Movie Review
ภาพยนตร์ภาคต่อมักจะห่วยกว่าภาคแรกเสมอ จริงหรือ ? (ดูท่าจะจริง)
Movie Name : RED 2 ( 2013 ) , Action / Comedy
Director : Dean Parisot ( Home Fries )
Stars : Bruce Willis ( Die Hard ) , Helen Mirren ( RED , The Queen ) , John Malkovich ( RED ) , Mary-Louise Parker ( RED ) , Anthony Hopkins ( Thor ) , Byung-hun Lee ( G.I. Joe ) , Catherine Zeta-Jones ( Chicago , Broken City ) , Brian Cox ( RED , Troy )
Rating : PG-13
REVIEW
Red 2 นั้นเป็นภาพยนตร์ภาคต่อของ RED เมื่อปี 2010 ซึ่ง RED ภาคแรกนั้นถือว่าเป็นภาพยนตร์ Action / Comedy ที่ผมชอบมากที่สุดอีกเรื่องนึงเลยทีเดียว โดยปกตินั้นหลายๆคนมักจะพูดว่า ภาพยนตร์ภาคต่อมักจะห่วยแตกมากกว่าภาคแรกเสมอๆ ซึ่งเราก็คงเห็นตัวอย่างกันไปชัดเจนแล้วกับ A Good Day To Die Hard ที่ทำให้แฟนๆ Die Hard ทั่วโลกอยากร้องไห้ ซึ่งแม้แต่ผมเองที่ไม่ได้เป็นแฟน Die Hard เลย ยังรู้สึกได้ถึงความโกรธ และ ความเศร้า อย่างบอกไม่ถูก สำหรับ RED 2 นั้นดูจาก Cast หรือ นักแสดงใหม่แล้ว ผมค่อนข้างตื่นเต้นทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Byung-hun Lee จาก G.I. Joe หรือ แม้กระทั่ง Anthony Hopkins ที่คงไม่ต้องสาธยาย ว่าเขาทำผลงานระดับตำนานหลายๆเรื่องมาแล้วใน Hollywood และ ถือเป็นนักแสดงระดับตำนานอีกคนหนึ่งเลยทีเดียว RED 2 นั้นก่อนชม ผมค่อนข้างจะได้ยินเสียงมาเป็นหลายส่วนเลยทีเดียว บางคนก็บอกว่าสนุกกว่าภาคแรก บางคนก็บอกว่าสนุกแต่ไม่เท่าภาคแรกเลย บางคนก็บอกว่าห่วยก็มี (โดยเฉพาะ Metacritic ที่หล่นจาก 61 เหลือ 47 และ Rotten Tomatoes จาก 72% เหลือ 40% ) ณ จุดนี้สำหรับคนดูอย่างผมที่ชอบ RED ภาคแรกมากๆนั้น ขอให้มันไม่แย่ก็พอแล้ว ไม่ต้องถึงขนาดเทียบภาคแรกได้หรอก
RED 2 นั้นได้เปลี่ยนตัวผู้กำกับมาเป็น Dean Parisot ซึ่งภาพยนตร์ที่เขากำกับมาก่อนหน้านี้นั้นส่วนใหญ่จะเป็นภาพยนตร์ตลกเสียมากกว่า ส่วนผู้กำกับ RED ภาคแรกนั้นสำหรับ Robert Schwentke ไม่รู้ว่าเพราะอะไรพี่แกดันไปสร้างภาพยนตร์อีกเรื่องมาแข่งกับ RED 2 ซึ่ง RED ภาคแรกแกเป็นคนกำกับเองแท้ๆ ซึ่งเรื่องนั้นก็คือ R.I.P.D ซึ่งไม่รู้ว่าผมจะดีใจหรือเสียใจดี เพราะ R.I.P.D นั้นนักวิจารณ์และคนดูต่างประเทศ เสียงค่อนข้างจะไปทางเดียวกัน คือแย่ถึงแย่มากเลยทีเดียว
RED 2 อาจจะเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า บางทีคำพูดที่ว่า "ภาพยนตร์ภาคต่อมักจะห่วยกว่าภาคแรกเสมอๆ" อาจจะเป็นจริงก็เป็นได้
จุดแรกที่ผมไม่ชอบมากที่สุดในภาคนี้คือ การที่ตัวผู้กำกับนั้นโฟกัสได้อย่างผิดจุดมากๆ เพราะ ตัวหนังนั้นจริงๆแล้วมันควรจะเป็น Action / Comedy แต่ในบางฉากตัวหนังก็โฟกัสไปที่ Romance ซะจนงงว่าตกลงจะให้กลายเป็นหนัง Romance ไปเลยไหม หรือ บางช่วงตัวหนังก็โฟกัสไปที่การสืบสวนมากเกินไปจนพางงอีกเช่นกันว่านี้ตกลงจะเป็น หนังสืบสวนแทนอีกแล้วใช่ไหม มันทำให้ส่วนเหล่าๆนี้ที่ตัวผู้กำกับโฟกัสผิดทาง ไปทับส่วนอื่นของหนังไปหมด จนมันแทบจะไม่เหลือความเป็น Action / Comedy แล้ว แถมในหลายๆช่วงสิ่งที่เขาโฟกัสมันก็ค่อนข้างจะแย่จนพาน่าเบื่อไปอีกด้วย ยังไม่รวมถึงหลายๆฉากที่หาความสมเหตุสมผลไม่เจออีกทั้งๆที่บางส่วนตัวหนังก็เป็นคนอธิบายแท้ๆ แต่พอฉากถัดมาตัวผู้กำกับก็เหมือนจะลืมๆส่วนนั้นไปเพื่อให้หนังมันเดินต่อไปได้ รวมไปถึงการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างจะแย่ เพราะ ตัวหนังโฟกัสผิดที่มันก็แย่อยู่แล้วสับสนพอประมาณอยู่แล้ว เล่าเรื่องก็แย่เข้าไปอีก มันทำให้บางส่วนของหนังพางงว่าตกลงมันเกิดอะไรยังไงกันแน่
ฉาก Climax สุดท้ายของหนังใน RED ภาคแรกนั้น เป็นฉาก Climax ที่รู้สึกได้ว่า สนุก เท่ ฉลาดจริงๆ แต่ฉาก Climax ใน RED 2 นั้น ฮืมมมม์ มันเป็นฉาก Climax ที่ผมโคตรจะเกลียด เพราะ มันช่างไม่สมเหตุสมผล และไม่สนุกเลยแม้แต่น้อย เหมือนใส่ๆมันเข้าไปเพื่อให้หนังมันจบได้ไปอย่างงั้น และ ตัวหนังเองก็ไม่แม้แต่สนใจที่จะอธิบายฉากนั้นด้วยซ้ำไป
ตัวละครใน RED 2 นั้นตัวละครบางตัวอย่างน้อยก็ยังถือว่าเป็นแสงเล็กน้อยที่อยู่ท่ามกลางความมืดและสิ้นหวังนี้ได้อยู่บ้าง อย่างเช่นตัวละครของ Catherine Zeta-Jones ที่(โคตร)สวย Sexy ในหลายๆฉากเธอทำให้ตัวหนังสนุกขึ้นมาได้พอสมควรเลยทีเดียว นอกจากนั้นตัวละครของเธอ ยังมีอะไรคล้ายๆกับตัวละครของ Karl Urban ตัวร้ายในภาคแรกอีกด้วย ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ดีมากๆ นั้นแหละครับ จบและ แค่นั้นแหละ ตัวละครเก่าของ RED นั้นทำอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้คุณรู้สึกว่าหยั่งกะเป็นคนละเรื่องจาก RED ภาคแรกเลย เพราะ RED ภาคแรกนั้นในหลายๆฉากคุณจะรู้สึกได้โดยเฉพาะ Frank ตัวละครของ Bruce Willis ว่าเขาฉลาดจริงๆ เขาเก่งจริง ไม่ใช่แค่เพราะหนังอวยว่าเทพเฉยๆ แต่ใน RED 2 เหมือนตัวละครเหล่านี้ทำอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้คุณสงสัยว่านี้มันตัวละครเดียวกับตัวละครในภาคแรกหรอ เพราะ ตัวละครเหล่านี้เหมือนจะถูกลดลงมาเหลือแค่ ตัวละครในหนัง Action ทั่วๆไป เดินตามบทเฉยๆ ยังไม่นับถึงตัวละครเหล่านี้ ที่น่าสนใจน้อยลงอย่างมาก เพราะ ตัวหนังดันไปโฟกัสผิดที่
ถ้าคุณหวังว่าตัวละครของ Anthony Hopkins จะดีละก็เตรียมตัวผิดหวังได้เลย ตัวละครของเขานั้นจริงๆตอนแรกนั้น ผมคิดว่าน่าจะเป็นสีสันให้กับตัวหนังได้เลยทีเดียว แต่เนื่องจากผลที่มาจากบทที่สุดแสนจะหลงทางของหนังทำให้ตัวละครนี้ดันเปลี่ยนไปอีกแบบ ซึ่งเหมือนเปลี่ยนจากทองไปเป็นขอนไม้เน่าๆผุพังซะอย่างงั้น รวมไปถึงความสมเหตุสมผลของตัวละครที่เหมือนโยนๆเข้ามา อธิบายแค่ 2 วิ พอจบ เหมือนไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำว่าตัวละครนี้มันจะสมเหตุสมผลไหม ตัวละครของ Byung-hun Lee ที่น่าจะสร้างความสนุกในตัวหนังได้มากพอตัวเลยทีเดียว แต่ตัวละครของเขาเหมือนจะถูกทำลาย เพราะ หลายๆอย่างมันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลยกับสิ่งที่ตัวหนังบอกอย่างนึงแต่บางฉากกลับทำอีกอย่าง แล้ว มันลากให้ตัวละครของเขาพาไม่สมเหตุสมผลไปด้วย ซึ่งผมไม่ขอโทษนักแสดงเหล่านี้เลย ไม่ว่าจะเป็น Anthony Hopkins หรือ Byung-hun Lee แต่ผมขอโทษไปเต็มๆที่ บท และ ผู้กำกับที่กำกับได้อย่าง งงงวยสุดๆ
Brian Cox อย่างที่ผมบอกไปแล้วในรีวิว RED ภาคแรก ผมคิดว่า RED ในภาคแรกเขาเป็นอีกตัวละครที่เหมือนจะถูกลืม ทั้งๆที่เป็นตัวละครที่น่าสนใจ น่าติดตาม สนุก ตลก รวมไปถึงโคตรเท่ ในตอนแรกนั้นผมค่อนข้างจะเป็นห่วงว่าภาคนี้จะไม่มีป๋าแกอีก แต่พอได้รู้ว่าภาคนี้ป๋าแกมาแสดงด้วยทำให้ผมยิ่งอยากดู RED 2 มากขึ้น ซึ่งในภาคแรกนั้นผมคิดว่าตัวเขานั้นมีบทน้อยอยู่แล้ว แต่ภาคนี้ดันกลับมีบทน้อยยิ่งกว่าเดิม รวมๆทั้งเรื่องไม่ถึง 2 นาที หรือน้อยกว่าด้วยซ้ำ ทำให้ผมรู้สึกเสียดายอย่างมาก เพราะ ผมคิดว่าตัวละครของเขาน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่นี้เหมือนจะใส่ๆมาให้มีเฉยๆ ทั้งๆที่บทแทบจะไม่มีอะไร และ ไม่โผล่มาเลยยังได้ (แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีล่ะมั้ง)
สิ่งที่น่าเจ็บใจและน่าเศร้าใจที่สุดก็คือ RED ภาคแรกนั้นมี Potential หรือ ความเป็นไปได้ที่ทิ้งเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวการรีไทร์ของพวกเขาแต่ละคน ฉาก Action ต่างๆที่ ณ จุดนี้ต่อให้เวอร์เท่า Die Hard ก็คงจะไม่แปลกอะไรแล้ว หรือ อื่นๆอีกมากมาย แต่ ในภาคนี้เหมือน ผู้กำกับจะโยนทุกอย่างทิ้ง และ มันทำให้ RED 2 กลายเป็นภาพยนตร์ที่หลงทางสุดขีดแทน ยังไม่นับถึงตัวหนังที่ทั้งเรื่องมีอยู่แค่สองอย่างสองอารมณ์คือ ธรรมดาเรื่อยๆ เฉยๆ และ น่าเบื่อจนทำให้ผมคิดว่า "เมื่อไรจะจบ" ถึงแม้ตัวหนังจะมีไอเดียที่น่าสนใจอย่างเช่น ในช่วงเปิดเรื่อง และ บางช่วงที่ใช้การตัดไปอีกฉากด้วยการใช้การ์ตูนเหมือนเราได้อ่านหนังสือการ์ตูน (เนื่องจาก RED นั้นเป็นภาพยนตร์ที่มีต้นแบบมาจากการ์ตูนในชื่อเดียวกันของ WildStorm Comics ซึ่งตอนนี้อยู่ในเครือของ DC Comics) ตัวละครใหม่อย่าง Catherine Zeta-Jones และ ฉาก Action บางฉากที่พอสนุกได้บ้าง แต่นั้นก็ไม่สามารถที่จะช่วยอะไรตัวหนังได้เลย เพราะ ปัญหาที่ตัวหนังเจอนั้นตอนนี้มันหนักกว่าเยอะ
RED ในภาคแรกนั้น มันเป็นภาพยนตร์ที่ช่างสุดยอด สนุก ตลก Element ต่างๆที่ดีมากๆในตัวภาพยนตร์ แทบทุกๆอย่างในหนังมันเหมือนจะดูดีไปหมด แต่พอมาใน RED 2 ผู้กำกับคนใหม่ใส่ความพยายามที่จะทำให้มันเป็นมากกว่า RED หรือ มากกว่าหนัง Action / Comedy ทั้งๆที่ของเก่ามันก็ดีอยู่แล้ว และ ตัวแกเอง Element หลายๆส่วนก็ทำได้แย่อยู่แล้ว เหมือนเอา อะไรแย่ๆ มาผสมกับอะไรแย่ๆ ที่หลงทางมั่วซั่วกันไปหมด จนเละเทะไปหมด และ จาก RED ภาคแรก กลายเป็น RED 2 ที่แทบไม่เหลืออะไรอีกเลย นอกจาก ซากปรักหักพัง เต็มไปด้วย บทที่สุดแสนจะหลงทาง ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง หลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่หาความสมเหตุสมผลไม่เจอ ทั้งๆที่บางส่วนตัวหนังก็เป็นคนอธิบายเองแท้ๆ แต่เหมือนกลับว่าใส่ๆมันไปเหอะ เพื่อให้หนังมันเดินต่อไปได้ รวมไปถึงฉากจบที่สุดแสนจะน่าผิดหวัง ขี้เกียจ ไร้เหตุผล ไร้การอธิบาย และใส่ๆมาเพื่อให้หนังมันจบได้ การเล่าเรื่องที่ค่อนข้างจะแย่และมั่วไปหมดจนบางครั้งคุณสับสนว่าตกลงมันยังไงกันแน่ ยังไม่รวมถึงตัวหนังที่มีอยู่ 2 อารมณ์ คือ เฉยๆเรื่อยๆ กับ น่าเบื่อจนต้องคิดว่า"เมื่อไรจะจบ" และ 2 อารมณ์นี้ก็อธิบายคุณภาพของ RED 2 ได้เป็นอย่างดี เพราะ RED 2 มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
จุดที่ตัวภาพยนตร์ทำได้ดี :
+ Catherine Zeta-Jones ที่ สวย Sexy และ ตัวละครของเธอมีความคิดคล้ายๆกับตัวละครของ Karl Urban ใน RED ภาคแรก
+ การเปิดเรื่องและการตัดไปอีกฉากด้วยวิธีที่ทำให้ดูเหมือนอ่านหนังสือการ์ตูน
+ ฉาก Action บางฉากที่พอสนุกได้บ้าง
จุดที่ดูเหมือนจะไปไม่รอด
- บทที่สุดแสนจะหลงทางจะ Action ก็ไม่ Action จะ สืบสวนก็ไม่สืบสวน จะตลกก็ไม่ตลก จะหนังรักก็ไม่ใช่อีก มันทำให้ตัวภาพยนตร์ไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง
- ตัวละครเก่าหลายๆตัวที่ทำให้สงสัยว่านี้คือตัวละครเดียวกับ RED ภาคแรกจริงหรือ เพราะ เหมือนจากเปลี่ยนจาก นักฆ่าระดับเทพโคตรอันตราย เหลือ นักฆ่าเฉยๆ
- ความรู้สึกของตัวภาพยนตร์มีตั้งแต่ เฉยๆ เรื่อยๆ ไปจนถึง น่าเบื่อ
- ตัวละครของ Anthony Hopkins ที่น่าจะเป็นตัวละครที่น่าสนใจ และ น่าจะเป็นสีสันของตัวภาพยนตร์ได้มาก แต่เนื่องจากบทที่หลงทางของภาพยนตร์ทำให้ตัวละครเปลี่ยนไปจนเหลือ แต่ ตัวละครที่ไม่น่าสนใจ ไม่น่าติดตาม ไม่สนุกเอาเสียเลย และใส่ๆเหตุผลมา 2 วิพอ เหมือนไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำว่าตัวละครนี้มันจะสมเหตุสมผลหรือไม่
- ตัวละครของ Byung-hun Lee ที่น่าจะเป็นสีสันให้กับตัวภาพยนตร์ได้อีกเช่นกันคล้ายๆกับ Anthony Hopkins แต่เพราะบทที่แย่ทำให้ตัวละครของเขาพาไม่สมเหตุสมผลไปด้วย
- Brian Cox ที่มีการแสดงและตัวละครที่สนุก น่าติดตาม น่าสนใจ และ ควรจะเป็นหนึ่งในตัวละครหลักด้วยซ้ำไป ทั้งๆที่ RED ภาคแรกนั้นตัวละครของเขาก็บทน้อยอยู่แล้ว ในภาคนี้ทั้งเรื่องเขาโผล่มาเพียง 2 นาทีหรือน้อยกว่าด้วยซ้ำไป !!
- ฉากจบที่สุดแสนจะขี้เกียจ ไร้เหตุผล และ ไร้ความเป็น RED อย่างที่สุด เหมือนใส่ๆมาให้มันมีฉากจบเท่านั้น
- การเล่าเรื่องของภาพยนตร์ที่แย่และหลายๆส่วนที่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
Final Score : [ C ]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น