Movie Review
มหัศจรรย์ดวงดาวมหากาพย์ !!?
Movie Name : Stardust ( 2007 ) , Adventure / Fantasy
Director : Matthew Vaughn ( X-Men : First Class )
Stars : Charlie Cox ( Casanova ) , Claire Danes ( Homeland ) , Michelle Pfeiffer ( Batman Returns ) , Robert De Niro ( Taxi Driver , Killer Elite )
Rating : PG-13
REVIEW
Stardust เป็นภาพยนตร์แฟนตาซีอีกเรื่องนึงที่หลังจากดูจบผมต้องขอบอกเลยว่า สำหรับผมถือเป็นภาพยนตร์แฟนตาซีที่ผมชอบมากที่สุดอีกเรื่องนึงเลยทีเดียว (แต่ที่หนึ่งสำหรับผมก็ยังคงเป็น Narnia : Prince Caspian) และ ถือเป็นภาพยตร์ที่มี 2 สิ่งที่ผมชอบมากๆมารวมกัน อย่างแรกเลยก็คือ Robert De Niro ที่นี้คงเป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่ป๋าแกแสดงภาพยนตร์แฟนตาซี อย่างที่สองคือผู้กำกับ Matthew Vaughn ซึ่งเขากำกับภาพยนตร์เรื่อง X-Men : First Class ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ผมชอบมากๆถ้าให้จัดอันดับ Top 10 ภาพยนตร์ที่ชอบมากที่สุดตลอดการแบบส่วนตัว ก็คงจะมี X-Men : First Class อยู่ในนั้นแน่นอน ซึ่งนอกจากนั้นยังมีทีมเขียนบทเดียวกับ X-Men : First Class อยู่อีกด้วย
Stardust เป็นภาพยนตร์แฟนตาซีที่มีจุดแข็งหลายๆอย่างที่ภาพยนตร์แฟนตาซีส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีนัก อย่างแรกคือ บทที่สุดแสนฉลาด Stardust มีบทหลายๆช่วงที่ฉลาดมากๆ รวมไปถึงเรื่องราวที่น่าสนใจ และ น่าติดตามอย่างมาก มีหลายๆช่วงที่บทถูกวาง Setup ได้อย่างแสนชาญฉลาด ทำให้ฉากต่อมาๆนั้นมีความน่าสนใจ และ ความสนุกที่มากขึ้น ส่วนนึงก็เพราะบทที่แสนฉลาดเนี้ยแหละ แถมหลายๆอย่างในภาพยนตร์ยังมีความสมเหตุสมผลที่ดีอีกด้วยเนื่องจากตัวบทที่เขียนมาดี ตัวภาพยนตร์ Stardust นั้นเป็นภาพยนตร์ที่มีต้นฉบับมาจากนวนิยายเหมือนกับภาพยนตร์แฟนตาซีหลายๆเรื่อง เช่น Narnia ซึ่งจากที่ได้ยินมานั้น ตัวนิยาย Stardust จะค่อนข้างดารค์กว่าและค่อนข้างจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่า แต่ในตัวภาพยนตร์จะออกแนวเป็นครอบครัว แฟนตาซีแบบมากๆ เสียมากกว่า
Stardust ถือว่าเป็นภาพยนตร์แฟนตาซีอีกเรื่องที่มีดารามีชื่อเสียงหลายคนมากๆมารวมกัน อย่างเช่น Robert De Niro , Mark Strong จาก Green Lantern , Jason Flemyng จาก Clash of The Titans , Ian Mckellen จาก The Lord of The Rings ซึ่งในเรื่องนี้รับบทเป็น Narrator , Michelle Pfeiffer จาก Batman Returns ซึ่งในเรื่องนี้เธอแสดงเป็น ลาเมีย หรือ แม่มดตัวร้ายนั้นแหละ ซึ่งต้องขอบอกว่า เธอแสดงได้อย่างสุดยอด และ เหมาะสมกับบทมากๆ นอกจากนั้นยังมี Henry Cavill อยู่ในภาพยนตร์อีกด้วย ซึ่งเราเพิ่งจะได้ชมเขาเล่นเป็นบุรุษเหล็ก Man Of Steel นี้เอง ต้องขอบอกว่าเป็น Team Cast ที่ค่อนข้างจะแข็งแรงอยู่มากมันทำให้ตัวภาพยนตร์น่าสนใจมากขึ้น โดย Casting เหล่านี้ พอผนวกเข้ากับ ตัวละครในเรื่องที่แต่ละตัวค่อนข้างจะมีความน่าสนใจอยู่แล้ว ยิ่งทวีคูณความสนุกเข้าไปอีก
Stardust หลายๆฉากมีภาพที่สวยงามจริงๆ ทีมงานเลือก Location ได้สวยงามจริงๆ รวมไปถึง CG ในหลายๆฉากที่แม้ตอนนี้ปี 2013 แล้ว ผ่านมาแล้ว 6 ปี ตัวภาพยนตร์ CG ก็ยังคงดูสวยงามอยู่เช่นเคย
Stardust นั้นแทบจะเป็นภาพยนตร์แฟนตาซีที่สุดยอดมากๆอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ดันมาตกม้าตายตอนท้ายเสียดายในบางจุด
อย่างแรกเลยก็คือ ฉากจบ ฉากต่อสู้ตอนสุดท้าย ที่ค่อนข้างจะน่าผิดหวัง และเหมือนดาวน์เกรดมาเหลือแค่ภาพยนตร์แฟนตาซีทั่วๆไป ทั้งๆที่ช่วงแรกทั้งหมดของภาพยนตร์นั้นบทนั้นสุดยอดมากๆ และไม่มีช่วงใดเลยที่รู้สึกว่า บทมันไม่สมเหตุสมผล แต่พอมาช่วงท้ายของภาพยนตร์ บทก็กลับดรอปลงและไม่สมเหตุสมผลในบางจุด และ หลายๆจุดที่น่าผิดหวังจริงๆ น่าเสียดายโอกาสที่ช่วงแรกนั้นตัวภาพยนตร์ทำมาได้สุดยอดแล้ว
จุดที่สองคือ ตัวละครของ Robert De Niro ที่น่าสนใจ สนุกมากๆ แต่กลับโผล่มาแค่เพียงกลางเรื่องเท่านั้น นอกจากนั้นโผล่มาอีกทีก็จบเรื่องแล้วเลย ซึ่งมันน่าผิดหวังมากๆ ถ้าหากให้เขามีบทมากกว่านี้ มันคงจะสนุกกว่านี้มาก ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุมาจากที่ตัวป๋า Robert De Niro เองมีเวลาถ่ายทำว่างแค่ 2 อาทิตย์เท่านั้น และจะต้องถ่ายให้เสร็จภายในเวลานั้น อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้บทน้อยลงก็อาจจะเป็นไปได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก
Stardust เป็นภาพยนตร์แฟนตาซี / ผจญภัย ที่เกือบแล้วเชียวจะเป็นภาพยนตร์แฟนตาซีที่แทบจะดีที่สุด ด้วยบทที่สมเหตุสมผลอย่างไม่น่าเชื่อ บทที่แข็งแรง และ Setup ได้อย่างแสนฉลาด ตัวละครที่น่าสนใจ น่าติดตาม ไอเดียต่างๆในภาพยนตร์ที่น่าสนใจ และ สนุกมากๆ รวมไปถึง Casting ที่มีแต่นักแสดงระดับแถวหน้าทั้งนั้น น่าเสียดายตัวภาพยนตร์มาตกม้าตายเอาตอนฉากต่อสู้สุดท้ายที่สุดแสนจะน่าผิดหวัง และ ดรอปลงจากภาพยนตร์แฟนตาซีแถวหน้า เหลือ แค่ ภาพยนตร์แฟนตาซีธรรมดาๆ ทั้งๆที่ช่วงแรกนั้นปูมาได้อย่างสุดยอดแล้วแท้ๆ รวมไปถึง ตัวละครของ Robert De Niro ที่สนุก น่าสนใจ และ น่าติดตาม ที่ควรจะมีบทมากกว่านี้ แต่สุดท้ายทั้งเรื่องดันโผล่มาแค่ตอนครึ่งเรื่องเท่านั้น ถึงแม้จะบอกว่าเวลาถ่ายของนักแสดงไม่พอก็ตาม แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเอามากๆ แต่อย่างไรก็ตาม Stardust ก็ถือว่าเป็นภาพยนตร์แฟนตาซีที่สุดยอดมากๆอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
The Best Quote from " Stardust "
" You know when I said I knew little about love? That wasn't true. I know a lot about love. I've seen it, centuries and centuries of it, and it was the only thing that made watching your world bearable. All those wars. Pain, lies, hate... It made me want to turn away and never look down again. But when I see the way that mankind loves... You could search to the furthest reaches of the universe and never find anything more beautiful. So yes, I know that love is unconditional. But I also know that it can be unpredictable, unexpected, uncontrollable, unbearable and strangely easy to mistake for loathing, and... What I'm trying to say, Tristan is... I think I love you. Is this love, Tristan? I never imagined I'd know it for myself. My heart... It feels like my chest can barely contain it. Like it's trying to escape because it doesn't belong to me any more. It belongs to you. And if you wanted it, I'd wish for nothing in exchange - no gifts. No goods. No demonstrations of devotion. Nothing but knowing you loved me too. Just your heart, in exchange for mine. "
จุดที่ตัวภาพยนตร์ทำได้ดี :
+ บทที่สุดแสนฉลาด Setup สำหรับฉากต่อๆไปได้อย่างชาญฉลาด และ สมเหตุสมผลอย่างเหลือเชื่อ
+ บทที่น่าสนใจ น่าติดตาม
+ ทีม Casting ที่มีแต่นักแสดงระดับแถวหน้า
+ ไอเดียและการตีความหลายๆอย่างในภาพยนตร์ที่น่าสนใจ และ สนุก
+ CG และ ฉาก Location ที่สวยงาม อลังการ แม้จะผ่านมาแล้ว 6 ปีก็ตาม
+ ตัวละครที่น่าสนใจ มีคาแรคเตอร์เป็นตัวของตัวเอง
จุดที่ดูเหมือนจะไปไม่รอด :
- ฉากต่อสู้สุดท้ายที่น่าผิดหวัง และ เหมือนดรอปลงมาเหลือแค่ภาพยนตร์แฟนตาซีธรรมดาๆทั่วไป
- Robert De Niro ทั้งๆที่มีตัวละครที่น่าสนใจ และ สนุกมากๆ แต่ทั้งเรื่องกลับมีบทแค่ตอนกลางเรื่องเท่านั้น ช่างน่าเสียดายโอกาสยิ่งนัก
Final Score : [ B + ] & [ Must See Badge ]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น