MOVIE REVIEW
ยินดีต้อนรับ สู่โลกของ Ender
Movie Name : Ender's Game ( 2013 ) , Sci-fi / Action / Adventure
Director : Gavin Hood ( X-Men Origins : Wolverine , Tsotsi ) also writing screenplay
Based on the book "Ender's Game" by Orson Scott Card
Stars : Asa Butterfield ( Hugo ) , Harrison Ford ( Starwars , Blade Runner ) , Ben Kingsley ( Prince of Persia : Sands of Time , Hugo , Shutter Island ) , Hailee Steinfeld ( True Grit )
Rating : PG -13
REVIEW
ภาพยนตร์เรื่อง Ender's Game ว่าด้วยเรื่องราวของโลกในอนาคตที่ถูกรุกรานจากเผ่าพันธ์เอเลี่ยนจนตกที่นั่งลำบากมาครั้งหนึ่งแล้ว Ender Wiggin เด็กหนุ่มรุ่นใหม่ที่มีความฉลาดปราดเปรื่องซึ่งนำเขาไปสู่สงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่จะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของโลกและเผ่าพันธ์มนุษย์
Ender's Game เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่สร้างขึ้นมาหรือมีต้นแบบ มาจากหนังสือมาก่อนในชื่อเดียวกัน ซึ่งต้องขอบอกก่อนเลยว่า ทางผู้เขียนไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อนเลย เพียงแต่จะพอได้ยินคร่าวๆมาบ้างประมาณว่า เป็นหนังสือที่พูดถึง แทคติกในการรบค่อนข้างจะมาก และการที่ตัวผู้เขียน Orson Scott Card เอง ได้เคยพูดเอาไว้ว่า "ภาพยนตร์เรื่อง Ender's Game นั้น เป็นภาพยนตร์ที่ไม่น่าจะสร้างขึ้นมาได้ เพราะ Ender's Game นั้นพูดถึงเรื่องราวที่อยู่ในหัวของ Ender " เพียงเท่านั้น จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับผู้กำกับอย่าง Gavin Hood ที่เขาจะทำอย่างไรที่จะเสนอหรือถ่ายทอดข้อความสำคัญของภาพยนตร์จากสิ่งที่เป็นเพียงแค่ความคิดของตัวละครๆเดียวเท่านั้น ถึงแม้เขาจะเป็นผู้กำกับที่มีผลงานบางชิ้นที่ไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไรนักอย่าง X-Men Origins : Wolverine ที่หลุดกรอบมากจนเกินไป แต่ผมก็ต้องขอพูดเลยว่า
Ender's Game นั้นเป็นภาพยนตร์ที่มีฉากในช่วงท้ายหรือ Climax ของภาพยนตร์ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ สนุก ตื่นเต้น ลุ้นระทึกมากๆอีกเรื่องหนึ่ง นอกจากนั้นยังมีการ Design ฉากต่างๆได้อย่างน่าสนใจ ไม่น้อยเลยทีเดียว
ตัวละครเอกอย่าง Ender ก็ช่างน่าสนใจ น่าติดตาม และค่อนข้างจะสมจริง รวมถึงยังเขียนมาได้ดีเลยทีเดียว CG ที่ช่างสวยงาม อลังการ การแสดงที่น่าทึ่งมากๆของ Asa Butterfield (ซึ่งฉากไหนที่มี Ben Kingsley กับ Asa Butterfield อยู่ใน Scene เดียวกันแทบจะทำให้รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังชม Hugo 2 อยู่อย่างงั้นเลยทีเดียว) Harrison Ford ที่แสดงได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึง Hailee Steinfeld ที่แสดงได้ดีเลยทีเดียว บทสรุปและข้อความของภาพยนตร์ที่น่าสนใจ ฉลาด แต่สิ่งที่น่าทึ่งและน่าตื่นตาตื่นใจมากที่สุดเลยก็คือ การที่ภาพยนตร์นั้นนำการใช้ประเด็น "แทคติก" ต่างๆในการรบมาพูดถึง เช่น ถ้าหากคุณมีเรื่องกับใครซักคน แทนที่คุณจะชนะแล้วเดินจากไป คุณซ้ำเขาหลายๆครั้ง ไม่ใช่เพราะคุณนั้นชอบความรุนแรง แต่เพื่อที่คุณจะได้"ชนะ"เขาในการต่อสู้ครั้งต่อๆไป หรือ แม้กระทั่ง"หยุด" การต่อสู้ไปให้ไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำไป
แต่..... Ender's Game ก็เป็นภาพยนตร์ที่มีปัญหาหลายๆเรื่องหนักเอาการเลยทีเดียว จุดที่ร้ายแรงที่สุดและส่งผลกระทบอย่างหนักถึงทั้งเรื่องเลย นั้นก็คือ การเล่าเรื่องในช่วงแรก-กลางเรื่องของภาพยนตร์ที่เร่งมากจนเกินไป และทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเล่นวิดีโอเกมอยู่ นั้นก็คือ สู้บอส ไปด่านต่อไป สู้บอส ไปด่านต่อไป ประมาณ 3 ครั้งในภาพยนตร์ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยแม้แต่น้อยในภาพยนตร์ เพราะ นอกจากจะเร่งจนทำให้รู้สึกว่าตัวบทพยายามที่จะ"ผลัก"ตัวละครมากจนเกินไปแล้ว ยังทำให้ในช่วงเวลาเหล่านี้ ในรอบๆข้างตัวละครหลักนั้นทุกๆอย่างจะ Drop หรือ ถูกลดความสำคัญไปเสียหมดเนื่องจากการเร่งของมันนี้อีกด้วย จนเป็นสาเหตุที่ทำให้บางส่วนในภาพยนตร์ช่างไม่น่าสนใจ เช่น ตัวละครรอง หรือ Side Characters ที่ช่างไม่น่าสนใจ เดาทางง่าย จำเจ ไม่มีอะไรใหม่ หรือ Cliche นั้นเอง เนื่องจากตัวภาพยนตร์แทบจะไม่มีเวลาให้ในการปูตัวละครเหล่านี้เพียงพอเลย ยังไม่รวมถึงนักแสดงที่น่าเสียดายอย่าง Ben Kingsley ที่ตัวภาพยนตร์นั้นให้เวลากับเขาน้อยเหลือเกิน ทั้งๆตัวละครของเขานั้นน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
หรือ ในบางช่วงที่ภาพยนตร์พยายามจะสร้างอารมณ์ร่วมให้กับคนดูซึ่งทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว แต่พออารมณ์ในจุดนี้กำลังจะไปแตะจุดที่กำลังจะขยี้หัวใจคนดูได้แล้ว มันก็กลับ Drop ลงมาอย่างรวดเร็วเสียก่อนซึ่งเป็นเรื่องที่ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก ซึ่งก็เป็นสาเหตุมาจากการเล่าเรื่องที่เร่ง ต้องการจะไปจุดต่อไปให้เร็วขึ้น มากจนเกินไปอีกเช่นกัน จะดีกว่าไหมถ้าหากตัวภาพยนตร์จะตัดเรื่องการย้ายไปด่านต่อไปแบบวิดีโอเกมให้เหลือจำนวนครั้งน้อยลง ให้เวลาในการปูฐานตัวละคร และใส่ใจในรายละเอียดรอบข้างมากกว่านี้ เสมือนกับการปลูกต้นไม้ ที่ควรจะค่อยๆปลูกให้มันโตขึ้นมาเป็นต้นไม้ที่สวยงามที่ละต้น เพียงไม่กี่ต้น ซึ่งเราจะใส่ใจในแต่ละต้นได้มากกว่า ต้นไม้หลายๆต้นที่สุดท้ายเราก็มีเวลาให้มันในแต่ละต้นที่ช่างน้อยนิดนัก สุดท้ายเลยก็คือข้อความหรือ Message ที่ตัวภาพยนตร์นั้นต้องการจะสื่อให้ถึงผู้ชมนั้น มันน่าสนใจก็จริง แต่พลังในการเล่ามันยังไม่รุนแรง หรือ ยังไม่ส่งผลกระทบต่อคนดูมากพอที่จะนำมันไปคิดต่อยอดได้เลย
Ender's Game นั้นเป็นภาพยนตร์ที่ดูจากองค์ประกอบทุกๆด้านในภาพยนตร์แล้ว ภาพยนตร์ยังคงมีความสามารถที่จะไปได้ไกลมากกว่านี้อีกมากเลยทีเดียว ด้วยเรื่องราวต่างๆที่ช่างน่าสนใจเหลือเกิน น่าเสียดายที่ ณ ตอนนี้มันยังไปได้ไม่ไกลเท่าใดนัก แต่ถ้าหากมองในมุมกลับกันแล้วล่ะก็ อย่างน้อย Ender's Game ก็เป็นภาพยนตร์ที่ทำหลายๆสิ่งหลายๆอย่างได้"ดี"เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นฉาก Climax ที่ช่างน่าตื่นตาตื่นใจ ตื่นเต้น ลุ้นระทึก อลังการ การ Design ฉากต่างๆที่ช่างน่าสนใจ รวมไปถึงการแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักแสดงหลายๆท่าน ทำให้ในท้ายที่สุดแล้ว Ender's Game จึงเป็นภาพยนตร์ที่น่าติดตามในการ"ก้าว"ครั้งต่อไปมากๆอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
Final Score : C +
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น