GAME REVIEW
เกมที่ดีที่สุดในทศวรรษนี้ ? ไม่สิ Journey เป็นมากกว่าเกมด้วยซ้ำไป และ เป็นอะไรที่หาคำบรรยายได้ยากเหลือเกิน
Game Name : Journey ( 2012 ) Adventure
Director : Jenova Chen
Developers : Thatgamecompany ( Flow , Flower )
Platforms : Playstation 3 Exclusive
Composers : Austin Wintory
REVIEW
Journey เป็นเกมแรกเลยที่ถ้าจะให้ผมหาคำบรรยายเกมๆนี้ออกมา คงพูดวันนี้ไม่หมด มันช่าง "สวยงาม อลังการ ไพเราะ หดหู่ เศร้า สิ้นหวัง มีความหวัง สนุก ตื่นเต้น ......" ไปเรื่อยๆนับไม่ถ้วน Journey นั้นเป็นเกมที่ออกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยลงเพียงเครื่องเดียว Exclusive คือ Playstation 3 เท่านั้น และ ถือเป็นเกมที่นักวิจารณ์และเกมเมอร์ทั่วโลกชอบมากที่สุดอีกเกมนึงเลยก็ว่าได้ และ ได้รับรางวัลแบบมหาศาลมากมาย อย่างเช่น Game of the year จาก IGN , Editor's Choice มากมายจากหลายที่ ทำให้ผมก็อดสงสัยไม่ได้และอยากเล่นมากๆ ก็เลยได้โอกาสหามาเล่นจนได้
Journey เป็นเกมที่ได้พิสูจน์แล้วว่า การเล่าเรื่อง หรือ เกมๆหนึ่งไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมีแถบเสตตัสอะไรวุ่นวายไปหมด หรือ จะต้องมีตัวละครโคตรเท่ หล่อเหลา หรือ แม้กระทั่งเสียงพูดด้วยซ้ำไป Journey ทั้งเกมนั้นแถบเสตตัสนั้นไม่มีเลยทั้งเกม เสียงตัวละครพูดก็ไม่มีอีกเลยเช่นกัน ไม่มีแม้กระทั่งหน้าต่างอะไรทั้งนั้น ไม่มีอะไรเลยก็ว่าได้ มีแต่เพียงตัวละครของคุณ และ สิ่งรอบตัวเท่านั้น ไม่มีบอกไม่มีใบ้ ไม่มีอะไรทั้งนั้นเลย แต่กลับถือได้ว่าเป็นเกมที่เล่าเรื่องได้สุดยอดมากจนหาอะไรเปรียบไม่ได้ โดยไม่ได้ใช้คำพูดอะไรเลยทั้งเกม (ยกเว้นคุณจะนับ คำว่า Start Game )
CG ใน Journey นั้นสวยงาม อลังการ สดใส ตื่นเต้น สนุก และในบางฉากก็ช่างหดหู่ เศร้า เหลือเกิน เป็น CG ที่ผมยอมรับแบบหมดใจเลยจริงๆว่า เป็นเกมที่สวยที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยเล่นมา โดยเฉพาะ ทรายที่ไม่รู้ว่าเขาทำไปได้ยังไง ทรายนั้นเคลื่อนไหวได้อย่างอัศจรรย์จนไม่น่าเชื่อว่าเรากำลังนั่งเล่นเกมอยู่ การเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆที่สวยงามสุดๆ และที่สำคัญ CG ใน Journey ไม่ได้มีดีแค่สวยเท่านั้น แต่มันสื่อความหมายอะไรหลายๆอย่างโดยไม่ต้องใช้คำพูดอีกด้วย
Soundtrack ใน Journey นั้นก็ยังคง สวยงาม อลังการ และ หาคำบรรยายทั้งวันไม่หมดอีกเช่นกัน และ Soundtrack ใน Journey เป็นเพียงสิ่งเดียวที่คุณจะได้ยินในเกมนอกจากเอฟเฟคต่างๆ เพราะ ตัวเกมไม่มีเสียงพูดใดๆเลย แต่มันช่างสวยงามเหลือเกิน และ เข้ากับฉากนั้นๆได้เป็นอย่างดี
Gameplay ที่สนุก ตื่นเต้น มากๆ คุณมักจะอยากรู้ต่อๆไปว่าด่านต่อไปจะเป็นอย่างไร และ ตัวเกมนั้นมีการต้องใช้สมองในการผ่านบ้าง แต่ไม่ถึงกับยากมาก
จุดที่น่าจะทำให้ Journey เป็นเกมที่ดีที่สุดในทศวรรษนี้เลยก็ได้อีกจุดนึงเลยก็คือ การเล่าเรื่อง ที่ใช้เพียงแค่ภาพอาร์ตต่างๆที่แค่ตัวอาร์ตก็สวยงามสุดๆและสื่อความหมายได้ดีสุดๆแล้ว แต่ด้วยการที่ตัวเกมไม่มีภาษาอะไรเลย ไม่มีภาษาอะไรเลยจริงๆ นอกจากคำว่า Start Game จริงๆนอกนั้นไม่มีอะไรทั้งนั้น ไม่มีญี่ปุ่น ไม่มีอังกฤษ ไม่มีไทย ไม่มีภาษาใดๆเลย นั้นหมายความว่า ตัวเกมนั้นปล่อยคุณให้อิสระคุณในการตีความของคุณจากประสบการณ์ของคุณเอง และ ไม่ว่าการตีความไหนๆก็ไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย และนั้นทำให้การเล่นเกม Journey นั้นคุณไม่จำเป็นจะต้องฟังภาษาคนรู้เรื่องคุณก็ยังเล่นเกมนี้และเข้าใจมันได้ พูดจริงๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มาจากที่ใด มาจากทวีปโซนใด หรือ ประเทศ อะไร แม้กระทั่งพูดภาษาอะไร ก็ไม่สำคัญเลย นั้นทำให้ตัวเกมนั้นสุดยอดอย่างอธิบายไม่ถูกจริงๆ
ระบบ Online Co-op ก็คิดได้อย่างดีจริงๆโดยตัวเกมเวลาเราเล่นอยู่นั้นเราอาจจะเจอคนที่คล้ายๆเรากำลังผจญภัยอยู่เช่นกันได้ และเราก็สามารถร่วมเดินทางไปกับเขาได้เช่นกัน ทั้งๆที่ตัวเกมไม่มีบอกด้วยซ้ำว่าคนๆนั้นเป็นใคร PSN ID อะไร ไม่มีแม้กระทั่ง Message หรือ ระบบพูดคุยด้วยซ้ำ แต่เหมือนเราสามารถสื่อสารกับเขาได้ และ เราแชร์การผจญภัยนี้ด้วยกันอย่างสนุกช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยไม่แม้แต่ที่จะพูดกันซักคำ หรือ แม้กระทั่งรู้จักกันด้วยซ้ำไป ยิ่งทำให้ตัวเกมนั้นเพิ่มระดับไปอีกขั้นอีก
Journey เป็นเกมที่ถ้าคุณมี PS3 ยังไงคุณก็ต้องหามาเล่นให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม เป็นเกมที่หาคำอธิบายคงยากนักกว่าจะหมด CG ที่สวยงามอลังการ ให้ควาหมายมากมาย ในบางฉากก็ช่างหดหู่ เศร้า หรือ ตื่นเต้น และ สนุกได้เช่นกัน Soundtrack ที่งดงามหาคำบรรยายไม่ได้ และ เข้ากับตัวฉากได้อย่างดิบดี การเล่าเรื่องที่แสนฉลาดและปล่อยให้คุณใช้ความคิดของคุณเอง และ คุณสามารถที่จะเข้าใจมันได้โดยไม่จำเป็นจะต้องอ่านภาษาใดๆบนโลกรู้เรื่องเลยด้วยซ้ำไป เพราะ ตัวเกมนั้นไม่มีภาษาอะไรเลยทั้งเกม (ยกเว้น Start Game แค่นั้นแหละ) ระบบออนไลน์ Co-op ที่ทำให้คุณเล่นกับผู้เล่นคนอื่น ช่วยเหลือกัน สนุกด้วยกัน โดยที่ไม่ต้องคุยกันสักคำเดียว ไม่ต้องรู้จักกันด้วยซ้ำไป ใช้เพียงแค่มือทั้งสองข้างของคุณกดจอย และ หัวใจ กับ สมอง ก็เพียงพอแล้ว Journey นั้นจากจุดนี้ผมรู้สึกได้ว่ามันเป็นมากกว่าเพียงแค่เกมไปแล้ว มันเหมือน ศิลปะ เหมือน Art เหมือนอะไรบางอย่างที่หาคำอธิบายใดๆมาอธิบายไม่ได้ และ เป็นเกมที่พูดได้เลยว่าสั้นมากๆเพียงแค่ 2-3 ชม. หรือน้อยกว่า เท่านั้น แต่กลับทำให้ผมรู้สึกว่า "นี้คือเกมที่ดีที่สุดในชีวิต" จริงๆ เพียงแค่ Game of the Year มันยังแทบจะดูสบประมาทไปด้วยซ้ำไป สำหรับเกมที่สุดยอดขนาดนี้ Journey คือเกม Masterpiece of Masterpiece ที่แท้จริง
จุดที่ตัวเกมทำได้ดี
+ CG ที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยม และ ให้ควาหมายในทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง สวยงาม อลังการ แต่ในบางฉากกลับหดหู่ เศร้า ในบางฉากตื่นเต้น สนุก โดยเฉพาะ ทรายที่ทำ CG มาได้สุดยอดจนคิดว่า คงไม่มีเกมใดทำทรายออกมาได้สวยเท่านี้อีกแล้ว
+ Soundtrack ที่สวยงาม อลังการ หดหู่ ตื่นเต้น เศร้า สิ้นหวัง มีความหวัง อื่นๆอีกมากมาย และ เข้ากับแต่ละฉากได้อย่างดี
+ การเล่าเรื่องที่สุดแสนฉลาด โดยไม่ต้องใช้แม้แต่คำพูดหรือภาษาใดๆเลยทั้งเกม ย้ำทั้งเกม คุณจะเป็นคนตัดสิน และ เข้าใจมันเอง เปรียบเสมือนคุณเป็นผู้แต่งเรื่องราวเอง
+ ระบบ Co-op ที่สุดแสนฉลาด คุณจะสนุกไปกับผู้เล่นอีกคนได้ ช่วยเหลือกันและกัน มีอารมณ์ในแต่ละฉากร่วมกัน โดยที่ไม่แม้แต่พูดกันสักคำ ไม่แม้แต่รู้ว่าเขา PSN ID อะไรด้วยซ้ำไป เพียงแค่ใช้ มือสองข้าง Joystick หัวใจ และ สมองของคุณเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
+ ไม่มีระบบหน้าต่าง Panel แถบเสตตัส อะไรให้วุ่นวายทั้งนั้น ทั้งเกมที่คุณจะเห็นและได้ยินคือ CG ต่างๆ เอฟเฟคต่างๆ และ Soundtrack เท่านั้น ไม่มีคำพูด ไม่มีหน้าต่างอื่นๆ ไม่มีเปิด Map ไม่มีเสียงพากษ์ ไม่มีภาษาเลย แต่กลับเป็นเกมที่สื่อความหมายได้ยอดเยี่ยม และ กว้างขวางอย่างหาคำเปรียบไม่ได้ มากกว่าเกมที่มีสิ่งเหล่านี้บางเกมหลายเท่านัก
Final Score : [ S ] & [ LEGENDARY BADGE , MUST PLAY BADGE ]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น