Movie Review
ผจญภัยท่องโลกอดีตไปกับ Mr. Peabody !!!
อีกหนึ่งภาพยนตร์อนิเมชั่นจากค่าย Dream Works ที่พูดถึงสุนัขพูดได้ มีความฉลาดเป็นกรด (ยิ่งกว่ามนุษย์เสียอีกดูท่าทาง) ที่มีชื่อว่า Mr.Peabody และเขาได้รับ Sherman มาเป็นบุตรบุญธรรม แต่วันหนึ่งก็เกิดปัญหาที่ใหญ่หลวงขึ้น เมื่อ Sherman และ Penny เพื่อนของเขา ได้แอบเข้าไปในเครื่องย้อนเวลาที่ Mr.Peabody สร้างขึ้น ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย พวกเขาจะสามารถแก้ไขเรื่องราวที่อาจจะส่งผลถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตไปตลอดกาลได้หรือไม่ !!?
สิ่งที่น่าสนใจมากๆในทีมงานของภาพยนตร์เรื่องนี้เลย ก็คือผู้กำกับอย่าง Rob Minkoff ที่หลายๆท่านน่าจะคุ้นๆกับผลงานการกำกับชิ้นก่อนๆของเขา เช่น Stuart Little ทั้งสองภาค หรือภาพยนตร์โด่งดังอีกเรื่องหนึ่งอย่าง The Lion King (กำกับร่วม) ซึ่งมันน่าสนใจตรงที่ว่า ภาพยนตร์ที่เขากำกับ หลายเรื่องนั้นมักจะพูดถึงเรื่องราว ชีวิต และมุมมองต่างๆในสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น สิงโตใน The Lion King หรือ หนูจาก Stuart Little ซึ่ง Mr. Peabody & Sherman นั้น เปรียบเสมือนเป็นการกลับมาสู่จุดที่เขาถนัดอีกครั้งก็น่าจะใช่ (จากภาพยนตร์เกี่ยวกับสัตว์เรื่องล่าสุดของเขาก็ Stuart Little 2 ปี 2002 นู้นเลยทีเดียว)
ต้องยอมรับอย่างเต็มอกเลยว่า Mr. Peabody & Sherman นั้นเป็นภาพยนตร์ที่สนุกและน่าสนใจเสียจริงๆ จากการเล่าเรื่องที่กระฉับกระเฉง ลื่นไหล สนุก ตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลาของมัน
ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นผลอันเนื่องมาจากความเป็น Adventure ของมัน
นอกจากนั้นตัวละครต่างๆในภาพยนตร์ก็ช่างน่าสนใจ และค่อนข้างมีความลึก เบื้องหลังต่างๆพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งในจุดนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดที่แข็งแรงที่สุดของภาพยนตร์เลยก็ว่าได้ ซึ่งเข้าใจว่า น่าจะเป็นส่วนที่ทางผู้สร้างน่าจะให้ความสำคัญมากที่สุดแล้ว เพราะมันสำคัญมากถึงมากที่สุดในการสื่อความหมายหรือสิ่งที่ตัวภาพยนตร์ต้องการจะบอกให้กับผู้ชม (เพราะถ้าหากเขียนตัวละครมาห่วย คนดูคงไม่เข้าใจอะไร โดยเฉพาะกับข้อความชนิดที่ต้องพึ่งให้ผู้ชมมีความผูกพันธ์กับตัวละครอย่างมากถึงจะเข้าใจและมีอารมณ์ร่วม)
รวมไปถึงการที่เราได้พบเจอตัวละครอย่าง ฟาโรห์ตุตันคาเม็น , ลีโอนาโด้ ดาวินชี่ , อัลเบิรต์ ไอนสไตน์ หรืออื่นๆอีกมากมาย ในภาพยนตร์ ที่พวกเขานั้นเต็มไปด้วยบุคลิกสุดแสนฮาซักครั้งหนึ่ง ก็ถือว่าคุ้มค่าตั๋วอย่างบอกไม่ถูกแล้ว นี้ยังไม่รวมถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์เล็กน้อยในภาพยนตร์ ที่แอบให้ความรู้กับผู้ชมอยู่เหมือนกัน
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนประทับใจมากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้น Theme หรือข้อคิดของภาพยนตร์ (หรือสิ่งที่ภาพยนตร์ต้องการจะพูดหรือบอกนั้นแหละ) ที่มีการตั้งคำถามถึงความรักข้ามสายพันธ์ ตัวอย่างจาก มนุษย์กับสุนัข หรือ Sherman กับ Mr. Peabody ในภาพยนตร์ ซึ่งตัวหนังตั้งคำถามได้อย่างน่าสนใจมากๆ ว่า อะไรกันแน่คือตัวตัดสินว่าสิ่งมีชีวิต ชีวิตหนึ่งจะเลี้ยงดูมนุษย์ได้ เผ่าพันธุ์ จุดกำเนิด ร่างกาย เท่านั้นหรือ ? ไม่ใช่ความรักที่มีต่อเด็กหรอกหรือที่สำคัญมากที่สุด ? ซึ่งต้องขอชมจริงๆเลยว่า ตัวภาพยนตร์นั้นทำให้เราเชื่อในจุดนี้ได้เต็มๆเลยทีเดียว
โดยเฉพาะทั้งๆที่ สิ่งๆนั้นมันเป็นไปไม่ได้ ซึ่งก็นำมาถึงจุดด้อยของภาพยนตร์ ที่เต็มไปด้วยการไร้คำอธิบาย หลายๆสิ่งหลายๆอย่างมากที่ไม่มีความสมเหตุสมผลใดๆทั้งนั้น เช่นสุนัขทำไมถึงพูดได้ แล้วดันเกิดมาฉลาดขนาดนั้น หรือฉากจบของภาพยนตร์ที่มีบางส่วนไม่มีการอธิบายอะไรเลย ทำให้จบแบบค้างคาอยู่พอสมควร ใช่ตัวภาพยนตร์ต้องยอมรับเลยว่าทำได้ดีจริงๆ ในด้านของการปูพิ้นหลัง และให้เหตุผลบางด้านกับตัวละคร แต่ไม่แน่ใจว่า ลืมไปรึเปล่า ว่าพวกเขาไม่ได้ใส่เหตุและผลในด้านการมีอยู่ของความเหนือจริงบางอย่างในภาพยนตร์ ที่ยังคงเป็น 0 ในด้านการอธิบาย ถ้าหากจะบอกว่ามันคือหนังเด็กแล้วมันจะ เหนือจริงเท่าไรก็ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็คงไม่จำเป็นจะต้องมีเหตุและผลอะไรอีกต่อไปแล้วในการชมภาพยนตร์อนิเมชั่น
นอกจากนั้นในด้านการอธิบายประวัติศาสตร์ต่างๆในภาพยนตร์ ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกจุดหนึ่งที่ควรจะเป็นจุดได้เปรียบของหนัง แต่ในจุดนี้กลับตื้นและมีการอธิบายที่น้อยสุดๆ บางยุคอธิบายราวๆ 1 ประโยคเท่านั้นเอง ไม่มีการพูดถึงเหตุผล ความเป็นมาและผลของมันเลย ซึ่งถือได้ว่าน่าเสียดายอย่างมาก
Mr. Peabody & Sherman ในท้ายที่สุดแล้วก็ต้องพูดเลยว่า ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน ที่ไปไม่ถึงดวงดาว (ไม่ใช่ The Star นะ) ทั้งๆที่หลายๆองค์ประกอบของมันก็ไปถึงแท้ๆ และบางส่วนก็ทำได้อย่างดีเยี่ยมอยู่แล้ว เช่นตัวละครที่น่าสนใจ การเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยม และผู้กำกับ Rob Minkoff ก็ทำให้เราหลงรักกับตัวละครสัตว์เช่นนี้ได้อีกครั้งเช่นกัน แต่กลับมีหลายส่วนของภาพยนตร์ที่ตื้นมากๆหรือไร้การอธิบายไปเลยก็มี ทำให้ในบางด้านของภาพยนตร์นั้นกลวงไปอย่างน่าเสียดาย
ในอีกด้านหนึ่ง ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน ว่าแอบหลงรักภาพยนตร์เรื่องนี้ไปพอสมควรเหมือนกัน ใช่มันไม่ได้ Perfect มันไม่ได้เป็นภาพยนตร์แห่งปีอะไร แต่อย่างน้อยมันก็เป็นภาพยนตร์ที่สร้างความอบอุ่นให้กับหัวใจของเราได้อย่าง ง่ายดาย ยิ่งเป็นคนที่รักสุนัขหรือสัตว์อยู่แล้ว ท่านจะยิ่งหลงรักภาพยนตร์เรื่องนี้มากกว่าชาวบ้าน ชาวช่องเขาอย่างแน่นอน (และหนึ่งในนั้นก็คือผู้เขียนนี้แหละ)
Final Score : [ B+ ] & [ Must See Badge ]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น