Movie Review
สงครามแห่งมัดกล้าม Slow Motion ในบทสุดแสนเห่ย
300:Rise of an Empire ( 2014 ) เป็นภาพยนตร์ภาคต่อจาก 300 ในปี 2006 ของผู้กำกับ Zack Snyder ( Man of Steel , Sucker Punch ) ซึ่งในภาคนี้นั้น ตัวแซคเองได้ลงไปนั่งในตำแหน่ง Producer แทน และให้ผู้กำกับหน้าใหม่อย่าง Noam Murro มาทำหน้าที่ผู้กำกับแทน
ซึ่งใน 300:Rise of an Empire ก็ยังคงทำหน้าที่ของมัน(อย่างที่เราหวังจะให้มันเป็น)ได้อย่างดีโดยไม่ต้องสงสัยเช่นเคย นั้นก็คือ การ "Entertain" หรือ ให้ความสนุก ตื่นเต้น หฤหรรษ์ หรืออะไรก็แล้วแต่ กับผู้ชม จากฉาก Action เลือดสาด(CG) ทั้งเรื่อง รวมไปถึงการใช้เทคนิค Slow Motion อย่างไม่หยุดไม่หย่อน ก็เรียกได้ว่าสร้างความถูกใจให้กับคอหนังแอ๊คชั่น หรือแฟนๆ 300 ฉบับ Zack Snyder ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่ามันจะยังคงไม่มีการอธิบายใดๆว่าทำไมมันถึง Slow Motion ซึ่งคำตอบก็คงน่าจะเดาได้ไม่ยาก นั้นก็เพราะว่า "มันดูเท่"
รวมไปถึงอีกหนึ่งจุดขาย(?) หรือจุดสำคัญของ 300 อย่างมัดกล้าม หันมองไปทางไหนก็มีแต่กล้ามปูเต็มไปหมด จนเรียกได้ว่าเอียนก็ว่าได้ ภาคนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่ตลอดเวลาเช่นเคย
แต่ 300:Rise of an Empire ก็ยังมีหลายๆสิ่งที่ยังคงทำได้ไม่ดีเท่าไร ไม่ว่าจะเป็น CG เอฟเฟคที่ในภาคนี้ดูเหมือนจะแย่และไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไร เมื่อเทียบกับ 300 ในปี 2006 เช่น CG ฉากหลังเมืองต่างๆ หรือเลือด ที่ลอยๆไม่เข้ากันเลยแม้แต่น้อย สร้างความน่ารำคาญเล็กน้อย
สำหรับตัวผู้กำกับ Noam Murro นั้น ในด้านหนึ่งนั้น เขาก็ทำหน้าที่ในการสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมได้ดีอย่างไม่ต้องสงสัย และเขายังสามารถที่จะสานต่องานของ Zack Snyder จาก 300 ภาคแรก และขยายมันให้ใหญ่ขึ้นได้อีกด้วย แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเมื่อเทียบกับ Zack Snyder แล้ว Zack Snyder ยังคงทำได้ดีกว่าในบางด้าน เช่นในด้านการทำให้ผู้ชมเชื่อ และเข้าถึงตัวละครอย่างแท้จริง ใน 300 ปี 2006 นั้นทำได้ดีกว่าพอสมควร มันทำให้เราขนลุก และเชื่อไปในสิ่งที่พวกเขาทำ แต่ในภาคนี้เรากลับไม่ค่อยจะสนใจและแคร์ตัวละครเหล่านี้เท่าไรนัก เราเพียงแค่ต้องการบันเทิงไปกับการละเลงเลือดของพวกเขาก็เท่านั้น
ซึ่งความผิดนี้ จะโทษ Noam Murro อย่างเดียวก็คงจะไม่ได้ เพราะนักแสดงที่รับบทเป็นตัวละครหลักอย่าง Sullivan Stapleton เอง ก็เทียบรัศมีอะไรกับ Gerard Butler ในต้นฉบับไม่ได้เลย ในทุกๆด้าน แต่ภาระทั้งหมดกลับดันไปตกอยู่กับตัวละครร้ายของ Eva Green ที่เธอนำแสดงได้อย่าง น่าทึ่ง ร้ายกาจ และคุมทั้งเรื่องอย่างง่ายดายจริงๆ (นี้ยังไม่รวมถึงบทที่ดันเขียนตัวละครร้ายให้น่าสนใจกว่าตัวเอกที่ดาษสุดขีดอีกต่างหาก)
300:Rise of an Empire นั้น จริงๆแล้วถ้าหากได้ผู้เขียนบทที่ดี และผู้กำกับที่ดี ต้องพูดเลยว่า มันเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ ที่สามารถจะ ยิ่งใหญ่ อลังการ ชนิดที่เราต้องนั่งนับวันรอคอยมันได้เลยทีเดียว
แต่....ที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้ กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวต่างๆที่ถูกเล่ามาอย่างไม่น่าสนใจ พยายามโยงนู้นโยงนี้ จับนู้น จับนี้มาชนกันให้ดูมีอะไรหลายๆอย่าง ทั้งๆที่มันแทบจะไม่ได้มีอะไรเลย และมันไม่ได้แตกต่างอะไรจากภาพยนตร์แอ๊คชั่นดาษๆทั่วไปเลยแม้แต่น้อย เช่นเรื่องราวการครอบงำ , พลัง , อำนาจ , ศักดิ์ศรี และการแก้แค้น ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้มันเคยถูกนำเสนอมามากมายแล้ว และในภาพยนตร์บางเรื่อง ยังทำได้ดีและน่าเชื่อถือกว่านี้อีกด้วย
ในด้านของตัวละครเอง ก็ดูจะน่าเป็นห่วงไม่แพ้กับส่วนอื่นๆ เพราะนอกจากตัวละครอย่าง Artemisia ของ Eva Green , Queen Gorgo ของ Lena Headey และ Xerxes ที่แสดงโดย Rodrigo Santoro แล้ว ตัวละครอื่นๆทั้งหมดแทบจะเป็นกระดาษตัดแปะมาจากแม่แบบ 100% ไม่น่าสนใจ ง่าย แบน เรื่อยๆ เราไม่สนใจและไม่แคร์ตัวละครเหล่านี้ และเป็นตัวละครที่มีมาเพื่อรอความตายและสร้างความบันเทิงแก่ผู้ชมเท่านั้นเอง ซึ่งตัวละครที่ดี 3 ตัวนี้ ก็ต้องพูดทบไปอีกทีว่า 70-80% มาจากการแสดงของพวกเขา/เธอ เหล่านี้ทั้งนั้น ที่แสดงได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างมิติและความน่าเชื่อถือ/น่าสนใจให้กับตัวละครอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าตัวละครที่บทเขียนมา มันจะโค-ตา-ระ ดาษๆ ตัดแปะ เห็นได้ทั่วไปตามตลาด ไม่ต่างจากตัวละครอื่นๆที่เราลืมมันไปภายใน 5 นาทีเลยก็ตาม
300:Rise of an Empire (2014) ยังคงเป็นภาพยนตร์แอ๊คชั่นที่สามารถที่จะสร้างความบันเทิง ความซะใจ ความสนุกและตื่นเต้น ได้ดีอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าหากคุณซื้อตั๋วหนัง เพื่อเข้าไปเสพสิ่งเหล่านี้คุณคงจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เช่นกันว่า ในตัวเนื้อผ้ามันจริงๆแล้ว เต็มไปด้วยช่องโหว่มากมาย ที่ยังคงไม่ได้รับการแก้ไขและใส่ใจเท่าไรนัก
Final Score : [ C ]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น