วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

The Last Five Years ( 2015 ) Movie Review

The Last Five Years ( 2015 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz



"บทเพลงแด่ชีวิตรักของเรา"


ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ความนิยมของภาพยนตร์เพลง ที่มีต้นฉบับมาจากละครเวที ก็มากขึ้นจนมีให้เห็นกันแทบจะทุกปีเลยทีเดียว จากปีก่อนๆอย่าง Les Miserables และต้นปีนี้กับ Into the Woods ซึ่งทั้งสองภาพยนตร์ก็ค่อนข้างจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมหลายๆคนไม่ใช่น้อย


และคราวนี้ แอนนา เคนดริก นักแสดงสาวสวยผู้มีเสียงอันไพเราะ ก็กลับมารับบทในภาพยนตร์เพลงอีกครั้งหนึ่ง จากต้นปีที่เธอเพิ่งจะรับบทเป็นซินเดอเรลล่าใน Into the Woods ของดิสนีย์มาหมาดๆ


The Last Five Years เป็นภาพยนตร์ที่พาเราลงไปสำรวจชีวิตคู่ในเวลา 5 ปีของสองพระนาง เคธี่ กับ เจมี่ ผ่านอุปสรรค และปมปัญหามากมาย ที่อาจจบลงอย่างน่าเศร้า



สิ่งที่ดูจะเป็นแสงสว่าง ความหวัง และเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ต้องหนีไม่พ้นตัวนักแสดงอย่าง แอนนา เคนดริก เอง ตั้งแต่เสียงอันไพเราะ ยันการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเธอ ซึ่งทำให้เราอยากที่จะเอาใจช่วยเธออยู่ตลอดเวลา


แต่ตัวภาพยนตร์ก็ดันมีปัญหาร้ายแรงอยู่หนึ่งประการ หรือ อาจจะพูดได้ว่าหลายประการ เพราะปัญหานี้ ก็คือทุกสิ่งๆทุกๆอย่างที่ฉายอยู่บนจอภาพยนตร์นั้นเอง


เนื่องจากทุกสรรพสิ่งบนจอภาพยนตร์มันจืดชืดไปหมด ตั้งแต่งานออกแบบฉาก เสื้อผ้า โปรดัคชั่นดีไซน์ที่ไร้สีสัน น่าเบื่อ หรือ การกำกับภาพที่ย่ำแย่ของภาพยนตร์ เพราะหลายๆมุมกล้องถ่ายออกมาไม่ค่อยสวยเท่าไรนัก ซ้ำยังขาดความคิดสร้างสรรค์ ที่แย่เข้าไปอีก ก็คือการเคลื่อนไหวของกล้องและตัวละคร ซึ่งเคยเป็นสิ่งที่โดดเด่นมากๆในภาพยนตร์ Into the Woods แต่ใน The Last Five Years การเคลื่อนไหวเหล่านี้กลับติดๆขัดๆ น่าเบื่อ และไร้ชีวิตชีวา ไม่แน่ใจว่าต้นตอปัญหาของหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่เกิดขึ้น เป็นเนื่องมาจากงบประมาณเพียงแค่ 2 ล้านเหรียญสหรัฐด้วยหรือไม่ จึงเป็นเหตุทำให้ทุกๆสิ่งออกมาครึ่งๆกลางๆเช่นนี้


ถึงกระนั้นก็ตาม โชคยังดีที่บทเพลงอันไพเราะหลายๆเพลง และเคมีที่เข้ากันของทั้งสองนักแสดงหลักก็ช่วยพยุงตัวภาพยนตร์ให้น่าดู น่าติดตามได้อยู่บ้าง



นอกจากนั้นแล้ว สิ่งที่น่านำมาครุ่นคิดจริงๆ ก็คือการเปลี่ยนถ่ายจากละครเวทีมาสู่ภาพยนตร์ของ The Last Five Years ซึ่งผู้เขียนได้ไปค้นหาข้อมูลมาภายหลังจากได้ชมภาพยนตร์ และก็ไปสะดุดกับจุดเด่นของ The Last Five Years ฉบับละครเวทีอยู่จุดหนึ่ง ซึ่งก็คือการเล่าเรื่องอันแปลกใหม่ของมัน โดยในฉบับละครเวทีนั้นจะเล่าเรื่องผลัดกันไปมาของสองตัวละครหลัก เคธี่จะเริ่มเรื่องจากตอนฉากจบของเรื่องเล่าย้อนกลับมาตอนที่ทั้งสองคนเจอกันครั้งแรก ถ้านับเป็นตัวเลข การเล่าเรื่องของเคธี่ก็เหมือนนับ 10 ย้อนกลับมา 1


ในขณะที่ตัวละคร เจมี่ เล่าเรื่องไล่ตามเวลาปกติ โดยเริ่มจากตอนที่สองคนเจอกันครั้งแรกมาสู่จุดสิ้นสุดของทั้งคู่ หรือก็คือนับเลข 1 ไปถึง 10 ตามปกติ และในแต่ละช่วงของแต่ละคน ตัวละครหลักทั้งสองตัวจะไม่มีการปฏิสัมพันธ์กันอย่างตรงๆ(คิดง่ายๆว่าไม่มีการร้องเพลงร่วมกัน)อีกด้วย เช่นถ้าหากช่วงนี้เป็นช่วงของ เจมี่ ก็จะมีแต่เพียงเจมี่ที่ร้องเพลงเท่านั้น ส่วนเคธี่อาจจะไม่มีตัวตนอยู่ในฉาก หรือถึงมีก็ไม่ได้ร้องเพลงร่วมกัน ยกเว้นฉากแต่งงานซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางของเรื่องที่ทั้งคู่ดำเนินมาเจอกันพอดี


ซึ่งการเล่าเรื่องเช่นนี้ในฉบับละครเวที ก็ถูกนำมาใช้ในตัวภาพยนตร์เช่นเดียวกัน แต่ไม่แน่ใจว่าเพราะมาทราบถึงการเล่าเรื่องเช่นนี้ในตอนหลังที่ได้ชมตัวภาพยนตร์รึเปล่า ถึงได้ทำให้รู้สึกว่าตัวผู้กำกับ ริชาร์ด ลาแกรฟเนสส์   ก็ยังเล่าเรื่องได้จืดชืดมากอยู่ดี ถึงแม้ว่าจะมีแนวทางการเล่าที่แปลกใหม่เช่นนี้แล้วก็ตาม 



แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดใน The Last Five Years ก็คงจะหนีไม่พ้นการสอดแทรกเรื่องราวชีวิตรักอันแสนขมขื่น ความไม่เข้าใจกันของทั้งสองฝ่ายได้อย่างน่าติดตาม และเต็มไปด้วยความจริงใจ ไม่ยัดเยียด หรือพยายามเรียกน้ำตาจนน่ารำคาญเหมือนภาพยนตร์โรแมนติก/คอเมดี้ เรื่องอื่นๆ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งก็คงจะหนีไม่พ้นความจริงที่ว่าผู้สร้าง The Last Five Years ฉบับละครเวที เจสัน โรเบิรต์ บราวน์ ได้นำปัญหาการแต่งงานในชีวิตของตัวเองมาแต่งเป็นละครเวทีจริงๆ และความเจ็บปวดทั้งหมดนี้ ก็ถูกนำมาถ่ายทอดผ่านบทเพลงสุดท้ายอันแสนข่มขื่นที่ทั้งสองตัวละครหลักร้องพร้อมกันในตอนท้ายซึ่งมีชื่อเพลงว่า "ลาก่อน จนกว่าจะถึงพรุ่งนี้ / ฉันไม่อาจที่จะช่วยเธอได้ " (Goodbye Until Tomorrow / I Could Never Rescue You)


Final Score : [ 6.5 / 10 ]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น