 2 นั้น มันไม่ความจำเป็นจะต้องใช้ระบบ 3D เลยแม้แต่น้อย มันไม่ได้ทำให้ฉาก Action ดูน่าตื่นเต้นขึ้นแม้แต่น้อย มันไม่ได้ทำให้อะไรดูดีขึ้นเลย กลับกัน ตัวระบบ 3D เป็นตัวทำให้ภาพยนตร์นั้นถูกจำกัดและมีฉาก Gimmick แย่ๆมาผสม และทำให้ภาพยนตร์ดูแย่ขึ้นไปเสียอีก เช่นถ่ายท่าพระเอกกระโดดเตะมาทางหน้าคุณ เพื่อที่คุณจะได้รู้สึกเหมือนโดนเตะจริงๆ หรือ โยนอะไรเข้าหาคนดู ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาพยนตร์ไม่ควรจะทำเลย เพราะ นอกจากมันจะแหกกฎเหล็กของภาพยนตร์ที่แล้ว ยังทำให้รู้สึกน่าอนาจ จากการที่ภาพยนตร์หมดมุขที่จะเล่นแล้วมากกว่าน่าตื่นเต้นเสียอีก




แต่แปลกนัก เพราะแทนที่หลังดูจบผมควรจะรู้สึกแย่และรู้สึกไม่ดีกับมัน กลับรู้สึกว่า ต้มยำกุ้ง 2 เป็นภาพยนตร์ที่น่าชื่นชมอีกเรื่องหนึ่งเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นการ"กล้า"ที่จะแหวกกระแส และ ความเสี่ยงพอตัวเลยในการสร้างภาพยนตร์ Action ของประเทศไทยเอง โดยเฉพาะยิ่งช่วงนี้ที่มีภาพยนตร์ระดับใหญ่ยักษ์ของ Hollywood เข้ามามากมาย แทนที่จะไปทำแต่ภาพยนตร์วัยรุ่น รักๆ หรือ ผีๆ ซ้ำซากๆ แบบภาพยนตร์ไทยเรื่องอื่นๆที่เวลาเจ็บจากรายได้ก็ไม่เจ็บมากเท่าไรนัก รวมไปถึงการลงทุนไปมหาศาลถึงเกือบ 500 ล้าน และการพยายามที่จะทำอะไรใหม่ๆที่น่าชื่นชม แต่สิ่งที่ ต้มยำกุ้ง หรือ ภาพยนตร์ไทยตอนนี้ควรจะทำก็คือ การ"หา"สิ่งที่เป็นของตัวเอง มากกว่าการพยายามที่จะเดินตาม Hollywood อย่างเช่น ศิลปะมวยไทย Martial Arts ต่างๆ ความสวยงามทางวัฒนธรรมต่างๆ หรืออื่นๆ แทนที่จะไปพึ่งทางด้าน CG หรือ ระบบ 3D ซึ่งไม่จำเป็นเลย หาสิ่งๆนั้นให้เจอและทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด ก็น่าจะทำให้ภาพยนตร์ไทยมีความเป็นเอกลักษณ์และดีไม่แพ้ Hollywood ได้ไม่ยาก 



Final Score : [ C- ] 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น