Movie Review
เฮ้อ.....ภาพยนตร์ที่มีต้นแบบมาจากหนังสือขายดีอีกเรื่องที่ก็ยังคงห่วยแตก
Movie Name : The Mortal Instruments : City of Bones ( 2013 ) , Action / Adventure
Director : Harald Zwart ( The Karate Kid , The Pink Panther 2 )
Stars : Lilly Collins ( Priest , The Blind Side ) , Jamie Campbell Bower ( The Twilight Saga Breaking Dawn Part 1 & 2 ) , Jared Harris ( Sherlock Homes : Games of Shadows , Lincoln ) , Jonathan Rhys Meyers ( MI3 , Match Point )
Rating : PG -13
REVIEW
ต้องขอบอกตามตรงเลยว่าผมค่อนข้างจะท้อกับภาพยนตร์แนว Action Fantasy Adventure พวกทำนองนี้ที่มีต้นแบบมาจากหนังสือนวนิยายเสียแล้ว เพราะ ช่วงหลังๆมา ถ้าไม่นับพวก The Hobbits , Harry Potter , The Lord of The Rings , The Hunger Games แล้วล่ะก็ มันมักจะห่วยแตกเสมอๆ ถึงแม้ต้องขอสารภาพเลยว่าผมค่อนข้างจะเป็นคนที่ชอบเรื่องราวอะไรแบบนี้เสียด้วย เช่น I Am Number Four เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่ยอมรับเลยว่าค่อนข้างแย่ แต่ผมชอบมันมากๆและผมรู้ถ้าหากมันทำออกมาดีพอละก็ มันจะเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งเลยที่น่ากลัวไม่แพ้พวก Harry Potter ถึงแม้ภาพยนตร์เหล่านี้ผมจะไม่เคยอ่านหนังสือเลยก็ตาม หรือ อย่างล่าสุด Beautiful Creatures ผมมองเห็น Potential หรือ ความเป็นไปได้ของมันที่ช่างสูงนัก รวมไปถึงนักแสดงหลายๆคนอย่างเช่น Jeremy Irons จาก Beautiful Creatures หรืออย่างในภาพยนตร์เรื่องนี้เองก็มีนักแสดงที่ผมชอบหลายคน อย่างเช่น Jared Harris หรือ Jonathan Rhys Meyers แต่ไม่รู้เป็นอะไรภาพยนตร์แนวนี้มันมักจะห่วยเสมอๆ ยิ่งผมได้ชมเรื่องนี้ผมยิ่งแทบจะสิ้นหวังไปเรียบร้อยแล้ว
The Mortal Instruments : City of Bones นั้นเป็นภาพยนตร์ที่มีต้นแบบมาจากหนังสือนวนิยายขายดีชุด The Mortal Instruments ที่มีประมาณ 6 เล่มแล้ว ณ ตอนนี้ ซึ่งขอสารภาพเลยว่าผมไม่เคยอ่านเลยซักเล่มจริงๆ และ หลายๆคนก็กังวลว่ามันจะกลายเป็น Twilight ไปอีกไหม ซึ่งผมก็ได้ยินมาว่าหลายๆคนที่เคยอ่านหนังสือมาก่อน บอกว่ามันไม่มีอะไรใกล้เคียงกับ Twilight เลย
The Mortal Instruments : City of Bones ต้องขอสารภาพเลยว่า ในช่วง 1 ชั่วโมงแรกของภาพยนตร์ ผมค่อนข้างจะสนใจมากๆ มันมีหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว เช่น เรื่องราวต่างๆ ตัวละครต่างๆ มันช่างน่าสนใจเหลือเกิน นอกจากนั้นตัวภาพยนตร์ยังมีฉาก Action ตื่นเต้นที่ค่อนข้างจะสนุก และยอมรับเลยว่า ผมไม่ค่อยจะรู้สึกเบื่อเลยในภาพยนตร์เรื่องนี้ในช่วงแรก รวมไปถึง Jonathan Rhys Meyers ที่ผมว่าเขาเล่นตัวร้ายได้ซะใจดี มีหลายๆช่วงในภาพยนตร์ที่ดูค่อนข้างดี และ น่าตื่นเต้นทีเดียวเลย
แต่หลังจาก 1 ชั่วโมงผ่านไป หนังก็เปลี่ยนไปหยั่งกะคนละเรื่อง แบบนึกว่ามานั่งดู Twilight อีกรอบ O M G ผมเคยบอกไปแล้วว่าผมไม่ได้เกลียดภาพยนตร์ Twilight อะไรมากมาย แต่ผมเบื่อมากกับภาพยนตร์หลายเรื่องที่ใช้ฉากเหล่านี้จนน่ารำคาญ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งมันมีแต่จะทำให้อะไรๆแย่ลง ใน 1 ชั่วโมงหลัง หนังทั้งเรื่องกลายเป็น Twilight แทบจะทุกสิ่ง ฉากรักที่ช่างแสนน่ารำคาญ และ ความรักของสองคนนี้ไม่น่าเชื่อถือด้วยซ้ำไป หลายๆครั้งที่ผมพูดออกมาว่า "จบเสียทีเถอะ พระเจ้า" เพราะ ผมรำคาญกับฉากรักในภาพยนตร์เรื่องนี้มาก ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมหนังแบบนี้มันจะต้องมีฉากอะไรแบบนี้ที่ทุกสิ่งทุกอย่างในฉากมันช่างน่าขันเหลือเกิน หรือ เพราะว่าทางค่ายบอกมาว่านี้มันหนังวัยรุ่นนะ เพราะ ฉะนั้นจะต้องมีฉากรักไร้ปัญญาหน่อย รึเปล่าถึงได้จะต้องมี นอกจากนั้นบทที่น่าสนใจก็จบกันหมดใน 1 ชั่วโมงหลัง เพราะ หนังเน้นไปที่ฉาก Action มากจนเกินไป จนทุกอย่างมันดูมั่วไปหมด และ พอไม่ Action ก็เข้า Romance ทันที จนหลายๆครั้งตัวหนังอธิบายหลายๆสิ่งหลายๆอย่างเร็วเกินไปจนพางงไปหมด นอกจากนั้นบางสิ่งบางอย่างก็ไม่ได้อธิบายด้วยซ้ำ หลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลยในภาพยนตร์แม้จะเป็นในโลกของ The Mortal Instruments ก็ตาม ที่สำคัญคือ มันชื่อตอนว่า City of Bones แต่ทั้งเรื่องไปอยู่ใน City of Bones ราวๆ 3 นาที หรือ น้อยกว่า มันจะชื่อตอนว่า City of Bones ทำพระแสงอะไรมิทราบ มีบท/Dialog บางช่วงที่ทำให้รู้สึกว่าไม่พูดยังจะดีเสียกว่า คล้ายๆกับกรณีที่บอกว่า "เนี้ยเขาคนเนี้ยโคตรเทพเลยนะ โหดที่สุดในสามโลก" แต่พอเอาเข้าจริงกลับไม่ได้เฉียดที่พูดเลยแม้แต่น้อย นั้นก็คือ ภาพยนตร์พูดอวยเพื่อให้คุณเชื่อ แต่ตัวละครจริงๆไม่ได้เป็นแบบนั้น ซึ่งมันเลวร้ายมาก ไม่พูดยังจะดีซะกว่า แตกต่างกับตัวละครในบางเรื่อง อย่างใน Star Trek : Into Darkness ที่ตัวละครร้ายในเรื่องนั้นดูร้ายจริง ดูฉลาดจริง ที่ต่อให้หนังไม่ต้องพูดอะไรคนดูก็รู้เองได้ แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยในภาพยนตร์เรื่องนี้
สิ่งที่มันทำให้ผมรู้สึกโกรธนั้นมันมาจากสาเหตุหลายอย่าง อย่างหลักๆก็คล้ายๆกับเหตุผลที่ผมเกลียด R.I.P.D. เพราะว่า คุณมีนักแสดงที่ดี ผมบอกได้เลยว่านักแสดงบางคนในเรื่องนี้ค่อนข้างดี อย่างเช่นใน R.I.P.D. คุณมี Jeff Bridges ที่ก็คงไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเป็นนักแสดงที่สุดยอดแค่ไหน หรือ อย่าง Ryan Reynolds ที่ผมค่อนข้างจะชอบเขา ถึงแม้เขาจะโชคร้ายไปอยู่หนังเรื่องอะไรก็เฟลเพราะบทแทบจะทุกเรื่อง หรือ มันมี Potential ความเป็นไปได้ หรือ องค์ประกอบ Element ต่างๆในภาพยนตร์ที่ช่างน่าสนใจ น่าติดตาม จนคุณรู้ว่าเนี้ยมันเป็นภาพยนตร์ที่ดีได้แน่นอน"ถ้า"หากมันใช้ได้อย่างถูกต้อง Case เดียวกันกับใน The Mortal Instruments ภาพยนตร์เรื่องนี้นั้น มีบทที่ช่างน่าสนใจ น่าติดตาม element ส่วนประกอบต่างๆที่ช่างน่าสนใจ นักแสดงอย่าง Jared Harris หรือ Jonathan Rhys Meyers และหลายๆคน แต่สุดท้ายมันกลับออกมาห่วย เหมือนคุณมีวัตถุดิบที่ดีแต่ เพราะคนทำมันห่วยทุกๆอย่างก็เหมือนจะสูญเปล่าไปในสายลมในทันใด ซึ่งมันทำให้ผมค่อนข้างจะโมโหอยู่บ้าง
The Mortal Instruments : City of Bones ยังคงเป็นได้แค่ภาพยนตร์วัยรุ่นที่ดัดแปลงมาจากหนังสือนวนิยายขายดี ที่ยังคงห่วย ทั้งๆที่มีบทและองค์ประกอบต่างๆที่น่าสนใจ น่าติดตาม นักแสดงที่ดี และ 1 ชั่วโมงแรกที่มีความหวังอยู่บ้าง แต่ 1 ชั่วโมงหลัง มันคือหายนะชัดๆ ด้วยฉากรักที่ยัดเยียดน่ารำคาญเป็นที่สุด และ เป็นฉากรักที่ช่างปยอ.จริงๆ ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างมันดูมั่วเละเทะไปหมด ได้โปรดเลิกเสียที เลิกทำตัวเป็น Twilight ได้แล้ว ณ ตอนนี้ ภาพยนตร์นั้นน่าจะมีภาคต่อไปค่อนข้างจะแน่นอนแล้ว ก็คือ City of Ashes แต่ผมค่อนข้างเป็นห่วงว่าถ้ายังเป็นผู้กำกับคนเดิมอยู่สุดท้าย มันก็อาจจะเป็นหายนะที่ไม่แตกต่างจากภาคแรกเลย
จุดที่ภาพยนตร์ทำได้ดี :
+ 1 ชั่วโมงแรกที่ดำเนินเรื่องได้อย่างน่าสนใจ น่าติดตาม
+ องค์ประกอบต่างๆในภาพยนตร์ที่ช่างน่าสนใจ
+ มี Potential หรือ โอกาสที่จะเป็นภาพยนตร์ที่ดีได้
+ มีนักแสดงที่ดีๆหลายคน
+ มีบางช่วงในภาพยนตร์ที่ดี
จุดที่ไปไม่รอด :
- 1 ชั่วโมงหลังที่แทบจะกลายเป็น Twilight ไปทั้งเรื่อง
- ฉากรักที่ช่างแสนน่ารำคาญ ปยอ.
- การอธิบายสิ่งต่างๆในช่วงหลังที่เละเทะไปหมด
- หลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่ช่างงี่เง่า และ ไม่สมเหตุสมผล แม้ในโลกของ The Mortal Instruments
- ช่างน่าเสียดายโอกาสของสิ่งต่างๆในภาพยนตร์ที่น่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ดีได้ (ซึ่งหวังว่าภาคหน้าจะดีขึ้น ??)
- ฉาก Action ช่วงหลังที่มั่วเละเทะไปหมด
- ตกลงจะชื่อตอน City of Bones เพื่ออะไร
- ตัวภาพยนตร์พูดอวยตัวละคร แต่ตัวละครนั้นไม่ได้เป็นแบบที่ภาพยนตร์พูดจริงๆ
Final Score : [ C ]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น