วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Wolverine ( 2013 ) Movie Review

Movie Review
พี่วูฟกลับมาแว้วววว !!




Movie Name : The Wolverine ( 2013 ) , Action / Adventure / Fantasy
Director : James Mangold ( Knight And Day ) 
Stars : Hugh Jackman ( Les Miserables , Movie 43 , X-Men Trilogy) , Tao Okamoto , Rila Fukushima , Svetlana Khodchenkova ( Tinker Tailor Solider Spy ) , Hiroyuki Sanada ( The Last Samurai ) , Hal Yamanouchi ( Push ) 
Rating : PG -13









REVIEW


                                                                                    Wolverine นั้นสำหรับในจักรวาล Marvel หรือ ในกลุ่ม X-Men นั้นถือได้เลยว่าเป็นตัวละครอีกตัวหนึ่งที่สำคัญมากถึงมากที่สุด โดยไม่ต้องสงสัย บางทีถ้าใครจะพูดถึง X-Men จะต้องพูดถึง Wolverine เป็นตัวละครแรกก็คงจะไม่แปลกอะไรเลย Wolverine ในภาคนี้นั้นจะเป็นเรื่องราวที่ต่อจาก X-Men : The Last Stand (ภาค3) เลยครับผม เพราะ ฉะนั้นท่านใดที่ยังไม่ได้ชม X-Men สามภาคแรกมาก่อนแล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่า เชยยยยยยย อ่ะ และ ดูไม่ค่อยจะรู้เรื่องแน่นอนครับ และต่อให้ดูรู้เรื่อง ผมก็คงไม่แนะนำให้ไปดูเท่าไร เพราะ มันจะทำให้คุณเสียอารมณ์ในสิ่งที่ตัวภาพยนตร์ต้องการจะสื่อ ส่วนสำคัญไปพอสมควรเลยทีเดียว 


The Wolverine หลังจากที่ผมได้ข่าวมาว่าคราวนี้จะไปที่ญี่ปุ่น ไม่รู้นะตอนแรกผมนึกภาพไปๆมาแล้ว ผมคิดไว้ก่อนเลย "จะห่วยไหมเนี้ย"  ยิ่งกระแสต่างๆหลังจากภาพยนตร์เข้าฉายทั้งในไทย และ ในต่างประเทศก็ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะ เสียงค่อนข้างจะแตกมากๆ โดย เท่าที่ผมฟังๆมา ในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะบอกว่าค่อนข้างน่าผิดหวังซะเป็นส่วนมาก (ซึ่งตอนผมดูจบผมเข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงผิดหวังกัน) ในขณะที่ นักวิจารณ์ต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นใน Youtube ที่ผมติดตามอยู่กลับไปทางคนละด้านเลยเพราะให้คะแนนกันค่อนข้างจะสูงมากเลยทีเดียว รวมไปถึงใน Rotten Tomatoes ที่ตอนแรกมีคะแนนถึง 70% (ซึ่งถ้าใครที่ติดตามวงการภาพยนตร์มานานจะทราบว่า เว็ปมะเขือเน่าโหดมาก หนังเรื่องไหนถ้าห่วยจริงนี้ อาจจะร่วงไปเหลือ 0% ไม่รู้ตัว และ ผมค่อนข้างจะเชื่อถือเว็ปมะเขือเน่าเป็นอันดับหนึ่งเสมอๆ) ทำให้ผมเริ่มรู้สึกตื่นเต้น และ อยากดู The Wolverine มากขึ้นจริงๆ



The Wolverine ในภาคนี้นั้น จุดเด่นของมันเลยก็คือ Character Development หรือ การพัฒนาของตัวละครอย่างชัดเจนเลยจริงๆ ซึ่งใน The Wolverine นั้นทำได้ดีมากอย่างเหลือเชื่อ มากจนผมอธิบายไม่ถูกจริงๆ เพราะ หลังจากเหตุการณ์ใน The Last Stand โลแกน จะต้องประสบเจอกับหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง และ ที่สำคัญไปกว่านั้น เขาจะต้องสู้กับจิตใจของตัวเอง จากสิ่งที่เขาได้ทำลงไปใน The Last Stand (ถึงแม้เขาจะไม่อยากทำเลยแม้แต่น้อยก็ตาม) ในตอน ณ จุดนี้ของเรื่อง เขาตั้งคำถามกับตัวเองหลายสิ่งหลายอย่างมาก  ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง เราจะเห็นตัวละครของเขาพัฒนาไปมากจริงๆ ยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่ชอบตัวละครนี้ด้วยอยู่แล้วคุณจะยิ่งชอบเรื่องนี้มากอีกสิบเท่าได้ หรือ แม้กระทั่งถ้าคุณได้ชม X-Men ภาคที่แล้วๆมาคุณจะรู้สึกร่วมไปกับตัวละครได้อย่างง่ายดาย และ ทุกๆครั้งที่คุณคอยเอาใจช่วยตัวละครนี้สุดๆเลยจริงๆ ทุกครั้งที่เขาโดนยิง หรือ กำลังอยู่ในเหตุการณ์ที่ลำบากคุณมักจะเอาใจช่วยเขาเสมอๆให้ผ่านเหตุการณ์นั้นๆไปให้ได้


การเล่าเรื่องใน The Wolverine นั้นก็ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำได้สุดยอดจริงๆ เพราะ เป็นการเล่าเรื่องที่สนุก น่าติดตาม และ ตื่นเต้นจริงๆ หลายๆครั้งคุณแทบจะรู้สึกร่วมไปกับตัวละครอย่างง่ายดาย เพราะ การเล่าเรื่องที่ลื่นไหล น่าเชื่อถือ และ น่าติดตามนี้ของ James Mangold รวมไปถึงตัวละครใหม่ๆหลายตัว ที่น่าสนใจ และมีส่วนสำคัญในเรื่องทุกตัวละครอีกด้วย ไม่มีตัวละครใดเลยที่เหมือนมีมาเพื่อเอาไว้โยนทิ้ง หรือ แค่เพียงมาให้ตัวเอกของเรากระทืบเล่นเฉยๆ 


บทใน The Wolverine นั้นถือว่าค่อนข้างจะดีมากเลยทีเดียว เพราะ เป็นบทที่ Support สิ่งที่ภาพยนตร์หรือผู้กำกับต้องการจะสื่อได้อย่างดีมาก นอกจากนั้นตัวภาพยนตร์ยังพูดถึงเรื่องราว วัฒนธรรม และ หลายๆสิ่ง หลายๆอย่าง ของญี่ปุ่นได้อย่างน่าสนใจมากๆอีกด้วย ซึ่งนั้นเป็นการสื่อว่า พวกเขาได้ศึกษา แล้วทำการบ้านมาแล้วจริงๆ ไม่ใช่มาถึงเอาประเทศไหนก็ได้ หรือ แค่เหตุผลที่ว่าประเทศญี่ปุ่นสวยดี นอกจากนั้นแล้วหลายๆครั้งที่คุณชมภาพยนตร์หลายๆเรื่อง แล้วคุณรู้สึกว่า บทนั้นเอาตัวละครไหนมาแทนก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นตัวละครนี้เลย แต่ไม่ใช่เลยใน The Wolverine ไม่มีตัวละครใดๆเลยที่จะมาแทน Wolverine ได้เลยในบทนี้ นี้คือบทที่เหมาะสมที่สุด และ ดีที่สุดเลยจริงๆ สำหรับการเล่าเรื่องของ Wolverine ในจุดนี้



ยิ่งผมได้ชม The Wolverine ในภาคนี้แล้วนั้นทำให้ผมยิ่งคิดว่า คงไม่มีใครมาแทน Hugh Jackman ได้แล้วจริงๆสำหรับบทนี้ เขานั้นดูจะเหมาะสมกับบทตัวละคร Wolverine ไปหมดเสียทุกด้าน คล้ายๆ Robert Downey Jr. ในบท Iron Man หรือ โทนี่ สตารค์เลยจริงๆ คงไม่มีใครมาแทนได้จริงๆ และ ถ้าหากจะมีใครมาแทน เขาคนนั้นจะต้องคิดหนักแบบหนักมากจริงๆเลยทีเดียว



สำหรับท่านใดที่เข้าไปชม The Wolverine เพื่อที่จะไปดูฉาก Action ฟันเละเทะ ระเบิดบ้าน เผากระท่อม ปล่อยพลังคลื่นเต่า บอกได้เลยว่าคุณผิดหวังอย่างแน่นอน และผมพอที่จะเข้าใจเลยว่าทำไมบางท่านถึงได้ผิดหวัง เพราะหลายๆคนนั้นเข้าไปดู The Wolverine เพื่อฉาก Action เหล่านั้นจริงๆ  แต่ถึงกระนั้น นั่นก็เป็นสิ่งที่ผมไม่ขอโทษตัวภาพยนตร์หรือตัวหนังเลยแม้แต่น้อย เพราะ The Wolverine ในภาคนี้นั้นไม่ใช่เพียงแค่ Mutant โดดไปโดดมา มีกรงเล็บ มี Healing Factor หรือ แค่มีอาดาแมนเที่ยม อยู่ในตัวอีกต่อไป แต่ เขาคือ " The Wolverine " 





The Wolverine เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องในซีรียส์ภาพยนตร์ X-Men ที่ดีและสุดยอดอย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นบทที่น่าสนใจ น่าติดตาม สนุก และ Support สิ่งที่ตัวภาพยนตร์ต้องการจะสื่อได้ดี การพัฒนาของตัวละครอย่าง Wolverine ที่พัฒนาไปอย่างเห็นได้ชัด การพัฒนาของเขานั้นน่าสนใจ น่าติดตามเป็นที่สุด และทั้งหมดนี้ก็ต้องขอยกเครดิตให้กับ James Mangold ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวที่เล่าเรื่องออกมาได้อย่างดีมากจริงๆ  และ หลังจาก X-Men : First Class ที่แทบจะขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ที่ผมชอบมากที่สุดแล้วนั้น ยิ่งได้มาดูความสุดยอดอย่างไม่น่าเชื่อของ The Wolverine ในปีนี้แล้ว ผมแทบจะอดคิดและคาดไม่ได้เลยจริงๆ ว่า X-Men ภาคต่อไป  ที่มีชื่อว่า X-Men : Days of Future Past นั้นจะทำอะไรได้บ้าง และ ผมคงไม่แปลกใจเลยถ้าหากภาพยนตร์เรื่องนั้นจะเป็นภาพยนตร์ X-Men ที่ดีที่สุดตลอดกาล ยิ่งตอน End Credit ของ The Wolverine ที่พูดได้แค่ว่า "AWESOMEEEEEEEEEEEEEEE" ยิ่งทวีความอยากดูของผมเข้าไปอีกร้อยเท่าได้ 


The Best Quote from " The Wolverine "
"Trust me, bub, you don't want what I got." - Wolverine



จุดที่ตัวภาพยนตร์ทำได้ดี :
+ Character Development หรือ การพัฒนาของตัวละครที่น่าสนใจ น่าติดตาม 
+ ตัวละครที่น่าสนใจ น่าติดตาม มีคาแรกเตอร์ หรือ ความคิดเป็นตัวของตัวเอง
+ ตัวละครใหม่ที่น่าสนใจ และ มีส่วนสำคัญกับตัวเนื้อเรื่องหมดทุกตัวละคร
+ การเล่าเรื่องที่สุดยอด ทำให้คุณรู้สึกเชื่อในสิ่งต่างๆในภาพยนตร์ และ คุณรู้สึกไปกับตัวละครหลักอย่าง โลแกน หรือ วูฟเวอรีน เป็นอย่างมาก
+ บทที่น่าสนใจ Support ในสิ่งที่ตัวภาพยนตร์ต้องการจะสื่อได้อย่างดีเยี่ยม และ เป็นบทที่เหมาะสมกับ Wolverine และ เรื่องราวในภาคนี้แบบที่ไม่มีตัวละครใดมาแทนได้
+ Hugh Jackman ที่แสดงให้เห็นแล้วว่า บทนี้ไม่มีใครมาแทนเขาได้จริงๆ



จุดที่ดูเหมือนจะไปไม่รอด :
- ?




Final Score : [ A ] & [ MUST SEE BADGE ]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น