Nymphomaniac Part 1 & Part 2 ( 2013 ) Movie Review
"อีกหนึ่งภาพยนตร์อันหนักหน่วงของลาร์ส วอน เทียร์ที่ยังคงการเล่าเรื่องที่น่าสนใจและน่าติดตาม ถึงแม้ว่าบางครั้งมันจะก้าวไปไกลเกินกว่าที่จำเป็นก็ตาม"
ถ้าหากพูดถึงผู้กำกับบนโลกสักคนหนึ่ง ที่มีผู้ชมหลายคนถึงกับขยาดเมื่อพูดชื่อออกมาหรือบางคนอาจจะถึงขนาดเกลียดเลยด้วยซ้ำ หนึ่งในนั้นก็คงจะต้องมีชื่อของลาร์ส วอน เทียร์ด้วยอยู่อย่างแน่นอน
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ตัวภาพยนตร์ของเขาเรียกได้ว่าแทบจะทุกเรื่องมีภาพและเนื้อหาที่ค่อนข้างจะรุนแรง ท้าทายและกระตุ้นความคิดของผู้ชมอยู่ตลอดเวลา ในส่วนของภาพตัวเขาเองก็ไม่มีการละอายใดๆที่จะใส่ภาพโป๊เปลือยหรือรุนแรงเข้าไปในภาพยนตร์ของเขา หรือ ในด้านของบทภาพยนตร์เอง ก็มักจะเต็มไปด้วยการพูดถึงด้านมืดในมนุษย์ที่จริงจังและไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งนั้น นี้ยังไม่รวมถึงการผสมผสานเทคนิคที่ย้อนแย้งกับฉากนั้นๆเข้าไปในภาพยนตร์ของเขาเพื่อแยกผู้ชมออกจากตัวภาพยนตร์อย่างจงใจ และสร้างความอึดอัดให้กับผู้ชมไม่ใช่น้อยอีกด้วย
แต่จะว่าไปแล้ว เพราะความที่การกำกับของเขาไม่มีการประนีประนอมใดๆเลยนี้แหละ ทำให้ในอีกด้านหนึ่งกลายเป็นจุดเด่นในภาพยนตร์ของเขาไปในทันที แตกต่างจากภาพยนตร์หลายๆเรื่องที่ไม่กล้านำเสนอฉากที่รุนแรงหรือกระทบและท้าทายจิตใจผู้ชมมากๆ ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นสิ่งสำคัญและแม้กระทั่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงก็ตาม
แน่นอนว่า Nymphomaniac ซึ่งแยกเป็นสองพารท์เนื่องจากความยาวของตัวภาพยนตร์ ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นในเงื่อนไขข้างบนแต่อย่างใด มันเป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องของเด็กสาว โจซึ่งเป็นโรคติดเซ็กส์ ผ่านชีวิตของเธอที่ถูกความตัณหาครอบงำและไม่อาจจะหยุดมันได้ สิ่งที่ดูเหมือนจะสวยงามนี้เองเริ่มที่จะครอบงำและพาเธอจมดิ่งสู่หายนะขึ้นเรื่อยๆ
ผู้เขียนแนะนำว่า ถ้าหากคุณจะชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ให้เตรียมทำใจเอาไว้ก่อนเนิ่นๆเลย ไม่ว่าจะเป็นฉากโป๊เปลือย โชว์กันแบบไม่แคร์สื่อ หรือแม้กระทั่งฉากทารุณซาดิสและเซ็กส์ที่จัดเต็มสุดๆก็มีให้เห็นอยู่แทบจะทุก 10 นาทีในภาพยนตร์รับรองได้ว่ามีกันให้เห็นแบบไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
สิ่งที่น่าสนใจมากๆสำหรับตัวผู้เขียนในภาพยนตร์เรื่องนี้และตัวผู้กำกับลาร์ส วอน เทียร์เองเลยก็คือ ผู้ชมหลายๆคนมักจะด่าตัวลาร์ส วอน เทียร์ว่าเป็นผู้กำกับที่น่าขยะแขยงและรังเกียจ ชอบฉากเซ็กส์ โป๊เปลือย รวมถึงเนื้อหาอันรุนแรง และทารุณเพศหญิงเป็นที่สุด แต่ผู้เขียนต้องพูดเลยว่าแทบจะเห็นตรงกันข้ามกับคนเหล่านั้นเลย
เพราะถ้าหากคุณสามารถที่จะมองผ่านฉากเซ็กส์โป๊เปลือยหรือเนื้อหาอันรุนแรงนี้เข้าไปเจอในสิ่งที่ตัวภาพยนตร์ต้องการจะพูดจริงๆแล้ว คุณก็จะพบว่าตัวมันเองไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย แต่แทบจะกลับกันด้วยซ้ำ
Nymphomaniac ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่เชิดชูเซ็กส์หรือการทารุณกรรมสตรี แต่มันเป็นภาพยนตร์ที่ด่าทอและแทบจะชูนิ้วกลางให้กับบุรุษทั้งหลายที่ใช้สตรีเป็นเครื่องมือกดขี่ทางเพศต่างหาก ยิ่งไปกว่านั้นตัวภาพยนตร์ยังให้กำลังใจสตรีเหล่านั้นให้ลุกยืนขึ้นมาต่อสู้กับบุรุษพวกนี้ซึ่งมีให้เห็นอยู่จริงในโลกหรือสังคมทุกสังคมด้วยซ้ำไป
อีกสิ่งหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กับประเด็นของมันเลยก็คือการกำกับของลาร์ส วอน เทียร์ ซึ่งยังคงการเล่าเรื่องที่น่าสนใจและน่าติดตามเช่นเคย ถึงแม้ว่าเนื้อหามันจะหนักหน่วงมากก็ตาม ด้วยการที่เขามักจะให้ตัวละครในภาพยนตร์จุดประเด็นบางอย่างขึ้นมาเพื่อเป็นการยั่วผู้ชมให้สนใจและจากนั้นก็ค่อยๆพาเราไปสู่เรื่องเล่าต่างๆ
นอกจากนั้นแล้ว เทคนิคทางด้านภาพยนตร์ที่แยกผู้ชมออกจากตัวภาพยนตร์ของเขาเองก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ใน Nymphomaniac เช่นการใส่เสียงดนตรีขัดแย้งกับฉาก หรือ การนำฉากแต่ละฉากมาเรียงต่อกัน รวมถึงการใส่ภาพอวัยวะเพศทั้งหลายเข้ามาในภาพยนตร์ ก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ผลักผู้ชมออกจากตัวภาพยนตร์และทำให้มองเป็นกลางโดยไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าเทคนิคต่างๆเมื่อเทียบกับผลงานช่วงแรกๆของเขาอย่าง Europa จะค่อนข้างลดน้อยลงไปเยอะ แต่มันก็ไปเพิ่มความหนักหน่วงทางด้านบทภาพยนตร์ด้วยเช่นเดียวกัน
แต่...ก็ใช่ว่า Nymphomaniac จะไม่มีปัญหาเลยเสียทีเดียว หลายครั้งตัวภาพยนตร์เองก็ก้าวและพยายามนำเสนอสิ่งที่หนักหน่วงมากจนเกินไป โดยที่มันไม่ได้ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในตัวภาพยนตร์หรือนำเสนอสิ่งใหม่เลยแม้แต่น้อย ซึ่งปัญหานี้เกิดหนักยิ่งขึ้นในพารต์ที่สอง ตัวภาพยนตร์เอาแต่พูดเรื่องเดิมๆซ้ำซากและไม่ไปไหนเลย เพียงแต่เพิ่มดีกรีความรุนแรงเท่านั้นเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายไม่ใช่น้อย จริงๆแล้วถ้าหากตัวภาพยนตร์ตัดบางส่วนที่ไม่ค่อยมีผลอะไรมากออกไป ก็น่าจะรวมเป็นเรื่องเดียวโดยไม่ต้องแยกเป็นสองส่วนได้เลยด้วยซ้ำไป
ในท้ายที่สุดแล้ว Nymphomaniac Part 1 & Part 2 ก็เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์อันหนักหน่วงของผู้กำกับลาร์ส วอน เทียร์ที่ยังคงการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ น่าติดตาม ถึงแม้ว่าบางครั้งมันจะก้าวไปไกลเกินกว่าที่จำเป็นก็ตาม มันยังคงเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ของลาร์ส วอน เทียร์ที่ไม่ใช่ผู้ชมทุกคนจะทนดูมันจนจบได้ แต่ถ้าหากคุณสามารถที่จะมองผ่านเปลือกนอกมันไปได้ มันก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ทรงพลังและทำให้คุณเปลี่ยนความคิดไปจากแค่เปลือกของมันไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
Final Score : [ A ]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น